13 ม.ค. 2023 เวลา 09:12 • ประวัติศาสตร์

[โดมแห่งศิลา (Dome of the Rock)]

เมื่อพูดถึงเมืองเยรูซาเลม หลายคนมักจะนึกถึงอาคารรูปทรงแปดเหลี่ยมที่มีโดมสีทองตั้งอยู่โดดเด่นเป็นสง่า อาคารแห่งนี้คือ “โดมแห่งศิลา (Dome of the Rock: قبة الصخرة: กุบบะฮ์ อัชซักรอฮ์)” ซึ่งถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่มีความโดดเด่นประจำเมืองเยรูซาเลมเลยก็ว่าได้ เนื่องจากก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง และยืนหยัดมาถึงปัจจุบัน ภาพวาด ภาพเขียน หรือรูปถ่ายสมัยก่อนของเมืองเยรูซาเลมล้วนมีโดมแห่งศิลาเป็นองค์ประกอบแทบทั้งสิ้น
โดมแห่งศิลานั้นเป็นอาคารมีเก่าแก่ที่สุดในศาสนาอิสลาม ก่อสร้างระหว่างปี ค.ศ. 685-691 หลังจากที่ชาวมุสลิมสามารถพิชิตเมืองเยรูซาเลมจากจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) ได้ไม่นาน โดยรับสั่งของคอลีฟะห์ (กาหลิบ) แห่งราชวงศ์อุมัยยะฮ์ (Umayyad Dynasty) พระนามว่า อับดุลมาลิก อิบนุมัรวาน (عبد الملك بن مروان‎) ปัจจุบันโดมแห่งศิลามีอายุราว 1,331 ปี
บริเวณภายนอกของโดมแห่งศิลา
โดมแห่งศิลาได้ถูกก่อสร้างบนเนินพระวิหาร (Temple Mount: เท็มเพิลเมานท์) ครอบล้อมรอบหินศิลาฤกษ์ที่มีลักษณะเป็นเนินหิน (Mini hill) ขนาดปานกลางบริเวณส่วนบนสุดของเนินพระวิหาร ซึ่งหินศิลาฤกษ์นี้มีตำนานเล่าขานในทางศาสนาอิสลามว่าเป็นบริเวณที่ศาสดามูฮำหมัดได้มายืนอยู่ก่อนที่จะเดินทางขึ้นสู่ฟากฟ้าขึ้นไปเหนือห้วงเอกภพเพื่อเข้าเฝ้าพระเจ้า นอกจากนี้บริเวณหินศิลาฤกษ์นี้เองยังเป็นบริเวณที่ชาวยิวเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ศาสดาอับราฮัม (Abraham) พยายามที่จะสละชีวิตลูกชายของเขาตามบัญชาของพระเจ้า
หินศิลาฤกษ์ และลวดลายศิลปะภายในโดมแห่งศิลา
โครงสร้างทางสถาปัตยกรรมและศิลปะของโดมแห่งศิลาถือได้ว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ชาวมุสลิมในช่วงยุคแรกหลังศาสดามูฮำหมัดเสียชีวิตได้รับเอารูปแบบทางสถาปัตยกรรมส่วนใหญ่มาจากท้องถิ่นและจากโรมันไบแซนไทน์ ก่อนที่จะพัฒนาต่อจนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยชาวมุสลิมได้รับอิทธิพลการก่อสร้างโดมแห่งศิลามาจากโบสถ์โรมันและพระราชวังบริเวณใกล้เคียง โดยเฉพาะโบสถ์แห่งที่นั่งของแมรี่ (Church of the Seat of Mary: Kathisma Church) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองเยรูซาเลม และเมืองเบธเลเฮมที่มีลักษณะรูปทรง 8 เหลี่ยม
สำหรับหลังคายอดโดมแห่งศิลาสีทองแวววาวนั้นมีขนาดโดยประมาณ 20 เมตร ผนัง 8 เหลี่ยมด้านนอกมีความกว้างประมาณ 18 เมตร สูง 11 เมตร ทั้งภายในและภายนอกตกแต่งด้วยหินอ่อน และงานโมเสก (Mosaic) บนพื้นสีทองตามรูปแบบของโรมัน แต่เนื่องจากชาวมุสลิมไม่สามารถสร้างผลงานศิลปะที่มีภาพคนหรือสัตว์ได้ ชาวมุสลิมจึงปรับรูปแบบไปใช้เป็นลวดลายเรขาคณิต (Geometric Pattern) ลวดลายพรรณพฤกษา (Arabesque) และใช้การจารึกข้อความภาษาอาหรับ (Calligraphy) จากคัมภีร์กุรอ่านแทน
ลวดลายงานโมเสกเรขาคณิต (Geometric Pattern) ภายนอกโดมแห่งศิลา
ตลอดหน้าประวัติศาสตร์โดมแห่งศิลามีการพัฒนาปรับปรุงโดยคอลีฟะห์ สุลต่าน และผู้นำในโลกอิสลามตั้งแต่อดีตเรื่อยมา เช่น ราชวงศ์อับบาซียะฮ์ (Abbasid Dynasty) ราชวงศ์อัยยูบิด (Ayyubid Dynasty) ราชวงศ์มัมลูก (Mumluk Dynasty) เป็นต้น จึงมีการแต่งเติมรูปแบบทางศิลปะให้แก่โดมแห่งศิลาอย่างต่อเนื่อง เราจึงเห็นความหลากหลายทางศิลปะเมื่อมาเยือนโดมแห่งศิลานั่นเอง
สำหรับแรงจูงใจในการก่อสร้างโดมแห่งศิลานั้นมีมากมายเป็นว่าเช่น ตั้งใจให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชัยชนะของชาวมุสลิมเหนือจักรวรรดิไบแซนไทน์ซึ่งเคยปกครองดินแดนแห่งนี้อยู่ก่อนที่ชาวมุสลิมจะเข้ามาบูรณะเมืองเยรูซาเลมในเวลาต่อมา หรือสร้างเพื่อตั้งใจจะแข่งขันกับสิ่งก่อสร้างอันงดงามของจักรวรรดิไบแซนไทน์ที่มีอยู่ก่อนหน้าเป็นต้น
───────────
©️ อินทัช รัมมะพันธ์ - Intach Rammaphan
📍 Facebook: อินทัช รัมมะพันธ์ - Intach Rammaphan

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา