2 ก.พ. 2023 เวลา 04:23 • ประวัติศาสตร์

หรือ “ซีไอเอ (CIA)” จะเกี่ยวข้องกับการตายของ “บ็อบ มาร์เลย์ (Bob Marley)”

“บ็อบ มาร์เลย์ (Bob Marley)” คือนักดนตรีชาวจาไมกาที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในศตวรรษที่ 20
ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความตึงเครียดและสงคราม มาร์เลย์ก็ใช้แนวคิดและดนตรีเร็กเก้ของตนในการส่งเสริมสันติภาพและโจมตีตะวันตก
5
ในยุค 70 (พ.ศ.2513-2522) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สงครามเย็นกำลังตึงเครียด ใครก็ตามที่พูดถึงระบบของตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ย่อมถูกจับตาจาก “สำนักข่าวกรองกลาง” หรือ “ซีไอเอ (CIA)” แห่งสหรัฐอเมริกา
1
ในเวลานั้น มาร์เลย์คือนักดนตรีเร็กเก้ระดับซูเปอร์สตาร์ ดนตรีของเขานั้นโด่งดังไปทั่วโลก และทำให้ซีไอเอจับตามองอย่างระแวดระวัง
บ็อบ มาร์เลย์ (Bob Marley)
มาร์เลย์เสียชีวิตในวันที่ 11 พฤษภาคม ค.ศ.1981 (พ.ศ.2524) ด้วยวัยเพียง 36 ปี โดยสาเหตุการเสียชีวิตคือโรคมะเร็ง
แต่การเสียชีวิตของมาร์เลย์ ก็ได้ทำให้หลายคนสงสัย และไม่เชื่อว่าการตายของเขาเป็นการตายตามธรรมชาติ หากแต่ถูกสังหารโดยซีไอเอ
1
ได้เกิดทฤษฎีสมคบคิด (ย้ำว่าทฤษฎีสมคบคิดนะครับ ไม่มีใครฟันธงได้) เกี่ยวกับการตายของมาร์เลย์ ซึ่งก็ยังเป็นที่พูดถึงจนทุกวันนี้
สำหรับสาเหตุที่หลายคนคิดว่าซีไอเอต้องการสังหารมาร์เลย์ ก็มาจากเพลงของมาร์เลย์ ที่มีการสื่อถึงการลุกขึ้นสู้ของมวลชน การไม่ยอมตกอยู่ใต้อำนาจของผู้ปกครอง
1
ในเวลานั้น โลกก็ตึงเครียดอยู่แล้ว ทั้งสงครามเย็นและความขัดแย้งทางการเมืองหลายอย่าง ทำให้สหรัฐอเมริกาเกรงว่าอาจจะเกิดการปฏิวัติหรือสงครามกลางเมือง ความวุ่นวายต่างๆ ตามมา
ในเพลงบางเพลงของมาร์เลย์ เช่นเพลง “Rat Race” ก็มีการเอ่ยถึงซีไอเอ เหมือนสื่อว่าซีไอเอพยายามจะหยุดมาร์เลย์ในการปฏิวัติเพื่อให้เกิดสันติภาพและความเท่าเทียม
อีกเหตุผลที่ซีไอเออาจจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็เนื่องจากในเวลานั้น มาร์เลย์มีอิทธิพลต่อผู้คนในหลายประเทศ โดยเฉพาะแถบแคริบเบียนและแอฟริกา
1
ในช่วงที่มาร์เลย์โด่งดังสุดขีด ก็ได้มีความพยายามที่จะสังหารมาร์เลย์หลายครั้ง โดยครั้งที่สำคัญเกิดที่จาไมกาในวันที่ 3 ธันวาคม ค.ศ.1976 (พ.ศ.2519) เมื่อชายเจ็ดคนได้ล้อมบ้านมาร์เลย์ และรุมยิงมาร์เลย์ หากแต่มาร์เลย์ยังรอดมาได้
และจากบทความหนึ่งที่ตีพิมพ์ในปีค.ศ.1981 (พ.ศ.2524) ก็ได้กล่าวว่าในปีค.ศ.1979 (พ.ศ.2522) มาร์เลย์ก็ถูกยิงเข้าที่อกในขณะที่เขาไปปรากฎตัวในงานชุมนุมเพื่อสนับสนุน “ไมเคิล แมนลีย์ (Michael Manley)” นายกรัฐมนตรีจาไมกาในเวลานั้น ทำให้หลายคนยิ่งโยงว่าซีไอเอต้องการจะกำจัดมาร์เลย์อย่างแน่นอน
อีกทฤษฎีที่ถูกหักล้างไปหลายครั้ง หากแต่ผู้คนก็ยังคงเชื่อเช่นนั้น ก็คือทฤษฎีที่ว่า มาร์เลย์ถูกซีไอเอฉีดเซลล์มะเร็งเข้าสู่ร่างกาย
มะเร็งที่คร่าชีวิตของมาร์เลย์ มีชื่อเรียกว่า “เมลาโนมา (Melanoma)” ซึ่งเป็นมะเร็งผิวหนังชนิดร้ายแรงที่พัฒนาในเซลล์เมลาโนไซต์ที่ทำหน้าที่ในการสร้างเม็ดสีบนผิวหนัง โดยสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย และหากไม่รีบรักษา โอกาสรอดก็แทบไม่มี โดยเฉพาะย้อนกลับไปในปีค.ศ.1981 (พ.ศ.2524) ซึ่งวิทยาการทางการแพทย์ยังไม่ทันสมัยเท่าปัจจุบัน
เมลาโนมานั้นมักจะไม่ค่อยเกิดในคนอายุน้อยหรือหนุ่มสาว ยิ่งทำให้หลายคนสงสัย
หลังจากถูกลอบสังหารในปีค.ศ.1976 (พ.ศ.2519) มาร์เลย์ก็เริ่มระวังตัว ไม่ค่อยปรากฎตัวตามที่สาธารณะ ทำให้การลอบสังหารลำบากขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้ที่เชื่อในทฤษฎีสมคบคิดหลายคนก็เชื่อว่าซีไอเอเป็นผู้สังหาร โดยให้เจ้าหน้าที่ปลอมตัวเป็นช่างภาพอิสระ และล่อมาร์เลย์ออกมา ก่อนจะมอบรองเท้าวิ่งคู่หนึ่งให้มาร์เลย์ โดยในรองเท้าวิ่งนั้นมีเหล็กแหลมที่ปนเปื้อนเซลล์มะเร็ง
ย้ำอีกทีนะครับว่าทั้งหมดนี่เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น ไม่มีข้อพิสูจน์ว่าเป็นเรื่องจริง หากแต่ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ แม้แต่สถาบันวิจัยมะเร็งในสหราชอาณาจักรก็สนใจเคสของมาร์เลย์ และคิดว่าเป็นเรื่องแปลกที่มาร์เลย์ป่วยด้วยมะเร็งชนิดนี้
มีการตรวจสอบด้วยหลักวิทยาศาสตร์หลายอย่าง และก็พบว่ามะเร็งชนิดนี้แตกต่างจากมะเร็งชนิดอื่นๆ
นอกจากนั้น ยังมีทฤษฎีว่าอดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอรายหนึ่ง ได้สารภาพกับมาร์เลย์ขณะที่มาร์เลย์ล้มป่วย กล่าวว่าตนเป็นต้นเหตุที่ทำให้มาร์เลย์เป็นมะเร็ง
หากแต่ในภายหลัง ก็มีผู้มาหักล้าง กล่าวว่านี่เป็นเพียงเรื่องแต่งเท่านั้น ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จริงๆ
นี่ก็เป็นเรื่องเล่าการเสียชีวิตของมาร์เลย์และทฤษฎีสมคบคิดต่างๆ ที่ตามมา และยังเป็นที่สนใจของใครหลายคนจนถึงปัจจุบัน
โฆษณา