11 ม.ค. 2023 เวลา 06:06 • ประวัติศาสตร์

“ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัว (Reign of Terror)”

“การปฏิวัติฝรั่งเศส (French Revolution)” เป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ยุโรป เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงค.ศ.1789-1799 (พ.ศ2332-2342) โดยเป็นเหตุการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคม ทำให้ฝรั่งเศสนั้นเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ราชวงศ์ซึ่งปกครองฝรั่งเศสต้องสิ้นสุดลง และทำให้ “สโมสรฌากอแบ็ง (Club des Jacobins)” ขึ้นมามีอิทธิพลทางการเมือง รวมทั้งเกิด “ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัว (Reign of Terror)”
อันที่จริง การปฏิวัติฝรั่งเศสก็ทำให้เกิดข้อดีตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดขึ้นของสาธารณรัฐฝรั่งเศส การยกเลิกระบอบฟิวดัล รวมทั้งการประกาศสิทธิมนุษยชนและพลเมือง
1
หากแต่นอกจากข้อดีเหล่านั้น ก็มีด้านมืดตามมาเช่นกัน
หนึ่งในเหตุการณ์ที่เลวร้ายซึ่งเป็นผลจากการปฏิวัติฝรั่งเศสก็คือ “ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัว (Reign of Terror)” ซึ่งเป็นยุคที่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส โดยดำเนินอยู่ในช่วงปีค.ศ.1793-1794 (พ.ศ.2336-2337) โดยผู้ที่เกี่ยวข้องสำคัญ ก็คือ “สโมสรฌากอแบ็ง (Club des Jacobins)” ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองที่ขึ้นมามีอำนาจในช่วงการปฏิวัติ
ในช่วงเวลานั้น ผู้คนนับพันถูกจับและสังหารในฐานที่เป็นศัตรูกับการปฏิวัติ โดยมีการประหารคนจำนวนมากด้วยกิโยติน และผู้ที่ถูกประหารจำนวนมากก็คือผู้บริสุทธิ์ ถูกกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐาน
ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัวเป็นยุคที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผู้คนต่างหวาดระแวง ต่างจ้องจับผิดเพื่อนและคนใกล้ชิด คอยรายงานทางการหากเห็นใครมีท่าทีต่อต้านการปฏิวัติ
1
ยุคแห่งความน่าสะพรึงกลัวเริ่มจากการทรงอำนาจของสโมสรฌากอแบ็ง และการปราบปรามผู้ต่อต้าน
พรรคการเมืองหรือสโมสรต่างๆ ที่ไม่สนับสนุนหรือต่อต้านสโมสรฌากอแบ็งล้วนแต่ถูกแบน และใครที่พูดจาต่อต้านสโมสรฌากอแบ็งก็เสี่ยงจะถูกจับและสังหาร
ผู้ที่ถูกสังหารหลายรายคือนักวิชาการ ขุนนาง และศัตรูของการปฏิวัติ โดยอาจจะเรียกได้ว่ายุคแห่งความน่าสะพรึงกลัว ได้สร้างผลกระทบใหญ่หลวงต่อฝรั่งเศส
อีกหนึ่งผลกระทบของการปฏิวัติฝรั่งเศสก็คือผลกระทบที่เกิดกับ “สตรี”
ถึงแม้ว่าการปฏิวัติฝรั่งเศสจะทำให้สตรีได้รับประโยชน์หลายด้าน แต่ก็ส่งผลกระทบด้านลบต่อสตรีเช่นกัน โดยสตรีหลายรายที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามล้วนแต่ถูกจับกุมและประหาร
นอกจากนั้น การปฏิวัติฝรั่งเศสยังส่งผลด้านลบต่อลัทธิล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส
ในปีค.ศ.1794 (พ.ศ.2337) รัฐบาลของกลุ่มปฏิวัติได้ประกาศว่าประชาชนทุกคนล้วนเท่าเทียม และการล่าอาณานิคมคือการกดขี่ ทำให้มีการให้อิสรภาพแก่เมืองขึ้นของฝรั่งเศสหลายดินแดน
แต่กระบวนการนี้ก็ทำให้เกิดความรุนแรงและการจลาจล และทำให้อดีตอาณานิคมของฝรั่งเศสต้องดิ้นรนเพื่อจัดตั้งรัฐบาลในการสร้างเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพและมั่นคง หากแต่นโยบายของรัฐบาลกลุ่มปฏิวัติก็ไม่มั่นคงและสร้างความขัดแย้ง
และทางด้านเศรษฐกิจของฝรั่งเศส การปฏิวัติก็ส่งผลกระทบใหญ่หลวง
หนึ่งในผลกระทบด้านลบก็คือความเสียหายในสาธารณูปโภคและอุตสาหกรรมของฝรั่งเศส
ในระหว่างการปฏิวัติ โรงงาน โรงสี และอาคารต่างๆ รวมทั้งถนน สะพาน และระบบขนส่งมวลชนล้วนแต่ถูกทำลายและได้รับความเสียหาย
ด้วยความเสียหายเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตและการค้าของฝรั่งเศส ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ
การปฏิวัติฝรั่งเศสทำให้เหล่าขุนนางและชนชั้นสูงถูกยึดที่ดินและทรัพย์สิน ซึ่งถึงแม้อาจจะทำให้หลายคนพอใจ แต่ก็ทำให้เศรษฐกิจหยุดชะงักและทำให้เกิดความไม่แน่นอน
ผลกระทบสุดท้าย คือการปฏิวัติทำให้เกิดสงครามต่างๆ ตามมา ซึ่งเป็นสงครามในยุโรป สร้างความเสียหายให้ระบบเศรษฐกิจ รัฐบาลฝรั่งเศสต้องใช้งบจำนวนมากในการสนับสนุนกองทัพ ทำให้รัฐบาลเป็นหนี้ก้อนโต
จะเห็นได้ว่าการปฏิวัติฝรั่งเศสได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อยุโรปและโลกทั้งโลก
ถึงแม้การปฏิวัติจะจุดประกายให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองอันนำไปสู่ประชาธิปไตยและเสรีภาพตามมา แต่ก็ส่งผลกระทบในด้านลบ ทำให้เกิดความรุนแรงและความเสียหายต่างๆ ตามมาเช่นกัน
โฆษณา