Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Biscuitstrong
•
ติดตาม
8 ม.ค. 2023 เวลา 12:47
ฎีกาที่ 252/2562 (บางส่วน)
การแต่งงานอยู่กินฉันสามีภริยาของนาย จ. กับนางสาว อ. เป็นการอยู่กินกันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสนางสาว อ. จึงมิใช่ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนาย จ. ต่อมาภายหลังได้แยกกันอยู่โดยการใช้ชีวิตประจำวันของนางสาว อ. อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่
ส่วนนาย จ. ประกอบธุรกิจและพักอาศัยอยู่ที่กรุงเทพมหานคร การที่โจทก์อ้างว่าที่ดินและหุ้นพิพาทของนาย จ. เป็นทรัพย์สินที่นางสาว อ. ทำมาหาได้ ร่วมกันกับนาย จ. โดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมกันระหว่างสามีภริยาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ข้อเท็จจริงต้องได้ความว่า สามีภริยาต่างมีส่วนร่วมกันในการทำมาหาได้ในทรัพย์สินนั้นด้วยกัน
หาใช่ว่าทรัพย์สินที่ได้มาในระหว่างเป็นสามีภริยาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายให้ถือว่าสามีภริยาต่างมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินนั้นคนละครึ่งหนึ่ง ซึ่งแตกต่างไปจากเรื่องของสามีภริยาโดยชอบด้วยกฎหมาย เพราะกฎหมายบัญญัติถึงความสัมพันธ์ระหว่างสามีภริยาในเรื่องทรัพย์สินอันสามีภริยาได้มาระหว่างสมรสว่าเป็นสินสมรส โจทก์จึงมีภาระการพิสูจน์ในประเด็นนี้ให้เห็นการมีส่วนร่วมในการทำมาหาได้ ของนางสาว อ. ด้วย
แต่โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นตามกล่าวอ้าง ประการที่สองเกี่ยวกับการขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของนาย จ. ในปี 2514 นั้นเอกสารสำคัญในส่วนนี้เป็นบันทึกข้อความการขอแปลงสัญชาติเป็นไทย แม้โจทก์จะโต้แย้งคัดค้านว่าเป็นเอกสารปกปิดชั้นความลับมิใช่เอกสารที่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ หรือไม่ใช่ต้นฉบับเอกสาร หรือสำเนาเอกสารตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 ก็ตาม
แต่ปรากฏว่าก่อนมีการสืบพยานเอกสารฉบับดังกล่าว กองบัญชาการตำรวจสันติบาลซึ่งได้รับมอบหมายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหนังสือตอบให้ศาลทราบว่า ทำการตรวจสอบค้นหาเอกสารการขอแปลงสัญชาติเป็นไทยของนาย จ. หรือ ซ. แล้วปรากฏว่าไม่พบเอกสารดังกล่าวแต่อย่างใด และไม่มีหลักฐานว่าอยู่ที่ใด เนื่องจากเอกสารดังกล่าวมีอายุกว่า 40 ปี
ซึ่งในห้วงเวลานั้นมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและย้ายที่ทำการหลายครั้ง เชื่อว่าอาจชำรุดหรือสูญหายในระหว่างขนย้าย กรณีดังกล่าวจึงเข้าหลักเกณฑ์ของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 (2) ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังสำเนาเอกสารได้…ประการสุดท้ายเกี่ยวกับภาระการพิสูจน์นั้น ทรัพย์พิพาทในส่วนที่เป็นที่ดินมีชื่อนาย จ. เป็นเจ้าของโฉนดที่ดิน จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานของกฎหมายว่าเป็นผู้มีสิทธิครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1373
ประกอบกับการที่นาย จ. มีชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินอันเป็นเอกสารมหาชน ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้น กฎหมายให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 จำเลยจึงได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นจากข้อสันนิษฐานที่เป็นคุณว่านาย จ. เป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ทั้งในส่วนที่เป็นหุ้นพิพาทก็มีชื่อนาย จ. เป็นเจ้าของหุ้นตามทะเบียนหุ้น เมื่อโจทก์เป็นฝ่ายกล่าวอ้างว่าหุ้นพิพาทเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการทำมาหาได้ร่วมกันระหว่างนาย จ. กับนางสาว อ.
ส่วนจำเลยให้การปฏิเสธ ภาระการพิสูจน์จึงตกแก่โจทก์เช่นกัน แต่พยานหลักฐานของโจทก์เท่าที่นำสืบมาตามที่วินิจฉัยข้างต้นไม่มีน้ำหนักรับฟังหักล้างข้อสันนิษฐานตามกฎหมายข้างต้นและไม่อาจรับฟังตามที่มีภาระการพิสูจน์ได้ ข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่า ที่ดินและหุ้นพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างนาย จ. กับนางสาว อ. ที่ทำมาหาได้ร่วมกันตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย สำหรับฎีกาอื่นของโจทก์และจำเลยไม่จำต้องวินิจฉัยเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง (พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์)
บันทึก
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย