9 ม.ค. 2023 เวลา 08:36
ฎีกาที่ 5416/2560
ข้อเท็จจริงฟังยุติตามฟ้องและคำให้การจำเลยว่า โจทก์เป็นบุตรนอกกฎหมายที่นายพนมรับรองว่าเป็นบุตร และมีนางสาวนรินทรน้องสาวร่วมบิดาเดียวกันอีกหนึ่งคน ส่วนจำเลยและทายาทอื่นที่จำเลยอ้างว่านายพนมยกทรัพย์ให้โดยพินัยกรรมนั้นมีฐานะเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาของนายพนมซึ่งสภาพปกติธรรมดาของสังคมไทยย่อมต้องการให้ทรัพย์มรดกตกได้แก่บุตรหลาน และประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629
ประกอบมาตรา 1630 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้ผู้สืบสันดานซึ่งหมายถึงบุตรเป็นทายาทลำดับที่ 1 โจทก์และนางสาวนรินทรในฐานะทายาทโดยธรรมจะมีสิทธิในทรัพย์มรดกของนายพนมในฐานะผู้สืบสันดาน ส่วนจำเลยและผู้ที่ได้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมจะไม่มีสิทธิได้รับทรัพย์มรดกของผู้ตาย จำเลยยังให้การว่าขณะที่จำเลยอ้างว่านายพนมทำพินัยกรรมฉบับที่พิพาท นายพนมอยู่ในความควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่เรือนจำที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา
แต่ข้อเท็จจริงกลับไม่ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่เรือนจำหรือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลที่จำเลยอ้างว่านายพนมทำพินัยกรรมที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยารับรองเป็นหลักฐานตามที่จำเลยอ้าง การทำพินัยกรรมอยู่ในความรู้เห็นของฝ่ายจำเลย โจทก์จึงได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานที่ควรจะเป็นซึ่งปรากฏจากสภาพปกติธรรมดาของเหตุการณ์เป็นคุณแก่โจทก์ โจทก์ต้องพิสูจน์เพียงว่าโจทก์ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข
แห่งการที่โจทก์จะได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานนั้นครบถ้วนแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 84/1 คือโจทก์เป็นทายาทโดยธรรมในฐานะผู้สืบสันดานมีสิทธิได้รับมรดกก่อนผู้ได้รับประโยชน์จากพินัยกรรม และพินัยกรรมที่อ้างว่านายพนมทำขึ้นที่โรงพยาบาลภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่เรือนจำ แต่ไม่ปรากฏว่ามีลายมือชื่อของบุคคลดังกล่าวรวมทั้งแพทย์และพยาบาลเข้ามาเกี่ยวข้องอันเป็นกรณีผิดปกติวิสัย ดังนี้ จำเลยจึงมีภาระพิสูจน์ว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทไม่ใช่เอกสารปลอมตามประเด็นข้อแรกโจทก์นำสืบว่า
ก่อนนายพนมถึงแก่ความตายโจทก์ไปเยี่ยมนายพนมที่เรือนจำพระนครศรีอยุธยา นายพนมแจ้งว่าโฉนดที่ดินทั้งห้าแปลงสูญหายไป หากพ้นโทษจะไปโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ และพินัยกรรมที่จำเลยอ้างไม่มีลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์หรือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรับรอง ซึ่งเป็นเอกสารปลอม ส่วนจำเลยซึ่งมีภาระพิสูจน์นำสืบว่า ไม่เคยทราบมาก่อนว่านายพนมทำพินัยกรรม ภายหลังนายพนมถึงแก่ความตาย 1 วัน
นายอุทัย ญาติของจำเลยนำพินัยกรรมฉบับพิพาทมามอบให้จำเลย จำเลยจำได้ว่าลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมเป็นของนายพนมแต่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกของนายพนม โดยจำเลยไม่นำนายอุทัยและพยานในพินัยกรรมมาเบิกความยืนยันว่า นายพนมทำพินัยกรรมฉบับพิพาทจริงตามภาระพิสูจน์ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าพินัยกรรมฉบับพิพาทนายพนมไม่ได้ทำขึ้นและเป็นพินัยกรรมปลอม และที่จำเลยขอให้มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นสืบพยานปากนายอุทัยและนางแตงพยาน
ผู้พิมพ์และเขียนพินัยกรรมพิพาทนั้น เห็นว่า จำเลยไม่นำพยานดังกล่าวเข้าสืบตามที่ตนมีภาระการพิสูจน์ จึงไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้สืบพยานดังกล่าวอีก
โจทก์ฟ้องกล่าวอ้างว่าพินัยกรรมที่จำเลยอ้างว่านายพนมทำขึ้นเป็นพินัยกรรมปลอมแล้วจำเลยไปติดต่อเจ้าพนักงานที่ดินโอนที่ดินซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของนายพนมไปให้บุคคลอื่นเป็นการกระทบและโต้แย้งสิทธิของโจทก์ซึ่งมีฐานะเป็นผู้สืบสันดานของนายพนม
โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่ใช่การใช้สิทธิโดยไม่สุจริตตามข้อต่อสู้ของจำเลย (พิพากษายืน (พินัยกรรมฉบับ...ของนายพนม ไม่มีผลใช้บังคับและให้เพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนในโฉนดที่ดิน...จากชื่อนางสาวสุนทรี (ผู้จัดการมรดกนายพนม) กลับมาเป็นชื่อของนายพนม และให้จำเลยคืนโฉนดที่ดินทั้งสามฉบับแก่โจทก์...))

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา