21 ม.ค. 2023 เวลา 17:23 • ความคิดเห็น
ในความอิจฉา อารมณ์ของตัวอิจฉา มันเป็นตัวมารร้าย มันแฝงไปด้วยสิ่งที่จะไปหักล้างทำลาย ขัดขวางไม่ให้เค้าเจริญ ดีกว่าตนเอง มันไม่ได้มีประโยชน์ ..เราก็ใช้เหตุผล พิจารณา ดุเอา ..เริ่มตั้งแต่เกิด ..เราก็ไม่รู้ว่าจะยากจน ไม่รู้ว่าร่ำรวย เพราะเป็นทารก ..นอนกินนมไปวันๆก็ตัวโต พอโตขึ้นมาหน่อย ..เราก็ค่อยๆเรียนรู้จักลูกคนรวยลูกคนจน ..ที่จริงมันก็เป็นรูปมนุษย์เหมือนกัน แตกต่างกันด้วยบุญกุศล ที่จะมาหนุนนำจิต ..
เราเห็นคนที่เค้ามีอะไร ร่ำรวย ..เราก็บอกตัวเองนั่น บุญของเค้า ..เค้าเคยทำมา..เค้าก็ได้รับสิ่งที่เค้าทำ หากเค้าสร้างกรรมมา เค้าก็ต้องได้รับกรรมเหมือนกัน แล้วที่เรายากจน ..เราก็ศึกษา ฝึกทำบุญทำทาน บาทสองบาท เราก็ฝึกหัดทำไป เอาเงินจากหยาดเหงื่อเรานั่นแหละ ไปทำบุญ ..เวลาทำใส่บาตร กก็นึกถึงนี่ เราได้สังขารพ่อแม่ครบอาการสามสิบสอง เราขอแบ่งเงินทองมาสร้างบุญกุศล ให้กายสังขารพ่อแม่อนุโมทนา ให้กายนี้เป็นกายของบุญ เราทำไปเรื่อยบ่อยๆ สวดมนต์ไหว้พระ ..เรื่องอารมณ์ที่จะไปอิจฉาใคร..มันก็ไม่มี..ค่อยๆหายไป
เมื่อเราทำบุญไปเรื่อยๆ นิสัยเราที่ว่าอิจฉา..ที่เค้าว่า พอเห็น..สิ่งของ ..อะไรตามันลุกเป็นไฟ ด้วยอารมณ์ มันก็จะค่อยจางหายไป นั่นก็เป็นบุญ ..บุญกุศลหล่อเลี้ยงจิตของเรา แต่นั่นแหละมันก็พูดยาก เหมือนน้องคนหนึ่ง เราบอกว่าให้หมั่นทำบุญ ทำหน้าพระก็ได้ พอเราบอก..ก็บอกว่า ..มีแต่หนี้..เงินไม่พอจะใช้ ..จะเอาที่ไหนมาทำบุญ ..
..ตอนหลังน้องคนนี้ ..เค้าก็ทำวันบาท ..สวดมนต์ไหว้พระ ..อารมณ์เค้าที่เคยร้อนก็ดีขึ้น เรื่องยึดเจ้าพ้อเจ้าแม่ก็เลิก..ของขลัง กุมาร ..ที่คิดว่าจะช่วย.ให้รวย ..ก็เอาไปลงน้ำฝากพระแม่คงคา ชีวิตก็ค่อยๆดีขึ้น ร่าเริงขึ้น มีความสุข ก็มีเรี่ยวแรงทำงาน มีอะไรที่ดีเค้ามา ชีวิตก็ดีขึ้น ..ไม่หมดเงินไปกับหวย..ทุกงวดๆ อีกทั้งเหล้าเบียร์ เงินมันไม่สูญเปล่า เอาเงินนั้นมาสร้างบุญกุศล .เป็นประโยชน์ให้แก่จิต
โฆษณา