21 ม.ค. 2023 เวลา 13:39 • หุ้น & เศรษฐกิจ

จากสังคมที่มีการกระจัดกระจาย สู่สังคมที่มีระเบียบและแบบแผน กรีกโบราณ

การปกครองของกรีกนั้นยังต่อเนื่องมาจากเมโสโปเตเมียคือ นครรัฐ
มีการแบ่งชนชั้นคือ ชนชั้นผู้นำ และชนชั้นรอง
การเกษตรยังคงดำเนินต่อไปแต่จุดประสงค์ไม่ใช่เพื่อการค้า หรือผลิตส่วนเกินไปขาย ในตลาดแต่ผลิตเพื่อยังชีพ (กลับไปสู่ในยุคที่ของป่าไม่มีให้เก็บ มนุษย์จึงต้องเพาะปลูก) และนำผลิตส่วนเกินไปให้ชนชั้นผู้นำ หรือก็คือชนชั้นรองที่เป็นทาสต้องเลี้ยงปากท้องคนทั้งรัฐ เมื่อทำงานก็ต้องเสียภาษี
ให้ความสำคัญกับเรื่องการเมือง ปรัชญา เศรษฐกิจจึงเน้นแต่ความพอเพียง ความสำคัญของพ่อค้าจึงถูกลดทอนลงไป ตลาดจึงยังไม่เบ่งบาน
เกิดนักคิดคนสำคัญที่เริ่มมีบทบาทในเศรษฐศาสตร์และระบบเศรษฐกิจ 2 คน
เพลโต (428-348 B.C.) ผู้เป็นอาจารย์
อริสโตเติล (384-322 B.C.) ผู้เป็นศิษย์
เพลโตตั้งสำนักอะคาเดมีสำหรับบ่มเพาะผู้ปกครองที่จะมาสืบสานกิจบ้านเมือง ทั้งเพลโตเขียน รีพับลิก (Republic) และ อริสโตเติล เขียน โพลิติกส์ POLITICS
หนังสือของทั้งสองมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ปกครองได้อ่านมิใช่ชนชั้นรองความรู้จึงอยู่กับกษัตริย์ และนักปราชญ์ (การผูกขาดความรู้โดยชนชั้นสูง)
ทั้งสองมีความคิดที่แตกต่างอย่างมากแม้จะอยู่สำนักเดียวกัน
เพลโต ยึดในหลัก “ยุติธรรม” เสนอ ความคิดที่สำคัญและเป็นรากฐานเรื่องทรัพย์สิน คือ ชนชั้นปกครองให้มีทรัพย์สินส่วนกลางใช้ร่วมกัน (communal property) ไม่ว่าจะเป็น เงินทอง หรือสิ่งใดก็ตามหามาได้ เพราะ ถ้าชนชั้นปกครองมีทรัพย์สินส่วนบุคคลก็จะเกิดความโลภและแสวงหาไม่สิ้นสุด
ส่วนชนชั้นรองให้มีทรัพย์สินส่วนตัวได้ (private property)
ในระบบสังคมนิยม สินทรัพย์ที่ท่านหาได้ไม่ใช่ของท่าน แต่เป็นของพวกเราทุกคน
E.s
อริสโตเติล ยึดหลักในหลัก “กฎธรรมชาติ” (natural law) จึงเสนอความคิดว่า การจะให้ใช้ทรัพย์สินส่วนกลางนั้นไม่เป็นธรรมชาติ เพราะจะไปลดแรงจูงใจในการทำมาหาได้ของบุคคลนั้น ดั้งนั้นชนชั้นปกครองสามารถมีทรัพย์สินส่วนตัวได้แต่ต้องไม่แสวงหาความมั่งคั่งจนเกินไป
แต่ทั้งสองยังมีแนวคิดที่คล้ายกันเรื่อง ความคิดเรื่องชนชั้น เพลโตแบ่งชนชั้นออกเป็น 3 ระดับ และแต่ละชนชั้นมีหน้าที่ของตนชัดเจน
ชนชั้นสูงสุด กษัตริย์ มีจิตวิญญาณดั่งทองคำ มีหน้าที่บริหารกิจการบ้านเมือง
ชนชั้นรองลงมา นักรบ มีจิตวิญญาณดั่งแร่เงิน มีหน้าที่ออกรบ
ชนชั้นต่ำสุด ทาส มีจิตวิญญาณเป็นสำริด มีหน้าที่ทำไร่นา
ชนชั้นถูกกำหนดขึ้นก่อนที่ทารกจะลืมตาดูโลก และเสนอเรื่อง "ความชำนาญเฉพาะและการแบ่งงานกันทำ" (specialization and divisionof labor) เราจะคุ้นหูกันดีกับคำนี้จากนักเศรษฐศาสตร์นาม อดัม สมิธ (Adam Smith)
เมื่อแต่ละคนทำการผลิตในงานที่ตนถนัดจะทำให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้น เพียงแต่ว่าการผลิตที่มากขึ้นนั้นในกรีก ต้องไม่เกินความต้องการในสังคมแบบพอยังชีพ แต่อนุโลมในการค้าขายแลกภายใต้ความจำเป็นและไม่ทำให้ร่ำรวย
อริสโตเติล กล่าวว่า ความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจที่เป็นธรรมชาตินั้น "มีขีดจำกัด" แต่การสะสมความมั่งคั่งที่ผิดธรรมชาตินั้น "ไร้ขีดจำกัด" เมื่อพ่อค้าขายขนมปังและสะสมความมั่งคั่งได้เรื่อย ๆ อะไรจะเป็นสิ่งที่หยุดยั้งไม่ให้ทำการค้าขายสินค้าอย่างอื่นต่อไป?
การที่ชาวบ้านปลูกมะกอกเพื่อเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้าปลูกมะกอกเพื่อหวังกำไรส่วนต่างเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ
เงินเป็นเพียงสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนเท่านั้น เงินไม่มีคุณค่าในตัวของมันเอง
การใช้เงินต่อเงินนั้นเป็นบาป(ดอกเบี้ย) มันไม่สามารถที่จะทิ้งเอาไว้ในวันนี้และวันพรุ่งจะคลอดออกมาเพิ่ม
การแลกเปลี่ยนและการค้าเกิดจากการคำนึงถึง มูลค่าในการใช้สอย (value in use) ไม่ใช่ราคาในการแลกเปลี่ยน (value in exchange
ราคาของสินค้าเกิดจากการตกลงกันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายในราคาที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันจะขึ้นหรือลงขึ้นอยู่กับการต่อรอง (Demand and Supply) แต่มูลค่าในการใช้สอย เกิดจากประโยชน์ในการใช้ของสิ่งนั้นหรือมนุษย์ให้ค่ากับสิ่งนั้นมากแค่ไหน แนวคิดของอริสโตเติล ราคาจึงถูกกำหนดจากมูลค่าการใช้สอย
เราจะเริ่มเห็นรูปแบบของอุปสงค์ อุปทานราง ๆ แต่ยังไม่มีบทบาทสำคัญในยุคกรีกจากอริสโตเติล และจะถูกพัฒนาต่อไปในยุคที่ศาสนจักรเรืองอำนาจ เงินที่ถูกนำมาบูชาพระเจ้าจะปรากฏให้เห็นในยุคนี้ผ่านธนาคาร
ในช่วงของนักคิดทั้งสอง รัฐแต่ละรัฐมีการทำสงครามไม่ว่าจะเป็น สปาร์ตา เอเธนส์ ที่กำลังรบกันอยู่ หน้าที่ของรัฐจึงเป็นการปกป้องทรัพยากรของตน รัฐเป็นเรื่องการเมือง รัฐไม่ควรเข้าแทรกแซงเศรษฐกิจ เศรษฐกิจเป็นเรื่องของครัวเรือน
ในปัจจุบันเราจะได้ยินว่า รัฐไม่ควรแทรกแซงเศรษฐกิจ ปล่อยให้กลไกตลาดทำงานไป
เศรษฐกิจจะดำเนินไปได้ดีครัวเรือนต้องมีความแข็งแรงเสียก่อนเมื่อแต่ละครัวเรือนมีความแข็งแรงระบบเศรษฐกิจจะดำเนินต่อไปได้
ในความหมายก็คือเศรษฐกิจดีเริ่มต้นที่ครัวเรือนถ้าครัวเรือนมีความอ่อนแอเศรษฐกิจก็ยากที่จะดำเนินไป
ทั้งเพลโต และอริสโตเติลต่างรู้ดีการที่จะคงระบบเศรษฐกิจแบบในอดีตนั้นเป็นไปได้ยาก เพราะในรัฐอื่นๆเริ่มมีการติดต่อค้าขาย อาทิ น้ำมันมะกอก ธัญพืช
การค้ากำลังเบ่งบาน และเศรษฐกิจของกรีกกำลังออกห่างจากแนวคิดทั้งสอง
แต่แนวคิดของทั้งสองนั้นยังคงดำเนินต่อไป...
โฆษณา