ย้อนกลับไปในปี 2015 บทความจาก New York Times เล่าว่า พนักงานของ Amazon ถูกบังคับให้อยู่ทำงานจนดึกดื่น เข้าร่วมประชุมนานๆ ยังให้พนักงานตอบอีเมลจนถึงเที่ยงคืนด้วย อีกทั้งยังมีนโยบายให้พนักงานส่งฟีดแบ็กถึงหัวหน้าแบบไม่ระบุตัวตน ซึ่งก่อให้เกิดการใส่ร้ายป้ายสี เพื่อตัดแข้งตัดขาคนอื่นและให้ตัวเองได้เลื่อนขั้น โดย Bo Olson พนักงานคนหนึ่งของ Amazon ก็ได้อ้างว่า “เกือบทุกคนที่ทำงานด้วยต่างก็เคยร้องในที่ทำงานกันทั้งนั้น”
และเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 ปี จนดำเนินมาถึงในปี 2018 หลายคนคงคิดว่าปัญหานี้จะหมดไป แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ใช่แบบนั้น เพราะสำนักข่าว New York Post ได้ออกมารายงานถึง Amazon โดยในครั้งนี้มีตัวละครสำคัญคือ James Bloodworth นักสืบผู้ที่พยายามเข้าไปสืบการทำงานในคลังสินค้าแห่งหนึ่งของ Amazon
เขาได้เล่าเรื่องราวการทำงานใน Amazon ผ่านหนังสือของตัวเองว่า “พนักงานต้องปัสสาวะใส่ขวด เพราะกลัวว่าจะถูกลงโทษทางวินัยและตกงาน เพียงแค่ต้องการเข้าห้องน้ำ” เขาจึงเปรียบโกดังเป็นเหมือนคุกดีๆ นี่เอง ซึ่งในตอนนั้น Amazon ได้ออกมาแก้ข่าวนี้โดยการกล่าวหาว่า New York Times ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนลงข่าว
ซึ่งจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) พบว่า ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวลทำให้เศรษฐกิจโลกสูญเสียผลผลิตประมาณ 1 ล้านล้านเหรียญต่อปี อีกทั้งการสำรวจของ Anxiety and Depression Association of American (ADAA) ยังพบว่า 56% ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าความวิตกกังวลและความเครียดส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของตนเอง
- Performance evaluations at Amazon are so predatory and opaque, they drove me to quit. Here's how I navigated the worst weeks of my career. : Patrick McGah, Business Insider - https://bit.ly/3V874Ky
- Internal memo shows one tactic Amazon uses to force a set number of employees out every year : Ashley Stewart, Ashley Stewart, Eugene Kim, Business Insider - https://bit.ly/3W7c03v