27 ม.ค. 2023 เวลา 05:30 • ธุรกิจ

5 ไอเดียในการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในภาคธุรกิจ

วันนี้ AIGEN ได้รวบรวมไอเดียในการนำเทคโนโลยี AI ที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ กับภาคธุรกิจ เพื่อเป็นไอเดียให้กับธุรกิจที่กำลังมองหาเทคโนโลยี AI ไปใช้ รวมถึงต่อยอด และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจในปัจจุบัน และต่อไปถึงในอนาคต
1.ให้ AI ประมวลผลข้อมูลจากเอกสารหลากหลายประเภทได้แบบอัตโนมัติ
หลายๆธุรกิจอาจจะเคยประสบปัญหากับการจัดการเอกสารเป็นจำนวนมาก ที่ต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการมาดูแลเรื่องการจัดการเอกสาร ทั้งการรวบรวม การกรอกข้อมูลจากเอกสารเข้าไปในระบบขององค์กร การจัดเก็บเอกสารที่ต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บเอกสาร ส่งผลทำให้องค์กรมีต้นทุนในการจัดการเรื่องเอกสารแบบแมนนวลสูงถึง 30 ล้านบาทต่อปี
อีกทั้งยังอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาด และส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานโดยรวมอีกด้วย โดยปัญหาหลักอยู่ที่เอกสารโดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของไฟล์ PDF ไฟล์รูปภาพ ไฟล์ Word หรือ Excel ที่ยังต้องใช้พนักงานในการอ่าน ประมวลผล และกรอกข้อมูลเข้าไปในระบบนั่นเอง
โดยที่การประมวลผล และดึงข้อมูลที่ต้องการออกมาจากเอกสารเหล่านั้นโดยที่ไม่ต้องใช้พนักงานยังคงเป็นประเด็นหลักที่ต้องหาโซลูชั่นมาแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้ได้ และ Gartner ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2025 นี้ 50% ของใบแจ้งหนี้และใบเสร็จรับเงินต่างๆทั่วโลกจะสามารถประมวลผล และดำเนินการโดยที่ไม่ต้องใช้คนเข้ามาเกี่ยวข้องได้
เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานี้ให้กับธุรกิจได้ โดยใช้ระบบ Intelligent Document Processing หรือการประมวลผลเอกสารแบบอัจฉริยะ ซึ่งมีเทคโนโลยี AI เป็นผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญ ทำให้สามารถดึง และประมวลผลข้อมูลจากเอกสารได้หลากหลายรูปแบบ และในหลากหลายฟอร์แมทข้อมูล โดยระบบ IDP ได้รวมเอาจุดเด่นของเทคโนโลยี OCR (Optical Character Recognition) กับจุดแข็งของเทคโนโลยี AI เข้าด้วยกัน
ทำให้ปัญหาเรื่องการต้องสร้างเทมเพลตของเอกสารไว้ล่วงหน้า รวมถึงลดกระบวนการในการทำงานลงได้ ด้วยพลังของระบบ AI ทำให้การดึงข้อมูลทำงานได้อย่างง่ายดาย และการันตีถึงความแม่นยำสูง ระบบ IDP ที่มีเทคโนโลยี AI เป็นตัวขับเคลื่อนสามารถทำให้การประมวลผลเอกสารแบบอัตโนมัติเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่การดึงข้อมูลจากเอกสารจนถึงกรอกข้อมูลลงไปในระบบที่ต้องการ
2.ผู้ช่วยเสมือนอัจฉริยะ หรือแชทบอทที่ให้บริการลูกค้าได้แบบ 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องหยุดพัก
ถึงแม้ว่าแชทบอท หรือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถสื่อสาร และพูดคุยได้เหมือนกับมนุษย์ เป็นเรื่องที่หลายๆคนอาจจะได้ยินกันมาซักพักแล้ว แต่แชทบอทถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มี AI เป็นผู้อยู่เบื้องหลังสำคัญที่เป็นที่รู้จัก และคุ้นเคยกันในวงกว้างทั้งในมุมของผู้ใช้งาน และในมุมของธุรกิจ สอดคล้องกับตัวเลขสถิติที่ว่า 40% ของมิลเลนเนียล (Millennial) ได้พูดคุยกับแชทบอทอยู่ตลอดในชีวิตประจำวัน และการนำแชทบอทไปใช้งานในภาคธุรกิจนั้นเติบโตถึง 92% นับตั้งแต่ปี 2019
ในแง่ของการนำแชทบอทมาใช้กับธุรกิจนั้น แชทบอทสามารถประยุกต์ใช้งานกับหลากหลายฟังก์ชั่นงาน ตั้งแต่ศูนย์ให้บริการลูกค้า ฝ่ายขาย และการตลาด จนถึงหน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคล หรือ HR โดยที่เรามักจะเห็นกันบ่อยที่สุดคือการนำแชทบอทมาใช้กับการให้บริการลูกค้า โดยการให้ Chatbot เป็น first-tier หรือด่านแรกในการให้บริการลูกค้า เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการโดยทำให้ลูกค้าได้รับบริการโดยทันที
รวมทั้งในช่วงนอกเวลาทำการแชทบอทก็สามารถให้บริการลูกค้าได้เช่นกัน รวมถึงธุรกิจสามารถใช้แชทบอทในการตอบคำถามที่มักจะมีลูกค้าถามมาซ้ำๆได้ เช่น ราคา สี ช่องทางการสั่งซื้อสินค้า เพื่อลด workload ของพนักงานให้บริการลูกค้า ทำให้พนักงานมีเวลาในการให้บริการลูกค้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษมากขึ้น
นอกจากนั้นธุรกิจยังสามารถใช้แชทบอทเป็นช่องทางในการเก็บเสียงตอบรับจากลูกค้า หรือ Voice of customer ได้ เพื่อนำมาปรับปรุงในด้านต่างๆต่อไป ตอบโจทย์การทำธุรกิจในยุค Data-driven หรือการนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี
3.สร้างประสบการณ์สุดแสนจะประทับใจให้ลูกค้าหรือผู้ใช้งานด้วย Product recommendation system
Product recommendation system ได้เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว ตั้งแต่การเข้า Facebook และมี notification ขึ้นว่า “อีเว้นท์ที่คุณอาจจะสนใจ” หรือเพิ่มเพื่อน “เพื่อนที่คุณอาจจะรู้จัก” หรือใน Netflix แพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิ่งชื่อดังจะมีขึ้นว่า “ซีรีส์ หรือหนังอื่นๆที่คุณน่าจะสนใจดู” รวมถึงในแพลตฟอร์ม E-commerce ต่างๆ
จะมีแสดงว่า “สินค้าที่คุณอาจจะสนใจ” ซึ่ง Recommendation system ได้สร้างอัลกอริทึ่มเพื่อนำเสนอสินค้า หรือบริการต่างๆที่ผู้ใช้งาน หรือลูกค้าน่าจะสนใจได้แบบรายบุคคล (Personalization)
โดยใช้เทคโนโลยี AI ในการวิเคราะห์ประวัติการซื้อสินค้า และการเข้าไปเยี่ยมชมหน้าเว็บไซต์ในแต่ละหน้ามาที่มีอยู่ในฐานข้อมูลของลูกค้าแต่ละคน และด้วยความสามารถของ AI ทำให้ Recommendation system สามารถแนะนำสิ่งที่ลูกค้าแต่ละคนสนใจได้อย่างรวดเร็วสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ เนื่องจากลูกค้าสามารถหาสินค้าที่ตัวเองต้องการได้ง่าย และรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
นอกจากนั้น สำหรับธุรกิจ E-commerce และถือเป็นเครื่องมือที่มีความสำคัญในการเพิ่มยอดขาย และกำไรอีกด้วย จึงเป็นเหตุผลที่ Recommendation system ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในธุรกิจค้าปลีกนั่นเอง
นอกจากนั้นระบบ Recommendation system ที่ดีจะต้องสามารถตอบรับกับพฤติกรรมของลูกค้าใหม่ที่เข้ามา และสามารถแสดงผลได้ในสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด รวมถึงสามารถให้ข้อมูลกับผู้ใช้งานเกี่ยวกับโปรโมชั่นพิเศษ และการเปลี่ยนแปลงของสินค้ารวมถึงราคาได้อย่างเหมาะสมกับในแต่ละช่วงเวลา
4.ยืนยันตัวตนด้วยการสแกนใบหน้า ลดการสัมผัสตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคหลังโควิด-19
เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า หรือ Face recognition คือการนำเทคโนโลยี Biometrics มาใช้ในการแยกแยะลักษณะต่างๆบนใบหน้าของมนุษย์เพื่อใช้ในการระบุตัวตนของบุคคลนั้นๆ
โดยมีผลวิจัยจาก Allied Market Research ได้คาดการณ์ว่าตลาดของเทคโนโลยี Facial Recognition จะมีมูลค่าเติบโตถึง 9,600 ล้านดอลล่าร์สหรัฐภายในปี 2022 นี้ โดยในปัจจุบันเทคโนโลยีการจดจำใบหน้าถูกนำมาใช้ในหลากหลายรูปแบบ
ด้วยความสามารถของเทคโนโลยี AI และ Machine learning สามารถที่จะทำความเข้าใจความแตกต่างของลักษณะต่างๆบนใบหน้าได้โดยใช้สูตรทางคณิตศาสตร์ หลังจากนั้นระบบจะมองหาแพทเทิร์นในข้อมูลรูปภาพที่มีอยู่ และเปรียบเทียบรูป และวิดีโอที่ได้มาใหม่กับข้อมูลเดิมที่ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล เพื่อที่จะสามารถระบุตัวตนของแต่ละบุคคลได้ ทำให้การจำแนก แยกแยะใบหน้า และการยืนยันตัวตนสามารถทำได้อย่างแม่นยำ และรวดเร็วเป็นหลักวินาที จากการเทรนโมเดล AI ให้อ่านใบหน้าคนมาหลากหลายรูปแบบ
รวมถึงสามารถทำงานได้ในรูปแบบอัตโนมัติทั้งหมดโดยที่ไม่ต้องใช้คน หรือพนักงานในการยืนยันตัวตน ทำให้รองรับปริมาณการทำธุรกรรมพร้อมๆกันเป็นจำนวนมากได้ ถือเป็นข้อได้เปรียบที่สำคัญของโซลูชั่น AI-Powered Face Recognition
5.คาดการณ์แนวโน้มสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ด้วย Predictive analytics
การวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ หรือ Predictive analytics ถือเป็น Use case ของการนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานในลำดับต้นๆที่มีความสำคัญกับธุรกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการผลิต สุขภาพและความงาม ค้าปลีก การเงิน และอื่นๆ โดย Predictive analytics คือการนำอัลกอริทึ่มทางสถิติรวมกับข้อมูลทั้งภายในและภายนอก
รวมถึงการคาดการณ์เทรนด์ต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถใช้สินค้าคงคลังที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ปรับปรุงเวลาในการจัดส่งสินค้า เพิ่มยอดขาย จนถึงลดต้นทุนในการดำเนินงาน และเมื่อนำ Predictive analytics จับคู่กับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ข้อมูลเชิงลึกที่รวบรวมได้จากระบบจะเป็นกุญแจสำคัญในการคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำ และทันเวลามากขึ้นในอนาคต
การจับคู่โมเดลการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์กับ AI มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปรับปรุงความแม่นยำในการพยากรณ์หลังเกิดโรคระบาดโควิด-19 เพราะมีข้อมูลล่าสุดสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนั่นเอง ตัวอย่างเช่น การจัดหาพลาสติกอาจได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนวัตถุดิบบางอย่าง เนื่องมาจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือการขนส่งที่ล่าช้า รระบบ AI สามารถระบุเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ล่วงหน้า ส่งผลทำให้มีข้อมูลประกอบการตัดสินใจมากขึ้น โดยการนำ Predictive analytics
Think AI Think AIGEN
อ่านบทความเพิ่มเติมคลิก : https://bit.ly/3ZvHp1R
ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการนำโซลูชัน AI ไปใช้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIGEN ได้ที่
· Facebook : AI GEN : ไอเจ็น
· Line : @aigen
โฆษณา