24 ม.ค. 2023 เวลา 09:26 • นิยาย เรื่องสั้น

ก่อนจะถึงปลายนิ้ว

F สระ โอ ด เด็ก อยู่ถัดจากปลายนิ้วชี้เป็นภาพเดียวที่มองเห็นก่อนที่ปุ่มอื่นๆจะถูกกดพิมพ์บทความนี้เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นข้อความได้ถูกพิมพ์ขึ้นมาแล้ว ประกอบกับเสียงเพลงที่กำลังจบและเริ่มเล่นเพลงใหม่เสียงรถขับผ่านไปมา นกส่งเสียงเหมือนเป็นนักร้องเสียงประสาให้กับเพลงที่เปิด รสขมอมหวานของกาแฟแก้วโปรดยามบ่ายช่างเข้ากันดี หันซ้ายหันขวามไม่มีกลิ่นอะไรเลยแถวนี้ ในที่สุดกำยานก็ถูกจุดเป็นกลิ่นดอกมะลิถึงจะเป็นเพียงกำยานแต่ก็รู้สึกเหมือนได้กลิ่นหอมเย็นของดอกมะลิจริงๆ
เวลาที่สับสนเกิดขึ้นบ่อยๆเกิดขึ้นเพราะความไม่ชัดเจนของตัวเองไม่รู้ว่าทำอะไร เพื่ออะไร หลายครั้งที่เป็นแบบนี้และจบลงด้วยการไม่ทำอะไรเลยทั้งๆ มันเป็นสิ่งที่ทำได้ในช่วงที่ผ่านมา
มันคือการเขียนบทความ หลังจากได้คำแนะนำให้ลองเขียนเพื่อหารายได้การเขียนก็กลายเป็นเรื่องยากและไม่อยากทำขึ้นมาทันที แรกเริ่มเดิมทีจากที่เขียนเพื่อความสนุกเขียนเล่นๆ ปรับมาเขียนเพื่อบันทึกความคิดต่ออาการที่ป่วยอย่างไร เพื่อที่จะหาทางเยียวยาอาการทางจิตเวชของตัวเองที่ผ่านมาได้เขียนได้อ่านความคิดของตัวเองที่มีต่อเหตุการณ์ในชีวิตของตัวเอง และแง่มุมความคิดที่มีต่ออาการทางจิตเวชว่าเป็นบวกกับเหตุการณ์นั้นไหมที่ต้องเป็นบวกเพราะอยู่ในช่วงฝึกมองโลกเชิงบวกอยู่
มีอยู่ไม่กี่อย่างที่ให้ความสำคัญและพยามทำอยู่ตอนนี้ อย่างแรก เขียนบทความทำเพื่อ ระบายผ่านการเขียนหลายครั้งก่อนหน้านี้ใช้วิธีโทรศัพท์หาสายด่วนจิตเวชของโรงพยาบาลเพราะต้องการระบายและปรึกษาหาวิธีรับมือกับอาการซึ่งช่วงหลังคำตอบที่ได้ช่วงหลังๆคือรู้หมดแล้วว่าจะรับมือยังไงแต่โทรหาแล้วมันอุ่นใจ จริงตามนั้นหลังจากป่วยมาร่วม10ปี เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็เป็นอันรู้จักกันดีจนสนิทเลยเริ่มกลับมาเขียนอีกครั้งหลังจากที่เคยเขียนเล่น มาเขียนเล่าความคิดกับอาการ มุมมองที่มีต่อโลก
อย่างที่สอง คือการทำสมาธิ ในช่วงเดือนที่ผ่านมาเริ่มหันมาทำสมาธิจากที่ร้างมานานตั้งแต่สมัยที่เคยบวชเป็นพระ ได้มีโอกาสได้ไปปฏิบัติติธรรม3วัน เดินจงกลม-นั่งสมาธินาน15นาที พอกลับมาก็เริ่มทำมาอย่างต่อเนื่อง ตอบได้แค่เพียงว่าไม่รู้ว่าจะดียังไงแต่เชื่อ เชื่อว่ามันจะดีต่ออาการทางจิตและอาการป่วย ทำในช่วงเช้าของวัน แต่ก็มีหลุดที่ไม่ได้ทำเพียงเพราะยึดติดกับการทำช่วงเช้าพอบ่ายมาก็ไม่มีจิตใจจะทำ พยามบอกตัวเองว่าทำเมื่อไหร่ก็ได้เหมือนกิจกรรมอื่นๆขอแค่ทำอะไรก็ได้เวลาไหนก็ได้ แค่ทำ…เพื่อตัวเอง
อย่างที่สาม การเขียนขอบคุณตัวเองและสิ่งต่างๆ โดยเพิ่มเรื่องที่ชอบตัวเองเวลาที่… ดูเป็นเรื่องง่ายๆแต่ไม่เลยเป็นอะไรที่ไม่ได้ทำเยอะที่สุด คล้ายกับการทำสมาธิ เงื่อนไขเรื่องเวลาอีกแล้วเพราะต้องเขียนก่อนนอนตามคำแนะนำ กลายเป็นอุปสรรคของกิจกรรมนี้เพราะนึกไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร มันคงดีถ้าเราจะได้นั่งทบควนตัวเองในระหว่างวันที่ผ่านมาว่าเรารู้สึกขอบคุณอะไร ชอบอะไรที่ตัวเองทำบ้าง คิดเอาเองว่านั่นจะทำให้รู้สึกดีต่อตัวเองและสิ่งรอบกายเคารพตัวเองมาขึ้น รักตัวเองมากขึ้นจากความชอบและรู้สึกขอบคุณตัวเอง
ดูเหมือนทั้งสามอย่างจะติดเงื่อนไขข้อเดียวกันคือเรื่องเวลา กับความยึดติดจากการฝึกในเริ่มต้นที่ต้องมีช่วงเวลามาช่วยกำหนด พอเริ่มฝึกได้ก็ถึงเวลาเป็นอิสระทำอย่างเป็นธรรมชาติของมัน ในช่วงแรกก็ใช้เวลาไหนก็ได้ที่ว่างมากพอหรือแค่พอที่จะร่างความคิดตอนนั้นเอาไว้ พอเวลาที่จะลงมือเขียนบทความอย่างเวลานี้ที่ใช้วิธีเปิดหน้าจอและวางนิ้วไว้ที่แป้นพิมพ์พอสมองแล่นนิ้วก็พร้อมที่จะขยับเริ่มพิมพ์ได้ทันที
ส่วนสมาธิซึ่งก็ว่างแหล่ะเพราะว่างงานเวลา30นาทีต่อวันน่าจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำสมาธิ และการเขียนขอบคุณจากที่เคยเขียนก่อนนอนแล้วนึกไม่ออกว่าจะเขียนอะไรการจดข้อความสั้นๆตอนที่รู้สึกชอบหรือขอบคุณตัวเองน่าจะช่วยให้ก่อนเข้านอนมีเรื่องที่จะเขียน
ทีนี้ทำอะไร เพื่ออะไร จะทำได้อย่างไร ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ทำได้ เพื่อตัวเอง เพื่อเป็นฝ่ายบุกอาการของโรคหลังจากที่เป็นฝ่ายรับและหนีเหมือนที่ผ่านมา เกมชีวิตได้เริ่มบ้างแล้ว….อ้อ ผมชอบตัวเองเวลาที่เขียน
ขอบคุณที่อ่าน
โฆษณา