2 ม.ค. 2023 เวลา 08:53
ฎีกาที่ 1191/2563 (บางส่วน)
ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ พ.499/2557 หมายเลขแดงที่ พ.2141/2557 ของศาลจังหวัดเชียงใหม่ที่จำเลยทั้งสองเป็นโจทก์ฟ้องโจทก์และนายสมนึกเป็นจำเลยนั้น มีประเด็นแห่งคดีว่า สัญญาขายฝากที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นนิติกรรมอำพรางการกู้ยืมเงินระหว่างจำเลยทั้งสองกับนายสมนึกหรือไม่
ซึ่งศาลจังหวัดเชียงใหม่อันเป็นศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวได้วินิจฉัยไว้ว่า สัญญาขายฝากที่ดินพิพาททั้งสองแปลงมิใช่นิติกรรมที่ทำขึ้นเพื่ออำพรางการกู้ยืมเงินระหว่างจำเลยทั้งสองกับนายสมนึก ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงจึงตกเป็นของนายสมนึกตั้งแต่วันรับซื้อฝาก เมื่อจำเลยทั้งสองไม่ไถ่ถอนที่ดินพิพาททั้งสองแปลงคืนภายในกำหนด
นายสมนึกจึงมีสิทธิขายที่ดินพิพาททั้งสองแปลงให้แก่โจทก์ในคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีดังกล่าว ตามคำวินิจฉัยของศาลจังหวัดเชียงใหม่ดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยในเรื่องความสมบูรณ์ของนิติกรรมการขายฝากที่จำเลยทั้งสองในคดีนี้ทำกับนายสมนึก ส่วนคดีนี้โจทก์ซึ่งได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงมาตามสัญญาซื้อขายที่โจทก์ทำกับนายสมนึกฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสองและเรียกค่าเสียหาย อันเป็นการใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท
โดยมีประเด็นแห่งคดีว่า จำเลยทั้งสองอยู่ในที่ดินพิพาทโดยละเมิดหรือไม่และจำเลยทั้งสองต้องรับผิดชำระค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด ซึ่งเป็นคนละประเด็นกับคดีก่อน กรณีจึงมิใช่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาลนั้นอีกในประเด็นแห่งคดีที่ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้ว การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
ดังศาลอุทธรณ์ภาค 5 วินิจฉัยไว้ไม่ แต่อย่างไรก็ตาม การที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่วินิจฉัยไว้ดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันจำเลยทั้งสองในคดีนี้ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง คดีนี้จึงต้องฟังว่าสัญญาขายฝากที่ดินพิพาททั้งสองแปลงระหว่างจำเลยทั้งสองกับนายสมนึกมีผลสมบูรณ์ และโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงมาจากการซื้อขายโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองที่อยู่ในที่ดินพิพาทโดยละเมิดได้ หาใช่ไม่มีอำนาจฟ้องดังจำเลยทั้งสองฎีกาไม่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา