11 ม.ค. 2023 เวลา 13:08 • หนังสือ

🌈 แชร์ความรู้สึกส่วนตัว วินดาไม่อยากให้เชื่อจนกว่าจะได้อ่านเองนะคะ🤗

📖ตั้งแต่เห็นรูปหน้าปกและชื่อเรื่อง วินดาก็อยากเปิดอ่านไวไว พอเปิดอ่านรู้สึกชอบตั้งแต่คำนำสำนักพิมพ์ที่ชี้ให้มองถึงตัวเองในเรื่องชอบเข้าสังคม vs ชอบเก็บตัว
สิ่งสำคัญคือการมองเห็นตัวเองตามความจริง ทุกคนต่างมีข้อดีและข้อเสีย จะดีมากถ้าเรายอมรับและเข้าใจกันและกันได้ว่าบางคนอาจต้องการบางช่วงเวลาที่จะได้อยู่คนเดียวเพื่อครุ่นคิด แต่บางเวลาก็อยากมีใครสักคนเคียงข้าง
แต่ไม่ว่าเราจะเป็นคนชอบเก็บตัวแค่ไหนสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม การเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสังคมในจังหวะที่เหมาะสมเป็นเรื่องจำเป็นอยู่เหมือนกัน
วินดาอ่านเรื่อยมาจนได้ทำแบบฝึกหัดเล็กๆที่น่าสนใจให้พอได้รู้ตัวเองว่ามีแนวโน้มจะเป็นคนแบบไหนจากคำถาม 12 ข้อ และก็พามาให้โฟกัสถึงคนชอบเก็บตัว
ซึ่งพอได้อ่านไปเรื่อยๆรู้สึกว่าตัวเองเครียด ปวดหัว เวียนหัว อ่านไม่ค่อยเข้าใจต้องย้อนทวนมาอ่านบรรทัดก่อนหน้าอยู่หลายครั้ง (อาจเป็นเพราะภาวะ และสภาพแวดล้อมตอนอ่านก็เป็นได้)
เลยทำให้อ่านช้าลง ประกอบกับพออ่านแล้วในแต่ละย่อหน้าต้องคุยกับตัวเอง ถามตัวเองอยู่เรื่อยๆ เช็คตัวเองเป็นระยะว่าเราใช่แบบนี้ไหม เป็นแบบนี้รึป่าวนะ
🔖สิ่งที่ทำให้วินดาอ่านได้ไม่วางหรือถอดใจไม่อ่านต่อ เพราะในความเป็นโน่น นี่ ข้างต้น มีอึนบ้างบางเวลา แต่มันแฝงไปด้วยความอยากรู้ที่จะเป็นไปในหน้าต่อๆไปค่ะ
พออ่านไปได้ประมาณครึ่งเล่ม เหลืออีกครึ่งเล่ม ขอพักก่อนแล้วค่อยมาอ่านต่อ มาดูว่าอารมณ์การอ่านจะเป็นยังไงบ้างน้ออออ
🧶พักไปหนึ่งคืนกลับเข้าโหมดครึ่งแรกสู่ครึ่งหลังของการอ่าน ซึ่งตอนนี้จบเล่มแล้วคร๊าาา
ในช่วงครึ่งหลังของการอ่านเล่มนี้ยังคงให้ความรู้สึกไม่สนุก อ่านช้า มีความเนือย สิ่งที่ทำให้อ่านจนจบได้เพราะอ่านแล้วได้คุยกับตัวเอง เถียงกับหนังสือตลอดเวลา ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะนิสัยของวินดาบวกกับการได้ทำแบบทดสอบ 12 ข้อไปตอนเริ่มเล่ม เลยทำให้มีความย้อนแยง สับสน ว้าวุ่น และมีคำถามกับการอ่านอยู่เป็นระยะ
แต่ต้องบอกเลยว่า เล่มนี้ทำให้วินดาเข้าใจคนชอบแมว และเลี้ยงแมวมากขึ้นเป็นมุมที่ไม่เคยมองมาก่อนในเรื่องการช่วยเหลือตัวเอง
ภาพรวมของเล่มนี้สำหรับวินดา เป็นหนังสือที่อ่านแล้วอยากรู้ อยากรู้ แล้วยังไง แล้วอะไรต่อ มีคำถามเกิดขึ้นในระหว่างอ่านแทบจะตลอดเวลา ทำให้อ่านได้จนจบ
ได้ขยายมุมมองในเรื่องที่ไม่เคยคิด และคาดไม่ถึง เป็นอีกเล่มที่ช่วยให้เข้าใจคนในแต่ละลักษณะ บุคลิกที่มีความแตกต่างกันในสังคม ถึงเป็นเรื่องของคนเกาหลีแต่วินดาว่าสามารถนำมาปรับใช้กับในสังคมเราได้ตามสถานการณ์ใกล้เคียงกันค่ะ
🔖ทุกคนอย่าพึ่งด่วนตัดสินถ้ายังไม่ได้ลองอ่านด้วยตัวเองก่อน อย่าเชื่อเพราะเขาเล่าว่า อย่าพึ่งเชื่อเพราะเขาบอกมา เพราะสิ่งที่เราได้รับอาจจะถูกจริตกับเราก็ได้ เราเท่านั้นที่เป็นคนตัดสินนะคะ
ถึงตรงนี้วินดาขอนำวลี ประโยค เนื้อหา บางส่วนในเล่มที่อ่านแล้วขีดเส้นใต้เก็บไว้มาเล่าสู่กันอ่าน เพื่อให้ได้ประกอบการตัดสินใจและเก็บไว้ย้อนมาอ่านเองด้วยค่ะ…ปะ เริ่มเลอ!!!
🍁เราไม่ควรด่วนตัดสินว่าคนที่กล้าเผชิญหน้ากับผู้อื่นเป็นคนชอบเข้าสังคม เพราะคนเหล่านั้นอาจเพียงแค่มีความสามารถที่จะควบคุมและปรับเปลี่ยนบุคลิกของตนเองต่อหน้าผู้อื่นก็ได้
🍁มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย บุคลิกลักษณะของเราเองก็มีสเปกตรัมที่หลากหลายเช่นกัน
🍁คนชอบเก็บตัวได้รับความเครียดจากปฏิกิริยาของอีกฝ่าย จึงเก็บกดเอาไว้และไม่อยากพูดออกไป แต่จะเปิดปากพูดก็ต่อเมื่อเป็นคนคุ้นเคยและคาดการณ์ปฏิกิริยาตอบรับที่ตัวเองจะพึงพอใจได้เท่านั้น คนเหล่านี้จะยอมเอ่ยปากพูดกับคนที่ตนเองรู้สึกวางใจ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนอื่นตกใจเสมอ จริงๆแล้วคนชอบเก็บตัวเป็นคนช่างพูดในบางโอกาส การเขียนของฉันอาจเป็นการพูดคุยอีกรูปแบบหนึ่งที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยน้อยที่สุดก็ได้
🍁การเข้าสังคมไม่ใช่การแสดงออกตามอุปนิสัยเดิม แต่เป็นการมีมารยาทและเอาใจใส่อีกฝ่าย
🍁การเข้าใจว่าคนร่าเริงและช่างพูดเป็นคนชอบเข้าสังคม ส่วนคนที่เงียบขรึมเป็นคนชอบเก็บตัวนั้นเป็นความเข้าใจผิด รูปแบบการแสดงออกนั้นขึ้นอยู่กับการวางตัวและลักษณะนิสัยซึ่งเป็นการตัดสินใจเลือกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งตามความจำเป็นหรือสถานการณ์
🍁การตอบคำถามว่าตัวเรามีลักษณะนิสัยแบบไหนนั้นเป็นเรื่องที่เราต้องถามใจตัวเอง ไม่ใช่การวัดด้วยไม้บรรทัดอคติของคนทั่วไป
🍁ชีวิตก็ไม่เคยง่ายสำหรับใครอยู่แล้ว
🍁อย่าบังคับขู่เข็ญให้คนอื่นเข้ามาในชีวิต
🍁อย่าคาดหวังจากคนอื่นมากเกินไป
🍁สำหรับฉัน การท่องเที่ยวไม่ใช่การไปเพื่อแก้ไขความรู้สึกแย่ๆ แต่เป็นการไปเพื่อรับสิ่งที่ดีขึ้นในตอนที่สุขภาพแข็งแรงที่สุดและไม่มีความกังวลด้านอารมณ์
🍁ภาพของความสุขคือฉากหนึ่งในชีวิตประจำวัน
🍁การเอาใจใส่ควรสร้างความอึดอัดให้อีกฝ่ายน้อยที่สุด
🍁คุณค่าของความเอาใจใส่แบบเฉื่อยชาของคนชอบเก็บตัวคือการเติมเต็มสิ่งที่ขาดมากกว่าการวางเพิ่มลงไป เห็นได้ชัดว่าการเติมเต็มสิ่งที่ขาดเป็นสิ่งจำเป็นมากกว่า
🍁คนชอบเก็บตัวไม่ต้องการให้ใครมารับรู้และสามารถจัดการกับความเจ็บปวดได้ด้วยวิธีของตัวเอง
🍁หากมีคนต้องการการปลอบโยน ลองถามก่อนดีไหม อยากให้อยู่เป็นเพื่อนหรือเปล่า
🍁ปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำงานคนเดียวเงียบๆคือช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุด คงเหมือนกับคำกล่าวว่า แม้ประสบการณ์ขี่ลูกโป่งลอยอยู่ในอากาศจะน่าตื่นเต้นเพียงใด แต่ตอนที่เท้าแตะพื้นก็ยังสบายที่สุดอยู่ดี
🍁หากมีนัดที่ลังเลว่าจะไปหรือไม่ไปดี ไปเถอะ ถ้าไม่อยากไป ฉันคิดว่าไม่จำเป็นต้องไปเพื่อเพิ่มความเหนื่อยล้าให้ชีวิตของตัวเองเพราะคนอื่น แต่หากลังเลใจว่าจะไปหรือไม่ไปดี แปลว่ายังมีข้อดีในการไป เมื่อเทียบแล้วหากข้อดีกับข้อเสียพอๆกัน การออกไปกลมกลืนกับโลกจะไม่ทำให้เราเสียใจภายหลัง
🍁การแก้แค้นที่ดีที่สุดเมื่อเจอคนเสียมารยาทคือการหนีไปให้เร็วที่สุด และตัดคนคนนั้นออกจากทุกช่วงเวลาของชีวิต และนี่ยังถือเป็นวิธีแก้แค้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดด้วย
📚การอ่านให้อะไรเราได้มากกว่าที่คิด
📖ที่จริงแล้ว ฉันเป็นคนเก็บตัวนะ
ผู้เขียน : นัมอินซุก
ผู้แปล : สาริญา แซ่ตั้ง
สำนักพิมพ์ : Bibli
แล้วพบกันใหม่นะคะ👋🏻
#windasharing
โฆษณา