9 ม.ค. 2023 เวลา 06:48
ฎีกาที่ 8784/2561
การขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ในคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 นั้น จะต้องกระทำก่อนสิ้นสุดระยะเวลาอุทธรณ์ เว้นแต่ในกรณีมีเหตุสุดวิสัย ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2560 โจทก์ต้องยื่นอุทธรณ์ภายในกำหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟัง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 วรรคหนึ่ง
ซึ่งครบกำหนดวันที่ 28 กรกฎาคม 2560 แต่โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2560 ออกไปอีกมีกำหนด 1 เดือน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ดังกล่าวถึงวันที่ 28 สิงหาคม 2560 ครั้งที่ 2 โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระเวลายื่นอุทธรณ์เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ออกไปอีกมีกำหนด 1 เดือน ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ถึงวันที่ 25 กันยายน 2560 ดังนั้น การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 3
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 จึงเป็นการยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลาเมื่อพ้นกำหนดที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายแล้ว แม้โจทก์จะอ้างในคำร้องดังกล่าวว่าโจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาเอกสารที่ขอคัดถ่ายไว้ซึ่งถือว่ามีพฤติการณ์พิเศษก็ตาม แต่ไม่เป็นเหตุสุดวิสัยที่มิอาจยื่นคำร้องก่อนสิ้นระยะเวลานั้น ที่โจทก์อ้างว่าเจ้าหน้าที่ศาลแจ้งให้โจทก์ทราบว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตามคำร้องของโจทก์ครั้งที่ 2 เป็นเหตุให้โจทก์เข้าใจโดยสุจริตว่าศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์เป็นเวลา 1 เดือน
คือ ถึงวันที่ 28 กันยายน 2560 นั้น ก็ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ ครั้งที่ 2 ในวันเดียวกันกับที่โจทก์ยื่นคำร้องคือ วันที่ 25 สิงหาคม 2560 ประกอบกับโจทก์ลงลายมือชื่อทราบคำสั่งดังกล่าวของศาลชั้นต้นไว้ท้ายคำร้อง ถือว่าโจทก์ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ได้ถึงวันที่ 25 กันยายน 2560 แล้ว
ทั้งหากโจทก์ไม่อยู่ที่ศาลภายหลังยื่นคำร้องดังกล่าวโจทก์จะต้องใส่ใจมาติดตามผลคำสั่งของศาลชั้นต้นด้วยตนเอง หาใช่กล่าวอ้างว่าได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ศาลว่าศาลชั้นต้นอนุญาตตามคำขอโดยปราศจากพยานหลักฐานอื่นใดมาสนับสนุนเช่นนี้ จึงเป็นความบกพร่องของโจทก์ไม่ใช่เหตุสุดวิสัย และที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้รับสำเนาเอกสารที่ขอคัดถ่ายไว้
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 เป็นระยะเวลาล่วงเลยที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 2 ไปแล้ว ถือเป็นเหตุสุดวิสัยที่โจทก์จะยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 3 ได้นั้น ก็เป็นเพียงพฤติการณ์พิเศษเท่านั้น หาใช่เหตุสุดวิสัยที่ทำให้โจทก์ไม่สามารถยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 3 ก่อนครบกำหนดระยะเวลาในวันที่ 25 กันยายน 2560 ไม่
การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องขออนุญาตขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 3 ของโจทก์ จนถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2560 จึงเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 อุทธรณ์ของโจทก์ยื่นต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2560 ล่วงเลยวันที่ 25 กันยายน 2560 แล้ว เป็นอุทธรณ์ที่ยื่นเกินกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 วรรคหนึ่ง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้เป็นการไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์มานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่อย่างไรก็ดี ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ไม่ได้มีคำสั่งเกี่ยวกับคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 3 แก่โจทก์โดยไม่ชอบ เป็นการไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง (พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ครั้งที่ 3 แก่โจทก์)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา