3 ม.ค. 2023 เวลา 03:12
ฎีกาที่ 48/2563
เมื่อจำเลยไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาซึ่งให้ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนพยานเกี่ยวกับข้ออ้างของโจทก์ไปฝ่ายเดียว ดังนั้น ในการอ้างสัญญาเช่าซื้อเป็นพยาน จึงรับฟังได้แต่ต้นฉบับสัญญาเช่าซื้อเท่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7
และการที่ทนายโจทก์อ้างว่าโจทก์ไม่ยอมส่งต้นฉบับสัญญาเช่าซื้อให้ทนายโจทก์ ก็ไม่ใช่เป็นกรณีที่ต้นฉบับเอกสารดังกล่าวหาไม่ได้อันเป็นเหตุที่โจทก์จะขออนุญาตศาลให้นำสำเนามาให้ศาลไต่สวนได้ ส่วนที่โจทก์ฎีกาอ้างว่า จำเลยไม่ได้คัดค้านการนำสำเนาสัญญาเช่าซื้อมาสืบนั้น แม้จะฟังว่าจำเลยไม่คัดค้านการนำสำเนาสัญญาเช่าซื้อมาสืบดังที่โจทก์อ้างในฎีกา และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ( 4 ) ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7
บัญญัติให้ศาลรับฟังสำเนาเอกสารเช่นว่านั้นเป็นพยานหลักฐานได้ก็ตาม แต่ตอนท้ายของบทบัญญัติดังกล่าว ระบุด้วยว่า ทั้งนี้ ไม่ตัดอำนาจศาลตามมาตรา 125 วรรคสาม กล่าวคือ เมื่อศาลเห็นสมควร ศาลมีอำนาจไต่สวนและชี้ขาดในเรื่องการมีอยู่ ความแท้จริง หรือ ความถูกต้องแห่งสำเนาสัญญาเช่าซื้อได้ ตามคำเบิกความของนายวิทวัส ผู้รับมอบอำนาจช่วงโจทก์ปรากฏว่า เมื่อโจทก์ส่งสำเนาสัญญาเช่าซื้อประกอบคำเบิกความศาลชั้นต้นไม่รับสำเนาเอกสารดังกล่าว
บ่งชี้ว่าศาลชั้นต้นใช้อำนาจไต่สวนและชี้ขาดในเรื่องการมีอยู่ ความแท้จริง หรือความถูกต้องแห่งสำเนาสัญญาเช่าซื้อ และเมื่อศาลชั้นต้นสอบถาม นายวิทวัสก็รับว่าไม่มีต้นฉบับเอกสารนั้นมาแสดงเป็นพยานหลักฐานให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดในเรื่องการมีอยู่ ความแท้จริง หรือความถูกต้องแห่งสำเนาสัญญาเช่าซื้อได้
จึงไม่อาจรับฟังสำเนาเอกสารนั้นเป็นพยานหลักฐานได้ ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์มีต้นฉบับสัญญาเช่าซื้ออยู่ในวันนัดไต่สวนตามสัญญาเช่าซื้อแนบท้ายฎีกานั้น ในวันนัดไต่สวนคดีนี้ นายวิทวัสเบิกความรับว่าไม่มีต้นฉบับเอกสารนั้นมาแสดงเป็นพยานหลักฐานดังวินิจฉัยข้างต้นแล้ว และการที่โจทก์ยื่นต้นฉบับสัญญาเช่าซื้อมาพร้อมฎีกา ก็เป็นการยื่นเอกสารที่ล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาแล้ว และที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การย่อมรับฟังได้แล้วว่าจำเลยทำสัญญาเช่าซื้อตามฟ้อง
เป็นทำนองว่าโจทก์ไม่ต้องนำต้นฉบับสัญญาเช่าซื้อมาแสดงต่อศาล นั้น แม้จำเลยไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาซึ่งให้ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การก็ตาม แต่ศาลจะมีคำพิพากษาให้โจทก์ เป็นฝ่ายชนะคดีโดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การมิได้ เว้นแต่ศาลเห็นว่าคำฟ้อง ของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 ทวิ วรรคหนึ่ง
ประกอบพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มาตรา 7 เมื่อศาลชั้นต้นให้ไต่สวนพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว โจทก์จึงต้องนำต้นฉบับสัญญาเช่าซื้อมาแสดงต่อศาล ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย (พิพากษายืน (ยกฟ้อง))

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา