3 ก.พ. 2023 เวลา 02:12 • ความคิดเห็น

#ฝุ่นPM25

ทุกครั้งที่ #ฝุ่นPM25 มา หรือมี #ฝุ่นกรุงเทพ หนักๆ เราจะนึกถึงตอนไปเที่ยวสิงคโปร์ ญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ รู้สึกอากาศสดชื่นปอดมากๆ คงเพราะนโยบายรัฐที่ออกแบบเมืองให้สะอาด จากความใส่ใจในประชาชน
1) ในหลายประเทศที่พัฒนาแล้ว รัฐบาลจะพยายามผลักดันให้ประชาชนลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวของประชาชน ลดความจำเป็นที่เป็นภาระของประชาชนให้น้อยที่สุด ด้วยหลากหลายปัจจัย และเหตุผล เพราะความปรารถนาดีต่อเมืองและประชาชนของเขาครับ
2) เหตุผลที่จะเล่ามันก็จะเยอะนิดนึงครับ
- ไม่มีรถมาก ก็ลดมลพิษในเมือง อากาศดี น่าอยู่ หายใจได้เต็มปอดสดชื่น
- สุขภาพของประชาชนในเมืองก็จะดีครับ เพราะฝุ่นควันรถน้อย เมืองสะอาด หายใจด้วยอากาศที่สะอาด
- การลดภาระรถยนต์ ที่ไม่จำเป็น ก็ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน ตั้งแค่น้ำมันรถ ค่าดูแลซ่อมบำรุง และการซื้อรถยนต์ ที่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายสูง
- ในประเทศที่มีพื้นที่จำกัด การมีรถ ต้องมีที่จอดรถซึ่ง เขาไม่พร้อมจะสร้างพื้นที่ปริมาณมหาศาลเพื่อทำที่จอด หรืออาคารจอดรถ เขาจะต้องให้คนลดการซื้อรถยนต์ ซึ่งค่าใช้จ่ายเรื่องที่จอด ก็ยังเป็นภาระของประชาชนอีกเช่นกัน
- เมืองจะเต็มไปด้วยซากเหล็กเก่าใหม่ ที่สุดท้ายคือขยะโลหะ ที่ต้องกำจัดทำลายปีต่อปี เมื่อมีซากรถเก่าผุพังเพิ่ม กลับมาเป็นภาระขยะของรัฐเอง
- รถปริมาณมาก ทำให้ถนนเดินทางลำบาก เกิดรถติด ก็มีผลต่อทั้งสุขภาพจิตคนในชาติ และการบริหารเวลาของคนในประเทศที่เดินทางไม่สะดวกเอง ดังนั้น ยิ่งรถน้อย ยิ่งดีงามต่อชีวิต
วงจรของการมีรถยนต์ มันมีปัญหามากกว่าข้อดี ประเทศที่เจริญแล้ว เขาพยายามทำเมืองให้ไม่ใช้รถครับ
3) ยกตัวอย่างประเทศที่ประสบความสำเร็จจากการรณรงค์ไม่ใช้รถยนต์คือ Oslo, Norway ก็ติดอันดับเมืองน่าอยู่ มลพิษน้อย เค้าจะเน้นการเดิน และการใช้ Public Transportation ถึงกับเรียกเมืองว่า "Car-Free City" หรือเมืองปลอดรถยนต์แบบน่าจะเกือบ 100% จริงๆก็มีประเทศอื่นๆที่ทำได้ดีมากๆ เช่น Switzerland หรือ สิงคโปร์ และอื่นๆที่ทำเรื่องลดการใช้รถกันได้สำเร็จ
4) จริงๆการจะลดการใช้รถยนต์ได้ รัฐต้องทำรัฐสวัสดิการในรูปแบบของขนส่งสาธารณะที่สะดวกแบบ seamless ไร้รอยต่อให้ได้ก่อนครับ ความหมายคือ
- ไร้รอยต่อแบบเรือต่อรถไฟฟ้า รถไฟฟ้าต่อรถไฟใต้ดิน ต่อรถเมล์ ต่อไปไหนก็ได้ โดยไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัว ต่อกันแบบทุกอย่างหาทางกลับบ้าน หรือเดินทางไปไหนได้โคตรสะดวก แบบนั้นคือความพร้อมสมบูรณ์ในการเดินทาง
- มีลักษณะการวางผังแบบใยแมงมุม คือมีการวางโครงข่ายของ connection ที่ครอบคลุมพื้นที่ และจุดสำคัญ ให้คนไปถึงได้ โดยสะดวก
- ถ้าจะสนับสนุนให้คนเดินเท้า ทางเดินเท้าก็ต้องดี ฟุตบาธไม่กระเดิด เดินสะดวก เอื้อให้คนใช้เส้นทางเท้าไปไหนมาไหน และก็ควรต้องร่มรื่นมาพอ ที่จะเดินแบบไม่รู้สึกร้อนหรือลำบากครับ
5) นอกจากนี้แล้ว การจะสนับสนุนให้คนใช้ Public Transportation ของประเทศได้แบบ 100% รัฐบาลต้องนำเงินภาษีมาอุดหนุนค่าใช้จ่ายการเดินทางที่ช่วยให้ "ค่ารถโดยสารทุกจุดมีราคาถูก" การที่ค่าโดยสารราคาถูก คนทุกระดับจะสามารถขึ้นรถโดยสารได้เท่าเทียมกัน ไม่ใช่มีแค่คนทำงาน office พอจะมีเงินขึ้นรถไฟฟ้า คนจนนั่งรถเมล์ราคาถูก อันนี้คือการแบ่งแยก และสร้างความเหลื่อมล้ำทางโอกาส ผิด concept ของการสร้างรถขนส่งสาธารณะเพื่อประชาชนครับ มันคือรถสำหรับ 'ส่วนรวม' โดยแท้จริง ไม่เลือกคนนั่งครับ
6) ประเทศที่โง่ คือประเทศที่คิดว่าเพิ่มเลนให้กว้างขึ้น พอถนนกว้างแล้วรถจะติดน้อยลง คงต้องพูดว่าไม่จริง ยิ่งมีถนนกว้าง เราก็ไม่เคยเห็นรถของประเทศไทยลดปริมาณ ดังนั้นเลนถนนกว้าง คนยิ่งผลักเอาการใช้รถออกมาวิ่งบนถนนครับ
7) ถ้าผังเมืองดี คนไปไหนในระยะใกล้ๆได้สะดวก สัญจรได้โดยไม่ต้องใช้รถเดินทางไกล การวางผังเมืองมีผลต่อการเดินทาง ทุกอย่างจะสั้นกระชับ เหมือนเป็นระยะทางกระจัด แบบ Physics ตัดผ่านในทางที่ใกล้ที่สุดได้เลย ไม่ต้องอ้อม ผังเมืองที่ผิดพลาดทำให้รถยนต์เลยยังจำเป็น เพื่อไปตรอกซอกซอยที่ไปได้ยากโดยการเดินเท้าปกติ ซึ่งไปแบบไม่มีรถมันอันตรายกว่า
8 ) รัฐที่มุ่งเน้นให้คนลดการใช้รถ คนจะสุขภาพดีด้วยการออกกำลังกาย จากการเดินเท้า และปั่นจักรยาน ทางเท้า และทางรถจักรยานจะ support ในประเทศที่ใส่ใจคนใช้ถนนทุกกลุ่ม ในขณะที่ประเทศไทย เลือกให้รถยนต์เป็นใหญ่ ดังนั้นถนนทางขับจักรยานเหมือนขี่ไปตาย ส่วนทางเท้าไม่ต้องพูดถึง ซ่อมเรื่อยๆ กินงบประมาณบ่อยๆ เดินแล้วมีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง เพราะไม่ได้ใส่ใจคุณภาพชีวิตคนทั่วไป เท่ากับคนมีรถ ที่ยกระดับถนน แต่ไม่ยกระดับคุณภาพชีวิตคน
9) จริงๆแล้วกลไกของการผลักให้ประชาชนใช้รถยนต์เยอะๆ สะท้อนว่าประเทศนั้นให้คุณค่ากับนายทุน และส่งเสริมธุรกิจของผู้ประกอบการรถยนต์โดยตรง ยิ่งใช้รถมาก ความมั่งคั่งของนายทุนที่ทำธุรกิจด้านยานยนต์ ซ่อมบำรุง ประกันรถ และบริษัทอะไหล่ ได้อานิสงส์ถ้วนหน้า สมการจึงไม่มีประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญ เป็นการเอื้อสนับสนุน เพื่อการลงทุนในประเทศของบริษัทรถยนต์ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศได้อย่างสบายๆ
10) รถคือภาระ แต่คนเลือกมีรถเป็นภาระชีวิต เพราะมันสะดวกกว่าไม่มี แต่จริงๆแล้ว ที่เราต้องมีรถ เพราะประเทศไม่ทำให้ทุกคนสะดวกตั้งแต่ "การวางโครงสร้างขนส่งสาธารณะอย่างชาญฉลาด" มันจึงผลักภาระไปที่ประชาชน ให้เราสะดวกเมื่อมีรถ แต่พอรถเยอะๆเกินกว่าเนื้อที่ถนน ประชาชนก็ไม่สะดวกหรอก เพราะความต้องการการใช้รถมันสูงเกินกว่าที่ถนนรับไหว สุดท้ายก็เกิดปัญหารถติด
11) ในประเทศที่เจริญแล้วที่เราเคยไปคือ สิงคโปร์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รถไม่ติดเลย อากาศสดชื่นมากๆ และคนนิยมใช้ขนส่งสาธารณะ แล้วก็เดินกันเก่งมากเว่อร์ จักรยานก็ขับกันปลอดภัยปกติ รถเมล์ไม่มีควันดำ มาถี่และมาตรงเวลามากๆ ตั้งแต่ป้าแม่บ้าน เด็กนักเรียน ไปจนถึงพนักงานใส่สูท ผู้บริหาร หรือคนแก่ คนท้อง ทุกคนใช้ขนส่งสาธารณะร่วมกันได้หมด
เขาออกแบบเมืองมาเพื่อทุกคน สร้างเมืองที่คนเท่ากัน คนใช้ทรัพยากรของประเทศร่วมกันได้ ไม่แบ่งแยก หรือผลักใครออกไป วัดคุณค่าคนด้วยปริมาณเงิน เป็นตัวตัดสินโอกาสในการใช้ชีวิตในประเทศ
ทุกคนมีความสุข ความเสมอภาคในความเป็นมนุษย์ ได้รับการดูแลที่เท่าเทียมกัน ในประเทศที่ #การเมืองดี ผู้นำชาติจะใส่ใจคนทุกกลุ่ม โดยไม่สร้างปัญหาให้คนกลุ่มใดเดือดร้อน เมืองจะไม่หลงลืมทิ้งใครไว้ข้างหลังเลย
IG : Tootsyreview
TW : ThinkTalkLoud
#ตุ๊ดส์review
#ThinkTalkLoud
โฆษณา