14 ม.ค. 2023 เวลา 17:41 • ปรัชญา

🦸‍♂️💥จิวยี่ - ผู้สร้างรากฐานแห่งง่อก๊ก💥🦸‍♂️

☯️ภาค นวนิยาย☯️
จิวยี่ คือ #บุคคลที่มีตัวตนจริงตามประวัติศาสตร์ มีชื่อรองว่า กงจิ้น และชื่อเต็มๆเรียกว่า จิว - กงจิ้น - ยี่ ในภาษาจีนกลางจะเรียกว่า โจวหยู หรือ โจ่วยู่(จีนฮกเกี้ยน) เป็นชาวเมืองลู่เจียนซู ที่อยู่บริเวณทางภาคใต้ของประเทศจีนสมัยนั้น
จิวยี่ตามนวนิยายนั้นเป็นมีความสามารถเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ มีความสามารถทางด้านดนตรี การทหาร การปกครอง เป็นคนที่ชื่นชอบผู้มีความสามารถและมีฝีมือโดยไม่เกี่ยงอายุ และยังมีความซื่อสัตย์และมีความโอบอ้อมต่อผู้อื่น แต่มีลักษณะนิสัยขี้อิจฉา ริษยา และจิตใจคับแคบ
จิวยี่เกิดในตระกูลขุนนางเก่านั้นคือตระกูล จิว หรือ โจว (มิใช่สกุลโจของโจโฉ) ในวัยเด็กจิวยี่คบหากันเพื่อนลูกขุนนางจำนวนมากและหนึ่งในนั้นที่สนิทที่สุดนั้นคือ #ซุนเซ็ก กับอีกคือคน #เจียวก้าน
เมื่อเติบใหญ่จิวยี่จึงออกท่องโลกและคบหาผู้คนมากมายได้รู้จักผู้มีความสามารถและยอดปราชญ์มากมาย จิวยี่ร่องเลือไปตลอดแม่น้ำฮวงโหและแม่น้ำแยงซีได้เห็นโลกมากมายทั้งด้านดีและด้านไม่ดี พบเจอกับผู้ลี้ภัยจากสงคราม จึงเริ่มตระหนักได้ว่าตนเองหวังจะกอบกู้บ้านเมืองและสร้างดินแดนที่ผู้คนปราศจากสงคราม
เมื่อซุนเซ็กผละจากอ้วนสุด เดินทัพลงมาทางใต้จิวยี่ได้ยินข่าวคร่าวก็ดีใจมากและเห็นเป็นโอกาสจึงกลับไปที่บ้านแล้วขายทรัพย์สินเงินทองที่ครอบครัวเก็บไว้จนหมดสิ้นและมาจัดตั้งกองทัพเดินทางไปร่วมกับซุนเซ็ก เมื่อซุนเซ็กเห็นกองทัพจำนวนกำลังดาหน้ามาหาตนก็รีบสั่งให้นายทหารตั้งทัพป้องกัน แต่พอมองไปไกลเห็นธงนำทัพว่า 'โจว'
ก้สั่งทหารหยุดจัดทัพและเมื่อเห็นผู้นำทัพขี่ม้านำหน้ามาหน้าตาคุ้นตา พอยิ่งเข้ามาใกล้มากเท่าไรซุนเซ็กจึงรีบลงจากหลังม้าและวิ่งเข้าไปหาก็พบว่าคือ จิวยี่เพื่อนรักในวัยเด็ก ก็ดีใจอย่างมาก ทั้งสองฝ่ายนั่งคุยกับความเข้าใจนานนับ 7 วัน 7 คืน นอนในกระโจมเดียวกันพูดคุยปรับสารทุกข์สุขดิบ จนกระทั่งอุยกายแม่ทัพต้องมาตามให้ซุนเซ็กเคลื่อนทัพต่อ
เมื่อจิวยี่มาเข้ากับซุนเซ็กก็แสดงผลงานทันที จิวยี่ได้วางกลยุทธ์ต่างทำให้ซุนเซ็กตีเมืองได้มามากมายจนเหล่าบรรดาแม่ทัพนายกองรุ่นบุกเบิกอย่าง อุยกาย เทียเภา ฮันต๋ง ต่างเคารพในตัวจิวยี่ไม่ต่างกับซุนเซ็ก นอกจากนี้ซุนเซ็กยังเชิญชวนคนมีความสามารถอีกมากมายมาเข้ากับซุนเซ็กอาทิเช่น เตียวเจียว เตียวเหียน โลซก ลกเจ๊ก ลิบอง และอีกมากมาย ทำให้ซุนเซ็กพึ่งพอใจอย่างมากและเริ่มสร้างกองทัพอันแข็งแกร่งซึ่งในเวลาต่อมากองทัพจพกลายเป็นรากฐานของง่อก๊กในเวลาต่อมาจวบจนสิ้นสุดยุคสามก๊ก
ในศึกที่ซุนเซ็กหวังจะยกทัพมาแก้แค้นให้บิดาครั้งแรก ได้ระดมกองเรือได้ 50 ลำและเริ่มล่องเรือเร็วแอบไปเปิดศึกกับหองจอที่กังแฮ แต่ระหว่างทางทัพเรือของซุนเซ็กถูกกองเรือโจรสลัดและทหารรับจ้างซุ่มโจมตี จนเกือบพ่ายแพ้ เสียเรือไปมากมายเกือบ 20 ลำ ซุนเซ็กโมโหอย่างมากและให้ทหารไปตามสืบว่าใครคือผู้นำกองเรือดังกล่าว
จนทราบว่าคือ #กำเหลง โจรสลัดมีชื่อในน่านน้ำฮวงโห ซุนเซ็กสั่งให้ตั้งค่าหัวกำเหลงทันที แต่ทว่าจิวยี่ก็คัดค้านและบอกว่า อันหองจอนั้นมิได้ชื่นชอบคนมีฝีมือ แต่จะกลับเกรงกลัวและริษยาว่าจะมีใครมาแย่งผลงาน อีกไม่นานกำเหลงคงถูกขับไล่จากหองจอแน่แท้ ท่านจักดึงกำเหลงมาเข้ากับท่านจะมีคุณมากกว่า อันกำเหลงนั้นมีความสามารถในการรบสูงมาก ภายภาคหน้าจะทำคุณประโยชน์ให้ท่านได้ ซุนเซ็กได้ฟังนั้นก็ระงับความโกรธและเห็นชอบกับจิวยี่ จึงรั้งทัพรอไม่เข้าตีกังแฮทันที
และดั้งคำจิวยี่พูดไม่นานจากนั้นไม่ถึง 7 วันกำเหลงได้นำกองเรือโจรสลัด 10 ลำมาเข้ากับซุนเซ็ก ทำให้ซุนเซ็กดีใจมากและแต่งตั้งกำเหลงเป้นแม่ทัพนำทัพบุกกังแฮทันที จนกำเหลงสังหารเล่งโฉได้ สร้างความดีความชอบไม่น้อยซุนเซ็กก็มอบเงินทองและบ้านหลังใหญ่ให้มากมาย และมอบรางวัลตามเหมาะสมแก่ทหารขอกำเหลงทุกนาย ทำให้กำเหลงซาบซึ้งน้ำใจ จึงสาบานตนว่าจะขอภักดีต่อซุนเซ็กและจิวยี่ตลอดไป
ซุนเซ็กนั้นหวังจะยกพลกำราบภาคใต้และรวบรวมดินแดน จึงได้แบ่งทัพไปสองสายเพื่อกำราบอริที่เหลืออยู่อย่าง #เล่าอิ้ว และ #เงียมแปะฮ่อ แต่ไม่ทันไรก็มีคณะฑูตมาจากองค์พระเจ้าเหี้ยนเต้ ที่มามอบราชโองการแต่งตั้งยศให้เตียวเหียนและเรียกตัวเข้าพบฮ่องเต้ทันที ทำให้ซุนเซ็กและจิวยี่ประหลาดใจมาก ภายหลังคณะฑูตกลับไปแล้วจิวยี่จึงบอกซุนเซ็กว่า
" อันราชโองการนี้คงเป็นตัวโจโฉออกมาหวังดึงตัวเตียนเหียน ไปช่วยงานและหวังลดแสนยานุภาพท่านมิให้ทำการได้สะดวก และอาจด้วยว่าตัวท่านั้นแม้จะครอบครองเมืองน้อยใหญ่ไว้มากก็จริง แต่อำนาจในราชสำนักและตำแหน่งของท่านนั้นยังมิได้ถูกแต่งตั้ง โจโฉทำเยี่ยงนี้หมายจะข่มมิให้ท่านหวังจะกำเริบยกพลไปบุกภาคกลางแน่แท้ "
ซุนเซ็กได้ยินดังนั้นก็เข้าใจเจตนารมย์ของจิวยี่ทันทีว่าหวังจะให้ตนตั้งแต่เป็นเจ้าแข่งกับโจโฉ แต่ด้วยกำลังยังน้อยหากแม้ตั้งตนตอนนี้เกรงว่าเหล่าประชาชนจะไม่พอใจและก่อกบฎได้จึง ได้ร่างหนังสือไปขอให้พระเจ้าเหี้ยนเต้แต่งตั้งเป็น ง่ออ๋อง ปกครองดินแดนภาคใต้ทั้งหมดอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าไม่นานนักก็มีม้าเร็วจากฮ่องเต้ส่งกลับมาปฎิเสธและอ้างว่า ตำแหน่งง่ออ๋องนั้นเหมาะสมกับผู้มีศักดินาและเชื้อพระวงศ์มากกว่าลูกเจ้าเมืองตกอับเร่ร่อนอย่าง ซุนเซ็ก
เรื่องนี้ทำให้ซุนเซ็กโกรธโจโฉมาก และสั่งให้ประหารม้าเร็วทันทีและนับจากวันนั้นเป็นต้นมา ซุนเซ็กก็ไม่เคยส่งเครื่องบรรณาการให้กับทางราชสำนักอีกเลย
ตัดกลับมาที่การศึก ซุนเซ็กได้มอบหมายให้จิวยี่ยกพลอ้อมไปทางเหนือเพื่อล้อมตีเงียมแปะฮ่อ ส่วนตัวเองได้ยกทัพลงใต้ไปบุกเล่าอิ้วที่รั้งทัพไว้อยู่ ซุนเซ็กบุกประชิดเมืองได้ไม่นาน ก็ได้ข่าวว่าจิวยี่ได้ตีเงียมแปะฮ่อจนหลบหนีไปยังเกาะทางตอนใต้ (คาดว่าน่าจะคือเกาะญี่ปุ่นในปัจจุบัน)
จิวยี่จึงยกทัพมาสมทบประชิดหวังปิดจ๊อบเล่าอิ้วต่อ จนกระทั่งซุนเซ็กได้พบกับ #ไทสูจู้ ตัวซุนเซ็กหวังจะได้ไทสุจู้มาเข้าทัพ จึงได้วางอุบายไว้(เล่าไปแล้วในตอนไทสูจู้และซุนเซ็ก)
ซึ่งบรรดาแม่ทัพนายกองและกุนซือทุกคนต่างคัดค้านการกระทำซุนเซ็ก มีเพียงแค่จิวยี่ไม่ทัดทานและอ่านแผนการณ์ของซุนเซ็กออก แต่ก็ทำนิ่งไว้ได้แต่หัวเราะกลางที่ประชุม แม้ว่านายทหารจะขอร้องให้จิวยี่ช่วยพูด แต่จิวยี่ก็บ่ายเบี่ยงบอกปัดไป จนกระทั่งไทสูจู้มาเข้าทัพกับซุนเซ็กตามที่คาดหมายจริง เหล่านายทัพนายกองก้ชื่นชมซุนเซ็กอย่างมาก แต่ซุนเซ็กกลับยกย่องจิวยี่ที่อ่านแผนการตนออกและไม่คิดคัดค้านเหมือนนายทัพนายกองคนอื่น ทุกคนจึงสรรเสริญในสติปัญญาจิวยี่อย่างมาก
1
หลังจากปราบเล่าอิ้วลงได้แล้ว ซุนเซ็กก็รวบรวมดินแดนใต้ไว้ทั้งหมดและสถาปนาแคว้นง่อขึ้นมาทันที ในระหว่างนั้นซุนเซ็กและจิวยี่ก็ได้ไปสู่ขอสองสาวงามอย่าง ไต้เกี้ยวและเสียวเกี้ยว สองงามแห่งแดนใต้ผู้เป็นบุตรีของเกียวก๊กโล่ ทั่วดินแดนต่างเฉลิมฉลองให้กับสองคู่ชายหญิงกันมากมาย ฝ่ายชายก็รูปงามฝ่ายหญิงก็สวยสะคราญ
แต่ทว่าแม้จิวยี่จะมีหญิงงามอยู่ข้างกายแต่ตนเองก็ไม่ได้อยู่เสพสุข กลับกันจิวยี่นั้นออกตรวจตราริ่มชายขอบทั่วดินแดนตลอดเวลา สร้างป้อมคูค่ายจำนวนมากป้องกันทัพจับศึกที่จะเกิดขึ้น
และออกปราบปรามเหล่าโจรสลัดน้อยใหญ่ที่ออกปล้นสะด้มชาวบ้านมากมาย แก้ไขเรื่องสารทุกข์สุขดิบให้ชาวบ้านมากมาย เหล่าชาวบ้านต่างยกย่องสรรเสริญในตัวจิวยี่อย่างมาก นอกจากนั้นจิวยี่ก็ดูแลเหล่าแม่ทัพนายกองอย่างดีและแต่งตั้งคนมีความสามารถมากมายให้รับได้มีบทบาทมากขึ้นอาทิเช่น เจียวขิม จิวท่าย เล่งทอง ลิบอง ชีเซ่ง พัวเจี้ยงและอีกมากมาย สร้างความมั่นคงให้กับง่อก๊กอย่างมากมายมหาศาลจนมิมีใครอาจเทียบเทียมได้ จนกระทั่ง..........
ซุนเซ็กถูกลอบสังหารป่วยหนักจิวยี่ที่ตรวจตราชายแดนอยู่พอได้ข่าวก้รีบสั่งแล่นเรือกลับเมืองทันที แต่ทว่าสายไปแล้วเมื่อมาถึงเมืองเหล่าชาวเมืองและขุนนางแม่ทัพนายกองต่างนุ่งขาวห่มขาวไว้อาลัยให้กับงานศพซุนเซ็ก
จิวยี่เห้นดังนั้นก็ร่ำไก้ยกใหญ่จนเป้นลมสลบไป พอฟื้นมาก็อาลัยในตัวซุนเซ้กอย่างมากจนร้องไห้สลบไปล้มป่วยลง แต่แม้จะล้มป่วยเจียนตายจิวยี่ก็ลากสังขารตัวเองมาคำนับศพซุนเซ็กสหายผู้อันเป็นที่รัก และอาลัยอย่างมาก ในงานศพนั้นนางง่อก๊กไถ่ได้มาปลอบจิวยี่และพูดคำสั่งเสียของซุนเซ็กไว้ว่า ได้มอบตำแหน่งต่อให้ซุนกวน จากนั้นซุนกวนในวัย 18 ปีก็เข้ามาพบกับจิวยี่และบอกกับจิวยี่ว่า
" ก่อนสิ้นใจพี่ข้าได้บอกว่า การภายในให้ปรึกษาเตียวเจียว การภายนอกให้ปรึกษาจิวยี่ ตัวท่านนั้นคือจิวยี่สหายรักของพี่ข้าใช่หรือไม่ "
จิวยี่พอได้ยินดังนั้นก็ก้มกราบซุนกวน และหยิบมีดมากรีดเลือดสาบานว่าตนเองจะภักดีต่อซุนกวนและช่วยเหลือซุนกวนแม้จนตัวตายเพื่อประโยชน์สูงสุดของง่อก๊ก จากนั้นก็กอดร่ำไห้กับซุนกวน
หลังจากเสร็จสิ้นงานศพซุนเซ็ก จิวยี่ก็ไม่รอช้าสั่งให้ทหารและผุ้คนสร้างป้อมคูค่ายมากกว่าเดิมและวางแนวป้องกันตรงชายแดนเกงจิ๋วให้มากขึ้น เพราะว่าหลังจากนั้น 2 ปี
โจโฉยาตราทัพใหญ่มาภาคใต้ ไพร่พลมากกว่าครึ่งล้าน โดยอ้างว่าลงมาปราบปรามเชื้อพระวงศ์ปลายแถวอย่าง เล่าปี่ ในครานั้นจิวยี่ได้สอดส่องข่าวคร่าวตลอดแม้ตนเองจะตรวจตราน่านน้ำอยู่ทั้ว จนโจโฉยึดเกงจิ๋วได้และเล่าปี่หนีไปรั้งทัพอยู่กังแฮ จิวยี่รู้ทันทีว่าไม่ช้าศึกใหญ่จะเปิดขึ้นแน่นอน จึงได้สั่งหันหัวเรือกับเมืองทันทีเพื่อเตรียมการเวลาต่อไป
เมื่อมาถึงเมืองเหล่ากุนซือก็มาพบจิวยี่ที่บ้านพักยามดึกร้องขอให้จิวยี่พูดคุยกับซุนกวนเรื่องให้ยอมต่อโจโฉ จิวยี่ได้บอกรับแบบส่งไปๆไม่ปฎิเสธคล้ายความกังวลให้เหล่าพวกกุนซือ จากนั้นไม่นานเหล่าแม่ทัพนายกองก็เข้ามาพบจิวยี่ร้องขอให้พูดกับซุนกวนให้เปิดศึกกับโจโฉ จิวยี่ก็บอกรับไปไว้ไม่ปฎิเสธเหล่าแม่ทัพนายกองก็เบาใจขึ้นและลากันกลับไป
จากนั้นไม่นานโลซกและจูกัดกิ๋นก็เข้ามาพบจิวยี่ และเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้ฟังพร้อมบอกว่า บัดนี้ ขงเบ้งที่ปรึกษาของเล่าปี่ได้มาถึงง่อก๊กแล้วรอเข้าพบท่านในวันพรุ่งนี้ แต่ด้วยความใจร้อนของจิวยี่จึงสั่งให้เรียกตัวขงเบ้งมาเข้าพบทันที จึงเกิดบทสนทนาอันตำนานที่จะถูกเล่าขานต่อไปอีกนานนับพันปี
เมื่อขงเบ้งมาพบจิวยี่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติกัน ไม่มีคุยเรื่องสงครามกันเลยทำให้โลซกร้อนใจอย่างมาก แต่ไม่ทันไรนั้นจิวยี่ก็ถามขงเบ้งว่า
" ท่านคิดโจโฉมีไพร่พลอยู่เท่าไร "
ขงเบ้งตอบว่า
" แต่ก่อนโจโฉมีทหารม้าอยู่แสนหนึ่งหลังจากชนะอ้วนเสี้ยวได้ก็ได้ทหารม้ามาอีก 3 แสน ทหารราบมาอีก 2 แสน เมื่อยึดเกงจิ่วได้ก็มีไพร่พลเพิ่มอีก 2 แสนจากทัพม้า และ 1 แสนจากทัพเรือ ยังไม่รวมหัวเมืองน้อยใหญ่รอบๆที่น่าจะมีไพร่พลอีกไม่เกิน 2 แสนนาย รวมๆแล้วก็ประมาณล้านเศษๆ "
จิวยี่ได้ฟังนั้นก็หัวเราะชอบใจใหญ่ ท่ามกลางสีหน้าทะมึงตึงของโลซกที่ตำหนิขงเบ้ง จากนั้นจิวยี่ก็ถามต่อว่า
" ไพร่พลโจโฉมากมายขนาดนี้ เหตุไฉนเล่าปี่นายท่านจึงไม่ยอมแพ้เสียละ ทำไมต้องหนีหัวซุกหัวซุนประหนึ่งเจ้าไร้ศาล "
ขงเบ้งได้ยินก็ตอบร่ายยาวความผิดโจโแมายกใหญ่ตั้งแต่ข่มเหงพระเจ้าเหี้ยนเต้ กดขี่ราษฎร์ ออกราชโองการตามอำเภอใจ บลาบลา
จิวยี่ได้ฟังก็หัวเราะชอบใจใหญ่ และบอกต่อว่าสงสัยเหตุนี้เราคงต้องยอมแพ้ต่อโจโฉซะแล้วกระมัง
แต่ทว่าขงเบ้งก้ยิมแสยะและตอบมาสั้นๆว่า
" หากแม้ท่านอยากให้โจโฉยกพลกับโดยไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อนั้น ไม่ยาก หากแต่ใช้คนเพียงแค่คนสองคน เท่านั้นเอง "
จิวยี่ได้ฟังรอบนี้ประหลาดใจถึงกับสงสัยว่าคนสองคนผู้นั้นคือทำไมมันเริ่มทะแม่งๆวะ จึงได้ถามขงเบ้งต่อ
ฝั่งขงเบ้งก็ได้ยิ้มมุมปากและเฉลยว่า
" ในทั่วแดนใต้มีหญิงสองนางเล่าลือว่าสวยงามเป็นที่หมายปองต่อชายทั่วหล้า นั้นคือบุตรีของผู้เฒ่าเกี่ยวก๊กโล่ หากแม้ว่าท่านได้ส่งเครื่องราชย์เงินทองมากมายไปสู่ขอหญิงสองนางของผู้เฒ่าแล้วส่งมอบให้โจโฉนั้น โจโฉก็หมายยกพลกลับไปเอง อันตัวโจโฉนั้นเลืองลือทั่วแผ่นดินว่ามักมากในกามไปตีเมืองผู้ใดก็หมายเอาภรรยาของเจ้าเมืองนั้นๆมาข่มเหงรังแก และด้วยนางสองนางนี้งามลือลั่นขนาดนี้มีรึโจโฉจะไม่หมายตา "
จิวยี่ได้ฟังนั้นสีหน้าเปลี่ยนทันที และพยายามข่มอารมณ์ไว้ และพยายามตั้งสติและถามกลับขงเบ้งว่า ท่านมีหลักฐานยืนยันหรือไม่ว่าโจโฉยกพลมาครานี้หมายหวังสองนางผู้นี้
ขงเบ้งไม่พูดมากได้ยืนขึ้นและร่ายกลอนว่า
" ยาตราทัำมาเหนือจรดใต้ บากบั่นมาทั้งชีวิต หมายจะมีสองนางเคียงข้าง ซ้ายโฮบไต้เกี้ยว ขวากอดเสียวเกี้ยว เสพสมมิขาด แม้ตายก็มิอาจเสียดายชีวา เหตุที่ว่าเหนือกว่าชายใดทั้งปวง "
เท่านั้นละครับจิวยี่หน้าบึ้งทะมึงตึงลมออกหูหน้าแดงก่ำ แล้วลุกขึ้นตบโต๊ะชี้หน้าไปทางค่ายโจโฉด่าชุดใหญ่ไฟกะพริบวิบวับชนิดท่ว่าตัวเงินตัวทองหลุดออกมาแถบจะทุกคำ
ขงเบ้งก็ประหลาดใจเหตุไฉนท่านจึงโมโหเพียงนี้เพียงแค่หญิงสองคน โลซกก็แจ้งทันทีว่า
" ท่านอยู่ภาคกลางจะไปรู้อะไร อันสองนางที่ว่านี้ คนพี่ชื่อว่า ไต้เกี้ยวเป็นภรรยาของนายเก่าซุนเซ็กและสหายรักของท่านจิวยี่ที่ล่วงลับไปแล้ว ส่วนผู้น้องนั้นนามเสียวเกี่้ยว นางนั้นคือ..อ.ออ.ออ เฮ้ยก็หญิงผู้ที่ชงชามาให้ท่านสักครู่นี้ไง ท่านคือภรรยาของท่านจิวยี่!!!! "
เท่านั้นละครับ ขงเบ้งกราบคำนับขอโทษจิวยี่ยกใหญ่ประหนึ่งไปฆ่าพ่อจิวยี่ตาย จิวยี่ไม่ถือเอาความขงเบ้งและบอกว่า วันพรุ่งนี้เราหมายจะเปิดศึกกับโจโฉทันที ไม่ว่าพูดใดทัดทานเราก็จะไม่ฟัง ขงเบ้งได้ยินดังนั้นก็ทราบทันทีว่าจุดประสงค์ตัวเองลุล่วงแล้วจึงขอตัวลากลับทันที
1
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมียข้าใครอย่าแตะ และถ้ายิ่งเมียสวยมึงยิ่งห้ามแตะเข้าไปใหญ่
หลังขงเบ้งกลับไปแล้วจิวยี่ก็บอกโลซกว่า ขงเบ้งผู้นี้ชาญฉลาดมีสติปัญญาเหนือกว่าข้ามาก การสักครู่ขงเบ้งพูดหว่านล้อมจนข้าขาดสติได้คนผู้นี้ไม่ธรรมดา จักต้องกำจัดทิ้งเสียมิเช่นนั้นจะเป็นภัยภาคหน้าต่อง่อก๊กแน่แท้ แต่โลซกก็คัดค้านไว้ว่าบัดนี้ยามศึกสงครามมิควรสังหารผู้มีความสามารถควรเก็บไว้ใช้งานจะดีกว่า จิวยี่ได้ฟังก็พิเคราะห์ดูแล้วเลยพับเรื่องจะส่งขงเบ้งไปเป็นปุ๋ยอีนทรีย์ให้ต้นมะม่วงไว้ก่อน
เมื่อศึกเซ็กเพ็กเปิดฉากขึ้น จิวยี่ก็วางอุบายไว้มากมายจนโจโฉพ่ายแพ้และถอยรนกลับไป (รายละเอียดแบบละเอียดยิบๆจะขอทำแยกไว้ในตอน มหาศึกสงครามเซ็กเพ็ก เพราะมิงั้นจะยาวมากกว่านี้)
หลังจากโจโฉยกทัพกลับไปฮูโต๋แล้ว ก็ถึงเวลาที่พันธมิตรซุนกวน-เล่าปี่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ และแน่นอนตัวตึงแห่งง่อก๊กอย่างจิวยี่ก็เปิดก่อนเลยจ้า จิวยี่ส่งทัพไปล้อมเมืองลำกุ๋นไว้ที่ #โจหยินรั้งเมืองไว้ จิวยี่ปิดล้อมนานหลายสัปดาห์ก้ตไม่แตกเพราะโจหยินก็ป้องกันเมืองอย่างแข็งขันและชัยภูมิลำกุ๋นนั้นไม่ต่างอะไรกับกระดองเต่าดีๆนั้นเอง จิวยี่ร้อนใจมากเพราะเกรงว่าขงเบ้งที่รั้งอยู่กังแฮจะแอบลอบไปตีเมืองอื่นที่เหลืออยู่ เนื่องด้วยสงครามเซ็กเพ็กนั้นจิวยี่ได้ลงแรงไว้มากครั้นจะให้ขงเบ้งมาชุบมือเปิปก็กระไรอยู่
ศึกสงครามนั้นก็เมือฟุตบอลละลูกกลมอะไรก็ไม่แน่นอน ในศึกหนึ่งนั้นจิวยี่หลงอุบายโจหยินถูกล้อมแล้วใช้ธนูอาบยาพิษถูกยิงตกจากหลังม้า เหล่าแม่ทัพนายกองตกใจอย่างมากรีบพาร่างจิวยี่ถอยทัพและไปรักษาตัวทันที
จิวยี่ปิดค่ายเงียบรักษาตัวอยู่ฝ่ายโจหยินก้ส่งทหารมาเยาะเย้ยเช้า กลางวัน เย็น แถมพูดด่าแช่งให้จิวยี่ตายเร็ววัน ซึ่งแน่นอนครับพูดแบบนี้ไม่เข้าหูแม่ทัพนายกองต่างก็หน้าแดงลมออกหูหวังจะออกไปปิดปากให้ทหารพูดจาไม่เข้าหูทันที แต่ทว่าจิวยี่ก้สั่งห้ามไว้และมีกฎอัยการห้ามออกรบ ซึ่งสิ่งที่จิวยี่ทำนั้นไม่ทำเปล่าเพราะได้แอบวางอุบายซ้อนกลไว้ โดยหมายว่าจะแกล้งตายแล้วยกทัพกลับไปล่อให้โจหยินออกมาตามตีและยกทัพล้อมเข้าเมือง
ซึ่งโจหยินก็หลงกลเต็มๆ ออกจากเมืองยกทัพมาหวังเอาศพจิวยี่ทิพย์ แต่หารู้ไม่จิวยี่ซ็อนอุบายไว้และล้อมทัพโจหยิน ตีจนโจหยินแตกพ่ายจนต้องหนีกลับฮูโต๋ จากนั้นจิวยี่ก็หยิ่มกระหยองใจว่ายึดลำกุ๋นได้แล้ว
หวังยกทัพเข้าเมือง แต่ทันใดนั้นพอยกมาถึงประตูเมืองธงที่มีเขียนว่า เตียว ก็สะบัดพริ้วไหวทั่วกำแพงเมือง พอจิวยี่สั่งให้คนเปิดประตูเมืองก็ปรากฎว่า จูล่งแห่งเสียงสานออกมายืนบนกำแพงเมือง พร้อมบอกว่าบัดนี้ท่านขงเบ้งได้ยึดเมืองลำกุ๋นไว้แล้ว จิวยี่ตกใจยกใหญ่ทันทีมันมายึดได้ไงวะ จากนั้นไม่นานก้มีม้าเร็วมาสามสายบอกว่า
ตอนนี้ เมืองเกงจิ๋ว เหลงเหลง อิเหลง ถูกเล่าปี่ยึดหมดแล้ว โดย เมือคืนนั้นขงเบ้งได้วางอุบายให้จูล่งและทหารปลอมตัวลอบเข้าเมืองเป็นทหารโจหยิน พอโจหยินยกพลออกมาช่วงเช้า จูล่งและทหารก็พายึดเมืองทันทีและแอบส่งตราทัพโจหยิน ธงประจำตัว และม้าเร็วไปยังเมืองทั้งสามบอกให้ยกทัพมาช่วยโจหยินที่ถูกจิวยี่ล้อมไว้ พอทหารออกมาจากเมืองทั้งสาม กวนอู เตียวหุย เล่าปี่ที่ซุ่มนอกเมืองก็สังหารเจ้าเมืองและแม่ทัพทิ้งทันทีและเข้ายึดเมืองได้ง่ายดายทันที
จิวยี่ได้ฟังดังนั้นก็ช็อคซีนีม่าทันที ว่ามึงทำได้ไงวะ! ยอดคนเกินไปแล้ว เท่านั้นไม่พอสิ่งที่นอกจากช็อคแล้ว ก้มีเลือดสีแดงเข้มๆกระอักออกมาจากปากจิวยี่อีก พิษจากเกาทัณฑ์ของจิวยี่ดันกำเริบจนสลบไป เหล่าแม่ทัพนายกองเลยต้องหามจิวยี่กลับค่าย แถมเวลาก็เหมาะเจาะพอดีม้าเร็วมาจากหับป๋ารายงานว่า
ลิบองและเล่งทองที่ล้อมหับป๋าพ่ายแพ้ต่อเตียวเลี้ยวแล้วกำลังยกทัพกลับ ยิ่งทำให้จิวยี่ช้ำใจเข้าไปใหญ่หมายจะตีลำกุ๋นให้ได้ แต่เหล่าแม่ทัพนายกองก็ห้ามปรามไว้และบอกให้จิวยี่ยกทัพกลับรักษาตัวก่อน แค้นวันนี้ 10 ปียังไม่สาย จิวยี่เห็นดังนั้นก็สงบสติอารมณ์และสั่งยกทัพกลับทันที เท่ากับว่าศึกนี้จิวยี่พ่ายแพ้หมดรูปนั้นเอง
จิวยี่รักษาตัวไม่นานก็หมายคิดแผนจะยึดเกงจิ๋วอีก โดยรอบนี้วางแผนไว้ว่าจะเรียกตัวเล่าปี่มากินเลี้ยงและหมายจับไว้เป็นตัวประกัน แต่หารู้ไม่จิวยี่คิดผิด เพราะบุคคลที่มากับเล่าปี่นั้นคือ ชายที่ได้ชื่อว่า แม่ทัพอันดับหนึ่งในแผ่นดินในตอนนั้น ชายที่สมฉายาว่า เทพแห่งสงคราม เป็นองครักษ์ให้เล่าปี่
แม้เล่าปี่จะมากินเลี้ยงตามนัดหมายที่จิวยี่บอก แต่ทว่าด้วยความน่าเกรงขามของกวนอู นั้นทำให้จิวยี่มิกล้าส่งสัญญาณให้ทหารกรูมาจับตัวเล่าปี่ เพราะสัมผัสได้ถึงรังสีสังหารจากกวนอูว่า หากจิวยี่ทำอะไรมีพิรุธเตรียมขิตไปเฝ้าซุนเซ็กในยมโลกได้เลยภายในพริบตา จิวยี่จึงทำได้แค่นั่งดื่มกินและพูดคุยกับเล่าปี่อย่างกล้าๆกลัวๆ จนงานจบลง หลังจากงานจบจิวยี่ก้โมโหตัวเองยกใหญ่ ส่งผลให้พิษจากเกาทัณฑ์กำเริบอีกรอบ จิวยี่จึงตั้งสติยุบหน่อพองหน่อต่อ และวางแผนยึดเกงจิ๋วใหม่
รอบนี้แผนสุดพรรณาที่จิวยี่จะคิดได้คือการวางแผนแต่งงานให้เล่าปี่และซุนฮูหยินน้องสาวซุนกวน และหวังมอมเมาให้เล่าปี่เสวยสุขอยู่ง่อก๊ก ลืมทั้งกวนอู เตียวหุย จูล่ง ขงเบ้ง จิวยี่ลงทุนสร้างวังใหญ่โตสวนสคราญมากมาย มอมเมาเล่าปี่ เพราะคิดว่าเล่าปี่ยากจนมาก่อนไม่เคยเสพสุขพอเสพสุขจะเคยตัวจนลืมงานบ้านเมืองไป แต่ทว่าเล่าปี่ก็ทำให้จิวยี่อึ้งอีกครั้ง เมื่ออยู่ดีๆเล่าปี่ก้ลุกออกจากพระราชวงัโอ้อ่าและเดินทางกลับเกงจิ๋วทันทีเมื่อได้ยินข่าวว่าโจโฉจะยกทัพลงใต้อีกครา
จิวยี่พยายามส่งกองเรือไปขัดขวาง แต่ก็ไม่ทันการ พอเมืองถึงเขตชายแดนเกงจิ๋ว จิวยี่ก็เห็นภาพบาดตาบาดใจนั้นคือ เล่าปี่และบรรดาขุนศึกกินเลี้ยงบนริมผาพร้อมต้อนรับกับว่าที่ภริเมียใหม่ของเล่าปี่อย่าง นางซุนฮูหยิน
ภาพนี้บาดตาบาดใจทำให้จิวยี่ลมูออกอีกครั้งแถมรอบนี้โกรธกว่าครั้งๆไหน เพราะตนเองลงทุนเอาน้องสาวเจ้านายมาเป็นเครื่องมือหวังดิบดีว่าจะยึดเกงจิ๋วได้แน่แท้ แต่ทว่าทันใดพิษในตัวจิวยี่ก็กำเริบอีกครั้ง รอบนี้หนักกว่าครั้งไหนๆจิวยี่กระอักเลือดก้อนใหญ่ออกมาท่วมตัวไปหมดและเป็นลมฟุบไป
เมื่อจิวยี่ฟื้นมาก้ทราบชะตาว่าตัวเองไม่รอดแน่ๆ จึงสั่งเสียต่อแม่ทัพนายกอง พอดีเตียวเจียวทราบอาหารก่อนรีบควบม้ามาเข้าพบ จิวยี่ก็สั่งเสียกับเตียวเจียวไว้ จากนั้นก็เรียกโลซกและลิบองมาคุยกันส่วนตัว และไล่ให้ทหารคนอื่นออกไปหมด จิวยี่สั่งเสียกับโลซกว่า
" อันตัวข้านั้นหมายยึดเกงจิ๋วจนเกินเหตุ จึงส่งผลเช่นนี้ภายภาคหน้าท่านจงอย่าเอาเยี่ยงอย่างข้า จึงสมัครสมานน้ำใจกับเล่าปี่ให้มั่น อย่าเผลอเปิดช่องให้โจโฉใช้โอกาสนั้นมาบุกตีง่อก๊กได้อีก ป้อมคูค่ายทั้ง 200 กว่าแห่งที่ตัวข้าสร้างมานั้นท่านจงรับตำแหน่งต่อจากข้าและสานงานต่อให้เสร็จปกป้องง่อก๊กเราจนภัยทั้งปวง และหากแม้มีโอกาสแม้จะน้อยนิดท่านจงหาทางสังหารขงเบ้งเสีย คนผู้นี้จะคือภัยที่ร้ายแรงกว่าโจโฉในวันข้างหน้าแน่แท้ "
จากนั้นก็เรียกลิบองมาพบ
" ตัวท่านนั้นมีความสามารถมากเพียงแต่ท่านไม่รู้ตัว หลังจากข้าสิ้นชีพไปจงเอาจดหมายจากข้าไปให้ภรรยาข้า แล้วนางจะมอบตำราเล่มหนึ่งให้ท่าน ท่านจงศึกษาให้ดี ภายภาคหน้าจักมีประโยชน์ต่อท่านแน่แท้ ท่านอายุยังน้อยยังมีเวลามากกว่าข้านัก จงดูแลเหล่านายทหารให้มั่นเหมาะอย่าได้คิดเบียดเบียนราษฎร์ ดูแลทุกข์สุขเหล่าทหารเสมือนครอบครัวท่าน ตัวข้าอาภัพนักมีบุญวาสนาเท่านี้ มิอาจทำสิ่งที่นายข้าวาดฝันไว้ได้ "
จากนั้นไม่นานจิวยี่ก็เรียกนายทหารทุกคนกลับเข้ามาพบและสั่งเสียเหล่านายทหารทั้งหมด จากนั้นวาระสุดท้ายก้มาถึงจิวยี่ตอนนี้นั่งอยู่บนขือนอกกระโจมมองบนท้องฟ้า พร้อมชี้ด่าท้องฟ้าว่า
" เทียนกี้แซ่ยี้ ห่อปิ๊ดแซ่เหลียง "
แปลว่า
" เหตุไฉนฟ้าส่งจูเกอเหลียงมาแล้ว ต่อส่งข้าจิวยี่ลงตามมาด้วย "
จากนั้นจิวยี่ก็สิ้นใจลง
จิวกงจิ้นยี่ผู้ก่อตั้งและสร้างความมั่นคงให้ง่อก๊กเสียชีวิตในวัย 36 ปี จากพิษลูกธนูเมื่อครั้งศึกลำกุ๋น
เมื่อจิวยี่สิ้นชีพท่ามกลางนายทหาร เหล่าแม่ทัพนายกองต่างร้องไห้เสียใจกันอย่างมาก และส่งร่างจิวยี่กลับเมืองพร้อมจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่ ซุนกวนพร้อมทราบข่าวการตายของจิวยี่ก็เศร้าโศกเสียใจอย่างมากร้องไห้ 3 วัน 3 คืน และแต่งตั้ง โลซกรับช่วงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ของง่อก๊กต่อตามคำสั่งเสียจิวยี่
#พลิกชีวิตลิขิตฟ้าแบบสามก๊ก
โฆษณา