3 ก.พ. 2023 เวลา 10:11 • ท่องเที่ยว
Acropolis of Athens

Acropolis ซากปรักหักพังที่พร้อมเกิดใหม่

Acropolis อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมืองเอเธนส์ ตั้งอยู่บนหน้าผาหินปูนที่สูงที่สุดในเมืองเอเธนส์ ประเทศกรีซ โดยชื่อ Acropolis มีความหมายว่า เมืองที่สูงที่สุด เมื่อได้ชื่อว่าเมือง ขนาดมันต้องไม่ธรรมดา ข้างบนประกอบด้วยโบราญสถานหลักๆ และยังมีบริเวณให้เดินชม ซึ่งสามารถแบ่งออกตามทิศทั้งสี่ ประกอบด้วยซากอาคาร วัดต่างๆ หรือส่วนจัดแสดงขนาดเล็ก ได้อีกด้วย แต่ใดใดคือก่อนจะมา แนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์และรีบมาตั้งแต่เช้านะคะ เพราะว่าคนจะเยอะมาก
On the way uphills
ส่วนเรื่องตั๋ว เราสามารถเลือกได้เลยค่ะ ว่าจะซื้อตั๋วแบบรวมทุกโบราญสถาน ราคา 30 ยูโร ใช้ได้ 5 วัน หรือจะซื้อเฉพาะที่เอา รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถกดดูในเว็บของทางโบราณสถานโดยตรงได้เลยนะคะ เพราะถ้าซื้อผ่านเว็บของโบราญสถานโดยตรง จะราคาถูกกว่าเว็บที่โฆษณาทั่วๆไป ใครสนใจก็ลองดูในเว็บ https://etickets.tap.gr/ ไม่ก็ไปถึงแล้ว ก่อนวันเข้าชมก็ลองแวะไปสแกนคิวอาร์ที่อยู่หน้าทางเข้าดูก็ได้ค่ะ
หน้าตาตั๋วออนไลน์ (ตอนใช้ก็เซฟรูปคิวอาร์ไว้ก็พอ)
มาเข้าเริ่มกันที่แรก Dionysus theatre เป็นซากโรงละครแห่งแรกของโลก ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของละครกรีก นอกจากนี้ยังมีขนาดใหญ่ จนสามารถจุคนได้ถึงประมาณ 17,000 คนเลยทีเดียว โรงละครแห่งนี้ตั้งชื่อตามเทพ Dionysus ที่เป็นเทพแห่งการทำไวน์ ซึ่งอาจจะตีความได้ถึงการเฉลิมฉลองและความรื่นเริง
Dionysus theater
ถัดมาเป็นโรงละครอีกแห่งหนึ่ง ชื่อว่า Odeon of Herodes Atticus ส่วนตัวแล้วชอบโรงละครที่นี้มากกว่าที่แรก เพราะว่าผ่านการซ่อมแซมมาแล้วทำให้มีความสมบูรณ์มากกว่า และยังเป็นโรงละครที่เปิดให้ใช้งานได้จริง โดยจะมีการจัดงานคอนเสิร์ตในช่วงเทศกาลระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงตุลาคม ถ้าใครมีโอกาสได้ไปเอเธนส์ ก็อย่าลืมลองเช็ครอบดูนะคะ
Odeon of Herodes Atticus
ต่อไปก็จะเข้าโซนวิหารแล้ว เริ่มจากโถงทางเข้า Propylaea ก่อนเลย เอาเข้าจริงแค่ตรงทางเข้านี่ก็ว้าวมากแล้วนะ เป็นอารมณ์แบบต้องแหงนหน้ามองยอดเสาอ่ะ กล้องเลนส์ไวด์คือได้ใช้จริงๆ มันเป็นความอลังการที่ไม่สามารถสื่อออกมาด้วยภาพได้จริงๆ แต่....ใดใดคือคนเยอะมาก เพราะว่าตรงโถงทางเข้ามีขนาดค่อนข้างเล็ก ทำให้ต้องเดินต่อแถวเข้า โดยมีแถวประมาณ 2 แถว แยกทางเข้ากับทางออกเป็นอย่างดี ใช้เวลาผ่านไม่นาน แถวเดินเร็วมาก
2
Propylaea
ผ่านเข้ามาก็จะเจอกับที่โล่ง กว้างๆ ที่เห็นโบราณสถานอยู่ไกลริบๆ ตอนแรกเราคิดว่าจะไป Pathenon ก่อน แต่ด้วยความเดินงงในดงแมวของเรา เลยไปเจอกับ Erechtheum ที่มีรูปปั้นของเทพธิดาทั้งหก หรือ Karyatids อยู่ด้วย ถึงแม้ว่าขนาดของวิหาร Erechtheum จะเล็กกว่า Pathenon แต่ความละเอียดของเทพธิดาก็ทำให้วิหารแห่งนี้สามารถดึงดูดความสนใจของคนไม่น้อยเลย นอกจากนี้ถ้าลองสังเกตุดูดีๆ เราจะเห็นว่าวิหารแห่งนี้ได้ผ่านการบูรณะมาแล้ว จากสีของก้อนหินที่แตกต่างกัน
Erechtheum และเหล่าเทพธิดา
มาปิดท้ายด้วย Pathenon ชื่อวิหารที่ทุกคนคุ้นเคยกันดีกว่า หลายคนอาจจะเคยได้ยินคนมาเที่ยวที่นี่บ่นว่า มาแล้วเขากำลังก่อสร้าง หรือซ่อมแซมอะไรอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริงค่ะ เพราะว่าวิหารแห่งนี้กำลังถูกซ่อมแซมโดยทีมงานนักโบราณคดีและวิศวกรจำนวนมาก หลายๆคนอาจจะรู้สึกสนใจกับประวัติความเป็นมาของวิหารว่าเคยเป็นโบสถ์ของทุกศาสนา แต่ส่วนตัวรู้สึกทึ่งกับแผนการซ่อมแซมโบราณสถานมากกว่า
Pathenon
ถ้าทุกคนลองสังเกตรูปทั้งหมดที่ผ่านมา จะเห็นความแตกต่างของสีหินที่มีปนกันทั้งเข้มทั้งอ่อน หินสีเข้มคือหินเก่าที่ขุดพบ ส่วนสีขาวหรือสีอ่อนคือหินส่วนที่เพิ่มเติมทดแทนส่วนที่พังทลายไปตามการเวลา หรือไม่สามารถหาพบได้ โดยบางก้อนจะเป็นสีเข้มครึ่งนึงอ่อนอีกครึ่งนึง หินพวกนี้คือการที่เขาหาหินก้อนใหม่ที่มีขนาดใหญ่พอๆกับหินก้อนเดิม จากนั้นก็เอามาแกะสลัก ค่อยๆแซะหินอ่อนให้มีรอยฟันสบเข้าพอดีกับหินชิ้นเดิม ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายวันในการทำหินเพียงก้อนเดียว แล้วลองคิดดูว่าจากพื้นที่ทั้งหมด เขามีหินกี่ก้อน?
4
กองเศษหินและน้องแมวเจ้าถิ่น
จากไปด้วยเหล่ากองก้อนหินที่รอเวลาที่จะได้กลับไปอยู่บนวิหารอีกครั้งหนึ่ง และความรู้สึกคาดหวังว่าสักวันหนึ่งเราจะได้ให้วิหารเหล่านี้ในสภาพสมบูรณ์ อันที่จริง ถ้าเรากลับไปเที่ยวอีกครั้ง เราอาจจะได้เห็น Pathenon มีเสางอกออกมาอีกสักสองสามต้นก็ได้มั้งคะ
2
โฆษณา