29 ก.ค. 2023 เวลา 13:00 • ไลฟ์สไตล์

ทำอย่างไร? เมื่อ “โซเชียลมีเดีย” จำเก่ง คอยย้ำเตือน “วันนี้ในอดีต”

เผยวิธีช่วยชีวิตคนที่อยาก “ลืมอดีต” จากความทรงจำเก่า ๆ แต่ดันติดกับดัก “โซเชียลมีเดีย” ที่คอยย้ำเตือนอดีตอยู่ทุกวี่วัน แล้วต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้อดีตเหล่านั้นตามมาหลอกหลอน สามารถนำไปใช้ได้ทั้งคนที่ยัง “มูฟออนเป็นวงกลม” และ คนที่เคยโพสต์เหตุการณ์ที่เป็น “ตราบาป” ในอดีต
1
การเข้ามาของโซเชียลมีเดียและร่องรอยแห่งดิจิทัล ทำให้คนเรามูฟออนได้ยากขึ้น เพราะยามที่เรารักกัน เราต่างโพสต์รูปคู่ สร้างโมเมนต์ สาดความหวานลงโซเชียลมีเดียอย่างเต็มที่ แต่เมื่อเลิกกันแล้ว บางคนก็เลือกจะลบหรือซ่อนโพสต์เหล่านั้น แต่บางทีก็เผลอข้ามบางโพสต์ไปซ่อนหรือลบไม่หมด หรือบางคนก็เลือกจะไม่ลบมัน เพราะขี้เกียจนั่งย้อนหาโมเมนต์มากมายที่เคยมีร่วมกัน ก็เลยปล่อยเลยตามเลย
ไม่ใช่แม้แต่เรื่องความรักเพียงอย่างเดียว หลายครั้งที่เราย้อนไปอ่านโพสต์เก่า ๆ ในวัยที่ยังไม่รู้เดียงสา แล้วเกิดความคิดว่า ตอนนั้นเราทำไปได้อย่างไรกัน กลายเป็น “ตราบาปในชีวิต” สิ่งเหล่านี้เราล้วนอยากจะลบออกไปจากความทรงจำของทุกคนให้หมด
มันคงจะไม่มีปัญหาอะไร ทุกคนน่าจะมูฟออนไปได้ แต่โซเชียลมีเดียเจ้ากรรม โดยเฉพาะเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ดันมีฟังก์ชันเมมโมรี (Memories) แสดงโพสต์ “วันนี้ในอดีต” พาเราย้อนกลับไปในความทรงจำ ทำให้เราหวนคิดถึงอดีต วันวานที่แสนหวาน ทั้งที่เราพยายามจะลืมมันอยู่ จนสุดท้ายก็ “มูฟออนเป็นวงกลม” ไปไหนไม่รอดติดอยู่กับความทรงจำเดิม ๆ
จากการศึกษาของนักวิจัยด้านการสื่อสาร ที่ร่วมกันทำการศึกษาพฤติกรรมของมนุษย์บนโซเชียลมีเดียหลังจากเลิกรากับคนรักเก่า เพื่อสำรวจวิธีการตัดสินใจว่าจะเก็บหรือลบความทรงจำบางสิ่งหลังจากสิ้นสุดความสัมพันธ์ และการตัดสินใจเหล่านี้ส่งผลต่อการมูฟออนได้อย่างไร
🙈ต้องลบทิ้งให้สิ้นซาก?
จากงานวิจัยในปี 2558 ที่ตีพิมพ์ลง Journal of Social and Personal Relationships พบว่า คนส่วนใหญ่หลังจากที่เลิกรากันไปแล้ว มักจะทำการลบหรือซ่อนโพสต์ รูปต่าง ๆ และสถานะความสัมพันธ์ ในโซเชียลมีเดียที่เคยทำไว้ตอนรักกัน
ขณะที่อีกผลการศึกษา ระบุว่า คนที่ชอบกลับไปย้อนดูรูปคู่เก่า ๆ ที่เคยโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย และแอบไปส่องโซเชียลมีเดียของคนรักเก่าหลังจากเลิกกันไปแล้ว จะมูฟออนได้ยากกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้ ผลการศึกษายังพบว่า คนที่ยังรักอยู่ มีแนวโน้มที่จะเก็บโพสต์เหล่านั้นไว้ ซึ่งทำให้พวกเขาไม่สามารถมูฟออนไปไหนได้ และมักจะย้อนกลับไปดูโพสต์เหล่านั้นอยู่เสมอ
🙊เลิกกันทำไมนะ?
นอกจากการจัดการบรรดาโพสต์ในโซเชียลมีเดียในแพลตฟอร์มต่าง ๆ แล้ว การต้องคอยเล่าถึงสาเหตุการเลิกรากันไปให้คนรอบข้างฟังซ้ำไปซ้ำมาก็เป็นอีกเรื่องที่แสนสะเทือนใจ เพราะเท่ากับเป็นการตอกย้ำถึงเหตุการณ์ที่เราต้องการลืมมันให้ได้อยู่เรื่อย ๆ และในบางครั้งเราก็ต้องสร้างเรื่องราวการเลิกกันขึ้นมา เพราะเราไม่สามารถเล่าให้ทุกคนฟังได้ตามความจริง
อีกทั้งโซเชียลมีเดียยังเข้ามาสร้างเรื่องให้ปวดหัวได้ด้วย เพราะในปัจจุบันแต่ละคนไม่ได้มีเพียงแค่แอคเคาท์โซเชียลมีเดียเดียว แต่ถือไว้หลายแอคเคาท์ มีทั้งอินสตาแกรมหลัก หรือ แอคหลัก ที่เอาไว้โพสต์รูปสวย ๆ ด้านดี ๆ ในชีวิต กับแอคหลุม หรือ Finsta ที่มีไว้แสดงตัวตนที่แท้จริงกับเพื่อนสนิทเท่านั้น
ดังนั้นวิธีการเล่าเรื่องราวความรักผ่าน 2 แอคเคาท์นี้จึงมีความแตกต่างกัน แอคหลักอาจจะเล่าเรื่องอย่างบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น รักษาภาพลักษณ์ หรืออาจจะตีมึนไม่พูดถึงเหตุการณ์การเลิกราไปเลย หากไม่มีใครถาม แต่ขณะที่แอคหลุมสามารถเล่าได้เต็มที่ และในบางครั้งถ้าเลิกกันไม่ดี เราอาจจะเผลอใส่สีตีไข่ ใส่ไฟไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันเวลาผ่านไปล่วงเลยจนพร้อมมูฟออนแล้ว ผู้คนอาจจะเปลี่ยนวิธีการพูดถึงสาเหตุการเลิกกันให้ซอฟต์ลง และไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเป็น “ผู้ร้าย” เท่าตอนแรก เพราะอารมณ์ไม่ได้ท่วมท้นเท่ากับตอนเลิกกันใหม่ ๆ แล้ว อีกทั้งสามารถกลับไปดูรูปและข้อความเก่า ๆ ได้อย่างไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
🙉ยังเป็นเพื่อนกันได้?
เมื่อเราคบกับใคร เรามักจะรับคนรอบข้างของเขาเข้ามาในชีวิตด้วย ทั้งในชีวิตจริงและบนโซเชียลมีเดีย แต่เมื่อคุณเลิกกับคนนั้นไปแล้ว อาจจะต้องถึงเวลาทบทวนว่าคุณยังอยากจะเป็นเพื่อนในโลกออนไลน์กับเพื่อน ครอบครัวของแฟนเก่าอยู่หรือไม่ เพราะมีโอกาสสูงที่คนเหล่านั้นจะถ่ายรูปหรือแท็กหาแฟนเก่าคุณ ทำให้เขายังคงมาวนเวียนอยู่ในหน้าไทม์ไลน์ของคุณอยู่ แม้ว่าคุณจะอันเฟรนด์หรือบล็อกเจ้าตัวไปแล้วก็ตาม ซึ่งการเห็นคนรักเก่าอาจจะเป็นการเปิดแผลเก่าของคุณให้เจ็บจี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง
ดังนั้นคุณควรจะทบทวนและคิดให้ถี่ถ้วนว่าจะเก็บรักษาพวกเขาไว้หรือไม่ เพราะบางครั้งเราสามารถรักษาความสัมพันธ์ในชีวิตจริงไว้ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเพื่อนกันในโซเชียลมีเดีย
ในระยะแรกที่พึ่งเลิกกัน การเอาตัวเองออกมาให้ไกลจากเขาอาจจะเป็นสิ่งที่ปลอดภัยกับหัวใจและความรู้สึกของเรามากกว่า และวันใดที่เราพร้อม ไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว จะกลับไปเป็นเพื่อนกับเขาอีกครั้งก็ยังไม่สาย
อันที่จริงแล้ว เรื่องนี้ไม่มีสูตรตายตัวว่าควรทำอย่างไร คุณอาจจะเลือกทิ้งบางอย่างที่คุณยังไม่พร้อมจะเห็นมัน และเก็บบางอย่างไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนและย้ำเตือนว่าถ้ามีรักครั้งใหม่จะไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หรือสุดท้ายแล้วคุณจะทิ้งทั้งหมด หรือเก็บทั้งหมดก็ได้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ แต่ไม่ว่าจะเลือกวิธีไหน คุณก็ควรต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดและทำร้ายหัวใจตัวเองให้น้อยที่สุดเสมอ
โฆษณา