9 ม.ค. 2023 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

สรุปเทรนด์การลงทุน ปี 2023 📌 ปี 2023 ลงทุนอะไรดี? 📌

📊 มุมมองการลงทุนในปี 2023 จาก บลจ.กสิกรไทย 📈 จะเป็นอย่างไร?
🌍 สินทรัพย์ที่น่าเก็บเข้าพอร์ตมีอะไรบ้าง 🔥
และมีเหตุการณ์หรือปัจจัยเสี่ยงใด ที่นักลงทุนต้องติดตาม?
​​​​​​​​​HIGHLIGHTS :​
• เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลง จากการที่ธนาคารกลางต่างๆปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อ
• หุ้นจีนกับความหวังจากการเปิดประเทศ
• ฝั่งยุโรปและสหรัฐฯ ช่วงแรกยังน่าห่วง แต่อาจเป็นโอกาสกลับเข้าลงทุนในช่วงหลังของปีนี้
• ท่องเที่ยวไทยหนุนเศรษฐกิจให้ไปต่อ บวกกับการทยอยเปิดประเทศจีน ที่ช่วยหนุน GDP ไทยให้ขยายตัว
• สินทรัพย์ที่แนะนำให้เก็บเข้าพอร์ตในปี 2023 ได้แก่ หุ้นจีน ธุรกิจ Healthcare ตราสารหนี้ระยะสั้น และกองทุนรวมผสม และไม่ลืมที่จะกระจายการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตยามเศรษฐกิจผันผวน​
เริ่มต้นปีใหม่กันแล้ว เรามาส่องเทรนด์การลงทุนของปี 2023 กันดีกว่า จะได้เตรียมวางแผนการลงทุนกันได้แบบปังๆ ไม่พลาดถึงโอกาสกันเลย
ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2023 จะเป็นอย่างไร
จากการชะลอตัวที่มีมาตั้งแต่ปีก่อน ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ยังมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน
  • จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางเพื่อรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อที่มีมาอย่างต่อเนื่อง
  • นอกจากนี้ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มชะลอตัว จากต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
  • และอุปสงค์ที่ชะลอลง ทำให้ตลาดหุ้นจะยังมีความผันผวนในปีนี้
1
ทำให้เราต้องจับตามอง การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก
  • ทิศทางตัวเลขเงินเฟ้อ ทิศทางนโยบายทางการเงินของธนาคารกลาง
  • ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์
  • การเปิดประเทศของจีน
  • ไปจนถึงการเลือกตั้งของประเทศไทย
หุ้นจีนกับความหวังจากการเปิดประเทศ
จีนเริ่มมีการผ่อนคลายนโยบายควบคุมโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา และจะเปิดประเทศในวันที่ 8 ม.ค. นี้ ซึ่งเร็วกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ บวกกับการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของภาคอสังหาฯ
และปัญหาห่วงโซ่อุปทานที่เริ่มคลี่คลายลง ไปจนถึงอัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ทำให้จีนสามารถใช้นโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายต่อไปได้ สวนทางกับประเทศอื่นๆ
ทำให้ “หุ้นจีน" เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ แถมยังมีระดับราคาหุ้นต่ำกว่าตลาดอื่นค่อนข้างมาก นี่จึงเป็นโอกาสดีที่จะทยอยสะสมกองทุนหุ้นจีนรวมถึงกองทุนหุ้นเอเชียที่ได้รับผลประโยชน์จากการเปิดประเทศจีน เพื่อคว้าโอกาสรับผลตอบแทนที่โดดเด่นในระยะยาว
ฝั่งสหรัฐฯและยุโรปยังน่าห่วง รอจังหวะกลับเข้าลงทุน
ยุโรปมีโอกาสจะเกิดเศรษฐกิจถดถอยก่อนประเทศอื่น และประมาณกำไรบริษัทเริ่มเห็นการถูกปรับลงต่อเนื่อง ในขณะที่ Fed ยังเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ โดยยังไม่มีความแน่นอนว่าจะไปจบที่ระดับสูงสุดเท่าไหร่ (terminal rate) แต่คาดว่า Fed จะคงไว้ที่ระดับสูงยาวนานกว่าที่ตลาดคาด
และปัจจุบันนักวิเคราะห์ใน Bloomberg consensus ยังคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะหดตัวในช่วงไตรมาส 2/2023
ใครที่อยากจะกลับเข้าไปลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ และหุ้นฝั่งยุโรป คงต้องรอผ่านความผันผวนช่วงไตรมาส 1-2 ไปก่อน เมื่อเริ่มมีสัญญาณดอกเบี้ยใกล้หยุดปรับขึ้นต่อ และความกังวลเศรษฐกิจถดถอยสะท้อนในการปรับคาดการณ์กำไรลงไประดับหนึ่งแล้ว น่าจะเป็นโอกาสที่ดีของการลงทุนอีกครั้ง
ท่องเที่ยวไทยหนุนไทยไปต่อ
โดยรวม บลจ. กสิกรไทย มองเป้าดัชนีหุ้นไทยปลายปี 2023 ที่ 1,800 จุด
ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลักภายในประเทศมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจากการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและการทยอยกลับมาเปิดดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจตามปกติ
โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าในการดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในประเทศไทยให้ได้จำนวน 20 ล้านคน ในปี 2023 ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 2.38 ล้านล้านบาท บวกกับการทยอยเปิดประเทศจีน ที่ช่วยหนุน GDP ไทยให้ขยายตัว และช่วยลดผลกระทบจากการส่งออกที่ชะลอตัวได้เป็นอย่างดี.
รวมถึงสถานการณ์เงินเฟ้อพ้นจุดวิกฤติแล้ว ทำให้เราไม่ต้องเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงแบบประเทศอื่น และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจปี 2023 จากภาครัฐที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้คึกคักมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และหากค่าเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่า จะหนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย​
สินทรัพย์ที่น่าเก็บเข้าพอร์ตในปี 2023
นอกจากหุ้นจีนที่น่าเก็บสะสมแล้ว ยังมีหุ้นที่เกี่ยวข้องกับธีมการเติบโตอย่างยั่งยืน ที่มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็ว
เนื่องจากผสมผสานระหว่างการเป็นหุ้นที่มี Beta และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็นกระแสรักษ์โลก หรือ เมกะเทรนด์ต่างๆ รวมถึงหุ้นที่มีความทนทานในทุกสภาพตลาด อย่างธีมการลงทุนด้าน Healthcare ที่เป็นบริการที่มีความจำเป็นและมีรายได้สม่ำเสมอ รวมถึงมี Valuation ที่ไม่สูง
และอีกสินทรัพย์ที่น่าจับตามองก็คือ “ตราสารหนี้" ทั้งตราสารหนี้ภาครัฐที่ได้รับผลประโยชน์จากการปรับดอกเบี้ยในระยะถัดไปที่ลดอัตราลง ประกอบกับการเฟ้นหาสินทรัพย์คุณภาพดี ท่ามกลางโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยังอยู่ในระดับสูง และตราสารหนี้เอกชนคุณภาพดีที่มีอัตราผลตอบแทนปรับสูงขึ้นตามดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาล
บวกกับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีความไม่แน่นอนสูงทำให้ตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นตัวเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับใครที่รับความเสี่ยงได้มากขึ้น สามารถเข้าสะสมกองทุนตราสารหนี้กลาง-ยาว ซึ่งอาจมีความผันผวนอยู่แต่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นกว่าตราสารหนี้ระยะสั้น
"ที่สำคัญที่สุดอย่าลืมวางแผนการลงทุนตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้ทยอยลงทุนไปเรื่อย ๆ เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินของเรา และคว้าโอกาสรับผลตอบแทนในทุกโอกาสของปี 2023 ที่กำลังจะเข้ามาในอนาคต"
ดูรายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนหุ้นและตราสารหนี้ที่น่าสนใจ เพิ่มเติมได้ที่ >> https://www.kasikornasset.com/Pages/TaxSaving.html
หมายเหตุ กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยง และคู่มือการลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
บทความโดย ฝ่ายกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.กสิกรไทย
ข้อมูล ณ วันที่ 6 ม.ค. 2566
#KAsset #KBankLive
โฆษณา