12 ม.ค. 2023 เวลา 03:46
ฎีกาที่ 6760/2561 (บางส่วน)
ศาลชั้นต้นวินิจฉัย...อันเป็นการวินิจฉัยว่าจำเลยไม่ได้กระทำความเสียหายให้แก่บริษัทตามที่โจทก์กล่าวอ้างซึ่งประเด็นดังกล่าวยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นแล้ว เนื่องจากไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำวินิจฉัย เช่นนี้ศาลชั้นต้นสมควรพิพากษายกฟ้องคดีโจทก์ไปเสีย แต่ศาลชั้นต้นกลับวินิจฉัยให้จำเลยรับผิดชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัทโดยอ้างว่าจำเลยในฐานะกรรมการบริษัทประกอบการค้าขายแข่งขันกับบริษัททำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทและผู้ถือหุ้น
ทั้งที่ในคำฟ้องมิได้มีการเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนนี้มา จึงเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142 ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ชำเลยชำระเงิน 20,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นอุทธรณ์จึงเป็นเงิน 20,000,000 บาท ซึ่งตามตาราง 1 ค่าธรรมเนียมศาล (ค่าขึ้นศาล) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (1) (ก) บัญญัติให้คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าสิบล้านบาท ให้คิดค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละ 2 แต่ไม่เกินสองแสนเมื่อทุนทรัพย์ในชั้นอุทธรณ์ในคดีนี้มีเพียง 20,000,000 บาท ไม่เกิน 50,000,00 บาท
จึงเสียค่าขึ้นศาลเพียง 20,000,000 บาท ที่จำเลยเสียค่าขึ้นอุทธรณ์มา 200,000 บาท จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ความรับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 กำหนดให้ตกอยู่แก่คู่ความฝ่ายที่แพ้คดีแต่บทบัญญัติดังกล่าวก็ให้อำนาจศาลที่จะพิพากษาให้คู่ความฝ่ายที่ชนะคดีเป็นผู้รับผิดในค่าฤชาธรรมเนียมได้
ตามที่ศาลจะใช้ดุลพินิจโดยคำนึงถึงเหตุสมควรและความสุจริตในการดำเนินคดี เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีเป็นให้โจทก์แพ้คดีในชั้นอุทธรณ์มีผลเท่ากับโจทก์แพ้คดีทั้งสองศาล ศาลอุทธรณ์ภาค 1
จึงมีอำนาจกำหนดให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยได้ด้วย โดยอัตราค่าทนายความที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 กำหนดซึ่งคิดตามทุนทรัพย์แห่งคดีที่โจทก์เรียกร้องมาเป็นเงิน 20,000,000 บาท ไม่เกินอัตราค่าทนายความตามบทบัญญัติตาราง 6 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ทั้งในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น
ไม่ปรากฏว่าจำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาไม่สุจริตในการดำเนินคดีที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้โจทก์ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลยจึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
อนึ่ง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 20,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกาให้จำเลยรับผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาจึงเป็นเงิน 20,000,000 บาท ซึ่งตามตาราง 1 ค่าธรรมเนียมศาล (ค่าขึ้นศาล) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (1) (ก) บัญญัติให้คดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ที่มีทุนทรัพย์ไม่เกินห้าสิบล้านบาทให้คิดค่าขึ้นศาลในอัตราร้อยละ 2
แต่ไม่เกินสองแสนบาท โจทก์จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกาเป็นเงิน 200,000 บาท แต่โจทก์เสียค่าขึ้นศาลชั้นฎีกามา 400,000 บาท จึงต้องคืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินมา 200,000 บาท ให้โจทก์ (พิพากษายืน (ให้ยกฟ้องโจทก์))

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา