30 ม.ค. 2023 เวลา 06:57 • ความคิดเห็น
เมื่อเราเข้าวัด เราก็นึกถึงคนที่เค้า.มอบที่ทาง ถวายให้สร้างเป็นวัด เค้าสร้าง ถวายไว้ในศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ..เค้าก็มีเจตนาอยากให้เกิดเป็นบุญ เป็นสถานที่ ของการสร้างบุญกุศล ..ยิ่งในสมัยก่อน วัดนั่นก็สร้างห่างจากหมู่บ้าน การไปวัดก็ต้องจูงลูกหลาน หอบหิ้วสิ่งของ เดินฝ่าทางเดินที่มีหญ้ารก
คนที่เข้าวัดเข้าก็ต้องการไปทำบุญ ทำทานที่วัด ให้เกิดเป็นบุญกุศล เวลากุฏิศาลา ผุพัง..ชาวบ้านก็ช่วยหาไม้ หาค้อนตะปู ไปช่วยกันซ่อมแซม วัดอยู่ห่างไกล มันก็ไม่มีน้ำปะปา ไฟฟ้า สิ่งอำนวยความสะดวกจากอุปกรณ์ไฟฟ้าอะไรเลย
ชาวบ้านที่ไปทำบุญเค้าก็เข้าใจ ว่าต้องทำบุญกับผ้าเหลือง ..เข้าใจคำว่าผ้าเหลืองนั้นหมายถึงอะไร เวลาชาวบ้าน เห็นภิกษุ เดินมาแต่ไกล เค้าก็เดินหลบ ข้างทางยกมือ สาธุ ..นั่นเป็นเมื่อสมัยก่อน ที่เรายังพอเห็นมีคนเฒ่าชรา ยังกระทำอยู่ คนที่เข้าวัด ก็ไปฟังเทศน์ ไปถือศีล สวดมนต์ นอนค้างวัด ถือศีลแปดในวันพระวันโกน
เมื่อมีการขยายการศึกษา ก็มีการไปจอที่วัด นำมาสร้างเป็นโรงเรียนวัด ..นักเรียนที่มาเรียน ก็หยุดเรียน วันพระวันโกน เมื่อตอนอยู่ชั้นประถม ..ห้องที่เราเรียน ในวันพระ มีเรามาเรียนแค่คนเดียว ..ก็รู้สึกแปลกดี ..เพื่อนไปไหนกันหมดเนี่ย
เรื่องวัด ..เราก็เห็นมีการเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ..บางที่คนเคยมากันล้นหลาม ..พอพระที่มีชื่อเสียงจากไป วัดก็เงียบสงบ รกร้างไปก็มี
โดยส่วนตัว เมื่อเราเข้าวัด ..เราก็พยายามหาวัดที่ภิกษุ ที่สามารถแนะนำสอนเราได้ .ยิ่งเป็นพระปฏิบัติธรรมด้วยแล้ว มีการประพฤติปฏิบัติธรรมตลอด .เมื่อมาครองผ้ากาสาวพัสตร์ เราก็เข้าไปหาท่าน อยากจะฟัง..ในสิ่งที่ท่านได้ปฏิบัติธรรมตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะเราก็อยากจะฟังคำชี้แนะจากท่าน เพราะเราไม่ใช่ผู้มีปัญญาที่เกิดจากการประพฤติปฏิบัติธรรม เรามีอะไรสงสัย เราก็ถามท่านได้
..นั่นเป็นสิ่งที่เราเสาะแสวงหาหาวัด ..ที่จะช่วยเกื้อกูลให้เราประพฤติปฏิบัติธรรมได้ มิใช่เสาะแสวงหาบุญอย่างเดียว ยิ่งเป็นวัดที่สะอาด ไม่มีเครื่องรางของขลัง ตะกรุดผ้ายันต์ เราก็ไปหาวัดอย่างนั่น เพราะเราไม่ได้ต้องการเอาสิ่งเหล่านั้นมายึดถือ ให้เกินเลย นอกเหนือไปจากคำว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราต้องการรัตนะทั้งสามเป็นที่พึ่งของจิตเรา
โฆษณา