22 ม.ค. 2023 เวลา 10:33 • ปรัชญา
สูตรที่ผมคิดค้น คือ
J = C + R + H
C: Clarity
“If a man has not found something worth dying for, he is not fit to live."
Martin Luther King Jr.,
คือคุณต้องมี “ความชัดเจน” ในใจว่า
 
“สิ่งที่คุณจะได้จากการที่คุณต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการนั้นคืออะไร และมันคุ้มค่าแค่ไหนที่คุณจะให้โอกาสตัวเองได้ลงมือทำจริงๆ”
ผมเองสนใจเรื่องรถยนต์มาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งผมค้นพบว่ามีงานแสดงรถยนต์ที่ญี่ปุ่นชื่อว่า
Tokyo Motor Show
และนั่นเป็นการ “จุดประกาย” ให้ผมสนใจการเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อที่วันหนึ่งหากผมมีโอกาสได้ไป TMS ผมสามารถเอาตัวรอดในญี่ปุ่นได้ด้วยภาษาญี่ปุ่นพื้นฐานของผม
1
ถึงแม้วันนี้ผมจะยังไม่ได้มีโอกาสไปญี่ปุ่นเลย แต่ผมก็สอบผ่านจนได้ใบประกาศนียบัตรภาษาญี่ปุ่นมาประดับบ้านถึงสามใบแล้ว
ผมยังจำได้ดีถึงวินาทีแรกๆ ที่อาจารย์สอนภาษาญี่ปุ่นของผมที่ท่านจบมาทางด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกียวโต
ท่านได้สอนให้พวกเราเขียนอักษร
“Hiragana” ตัวแรก ซึ่งก็คือ อักษร “a”
และผมรู้สึกตื่นเต้นมาก ที่ผมได้สร้าง
“ลายมือภาษาญี่ปุ่น” ของผมเองเป็นครั้งแรกในชีวิต!
R: Readiness
L = P + O
”Luck Is What Happens When Preparation Meets Opportunity”
Roman philosopher Seneca,
คือ “ความพร้อม”
ครับ ในเมื่อผมอยากไปชมงานแสดงรถยนต์ที่ยิ่งใหญ่ติดอันดับโลกที่ญี่ปุ่น ผมจึงเตรียมความพร้อมในการไปประเทศที่ไม่ค่อยนิยมใช้ภาษาอังกฤษไว้
นอกจากนั้น ในเวลานั้นผมเองก็เป็นเด็กต่างจังหวัดที่เพิ่งเข้าไปเรียนปีหนึ่งในสถาบันการศึกษาที่มีเกียรติประวัติในสาขาเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ
ผมไม่รู้ว่าจะไปหาโรงเรียนภาษาญี่ปุ่นที่มีคุณภาพในกรุงเทพจากไหน
ผมโชคดีที่มีเพื่อนนักศึกษาที่เป็นชาวกรุงเทพโดยกำเนิดที่เพิ่งรู้จักกัน
และพวกเขาอาจจะชอบขี้หน้าผม เพื่อนคนหนึ่งจึงแนะนำโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นที่ดีที่สุดให้ แถมค่าเล่าเรียนก็นับได้ว่า “จับต้องได้” เป็นอย่างยิ่ง
ส่วนเพื่อนอีกคนก็อาสาพาผมนั่งรถเมล์ไปถึงโรงเรียนสอนภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง!
หนำซ้ำ ในย่านใจกลางมหานครนั้นยังมีร้าน “Kinokuniya” ที่เป็นแหล่งหนังสือและ magazines โดยตรงจากญี่ปุ่น ที่เป็นส่วนหนึ่งใน “ecosystem” ในการเรียนภาษาญี่ปุ่นให้ผมได้อีกด้วย
H: Happiness
”Success is not the key to happiness.
Happiness is the key to success.
If you love what you are doing, you will be successful.”
Albert Schweitzer,
คือ “ความสุขจะทำให้คุณอยากก้าวต่อไปและต่อไป”
ครับ ก็คุณลองคิดดูสิครับ ถ้าคุณทำอะไรแล้วมีความสุข คุณไม่คิดจะทำมันซ้ำๆหรือครับ?
”If you want to build a big bad wall, don’t think about building it. Everyday, you lay bricks, brick by brick as perfectly as the bricks can be laid and soon you will get a wall.”
นี่เป็นคำกล่าวโดยประมาณที่ผมพอจะจำได้จากบทสัมภาษณ์ของ Will Smith และผมคงจะจำมันได้ดีขึ้นหลังจากข่าวที่เกิดขึ้นในงานสำคัญของวงการ Hollywood ที่คนทั้งโลกคงได้
รับรู้แล้ว
การมี “เป้าหมาย” ทำให้แต่ละวัน “มีคุณค่า” ถึงแม้วันหนึ่งๆเราจะทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่ด้วย “ความผูกพันต่อเป้าหมาย” , “ความชื่นชอบ ที่คุณอาจจะเรียกมันว่า passion หรือ ที่ผมชอบเรียกว่า obsession” และ “วินัย” ในที่สุด ในแต่ละวันคุณกำลังสร้าง “สะพาน” เพื่อไปสู่ “เป้าหมาย” นั้นๆ เช่น การสร้าง “กำแพง” ที่เราพยายาม “ก่ออิฐ” ให้แข็งแรงและสวยงามไปทีละก้อน!
หลังจากตัวอักษร “a” ในหมวดอักษร
“Hiragana” แล้ว ผมก็ได้เริ่มฝึกคัดลายมือ “อักษรญี่ปุ่น” ตัวอื่นๆตามมา รวมถึงหมวดอักษร “Katakana” และ “Kanji” อีกราวๆ 400+ อักษร!
ทุกๆตัวอักษร, ทุกๆหลักไวยากรณ์, ทุกๆคำศัพท์, และทุกๆประโยค! ที่ผมได้เรียนรู้
เหล่านี้คือ “อิฐ” ที่ผมได้วางลงไปทีละก้อนเพื่อในที่สุด สิ่งที่ผมจะได้มาคือ
“กำแพง” ที่แข็งแกร่งมั่นคงและสวยงาม
”I always tell people if you want to know the secret to happiness, I can give it to you in one word: “progress,”
Anthony Robbins,
เมื่อคืนนี้ ผมมีโอกาสได้ชมรายการที่ผลิตโดย NHK
เป็นรายการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น โดย Host ของทาง NHK สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เพราะเป็น native speaker แถมเธอยังพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่วอีกด้วย
1
ถึงแม้ผมจะเรียนภาษาญี่ปุ่นมานานนับสิบปี แต่ผมก็ยังสามารถเข้าใจความหมายของภาษาญี่ปุ่นในรายการนี้ได้บ้าง เป็นคำๆ เป็นวลี เป็นประโยคไป!
J: Just F**king Do it!
ราวๆปี ค.ศ. 1992
Steve Jobs ได้ไปพบปะนักศึกษาแห่ง
MIT
ตอนหนึ่งเขาได้วาดภาพเปรียบเปรย
“ข้อดี” แห่งการ “ลงมือทำ” ไว้ได้ชัดเจนและ “แหลมคม” ดังเช่น “ท่านผู้รู้ในทางพระพุทธศาสนา” ส่วนใหญ่มักปฏิบัติกัน
นั่นคือ SJ ได้กล่าวประมาณว่า
“คุณอาจรู้จัก ‘กล้วย’ และ ‘แอปเปิล’ จากรูปถ่ายสองมิติที่มีความคมชัดสูงสุด
แต่รูปถ่ายเหล่านั้นไม่ว่าจะกี่ร้อยกี่พันกี่หมื่นล้าน pixels ก็ไม่สามารถทำให้คุณรู้จักกล้วยและแอปเปิลได้ดีเท่ากับการที่คุณ
‘ได้กินพวกมัน’ ด้วยตัวของคุณเอง!”
โฆษณา