4 ก.พ. 2023 เวลา 10:03 • ประวัติศาสตร์

ชีวิตที่น่าเศร้าของอัจฉริยะผู้พูดได้ถึง 25 ภาษา

“วิลเลียม ซีดิส (William Sidis)” เป็นเด็กอัจฉริยะ ผู้เชี่ยวชาญในด้านการคำนวณและสามารถพูดได้หลายภาษา
เขาสามารถพูดได้ถึง 25 ภาษา และว่ากันว่าเขาคือบุคคลที่ฉลาดที่สุดในโลก
หากดูจากระดับไอคิว “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein)” มีไอคิว 160 “ไอแซค นิวตัน (Isaac Newton)” มีไอคิว 190 ส่วน “มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg)” มีไอคิว 152 ซึ่งบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นบุคคลที่หลายคนมองว่าเป็นอัจฉริยะระดับโลก
แต่สำหรับซีดิส ว่ากันว่าไอคิวของเขาอยู่ระหว่าง 250-300 และเหล่านักคณิตศาสตร์หลายๆ คนก็ยอมรับว่าเขานั้นเก่งจริง
วิลเลียม ซีดิส (William Sidis)
หากแต่ความฉลาดเกินคนทั่วไปนี้ ทำให้ซีดิสต้องเติบโตมาแตกต่างจากเด็กคนอื่นๆ
1
“วิลเลียม ซีดิส (William Sidis)” เกิดที่สหรัฐอเมริกาในปีค.ศ.1898 (พ.ศ.2441) โดยเป็นบุตรชายของพ่อแม่ชาวยิวที่อพยพมาจากยูเครน ซึ่งทั้งพ่อและแม่ของเขาก็มีการศึกษาดี และมั่นใจว่าลูกชายของตนต้องเป็นอัจฉริยะ
ซีดิสได้ฉายแววอัจฉริยะตั้งแต่วัยเยาว์ โดยขณะที่อายุยังไม่ถึงสองขวบ เขาก็สามารถพูดภาษาต่างประเทศได้อย่างคล่องแคล่ว และเมื่ออายุได้แปดขวบ ก็สามารถอ่านหนังสือภาษาต่างประเทศได้มากกว่า 50 ภาษา รวมถึงภาษาโบราณและภาษาที่สาปสูญไปแล้ว อีกทั้งยังเก่งกาจด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และประวัติศาสตร์
3
พูดง่ายๆ คือเก่งทุกอย่าง
เมื่อเป็นเช่นนี้ พ่อและแม่จึงคาดหวังและปูทางให้ซีดิสเอาไว้อย่างดี โดยให้เขาเรียนกวดวิชาอย่างหนัก และให้ซีดิสเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ขณะที่เขามีอายุเพียง 11 ขวบ
4
ซีดิสจบการศึกษา ได้รับปริญญาตรีสาขาคณิตศาสตร์จากฮาร์วาร์ดขณะมีอายุได้ 16 ปี และได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาวิชาจิตวิทยาขณะมีอายุเพียง 18 ปี
1
แต่ถึงจะฉลาดเกินคน แต่ซีดิสก็ไม่สนใจในการหางานที่มั่นคง หากแต่ชอบที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง และสนใจในงานเขียน โดยเขาได้เขียนหนังสือหลายเล่ม ครอบคลุมตั้งแต่เรื่องคณิตศาสตร์ ไปถึงวิทยาศาสตร์ และมีการเมือง ปรัชญาอีกด้วย
3
ซีดิสนั้นรักสันโดษ ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ และได้ทำงานเป็นติวเตอร์และวิทยากร พยายามออกห่างจากสื่อ ซึ่งนิสัยรักสันโดษนี้ก็ทำให้พ่อแม่และคนรอบข้างของเขาต่างเสียดาย เกรงว่าความอัจฉริยะของเขานั้นจะสูญเปล่า เขาน่าจะโด่งดังและไปได้ไกลกว่านี้
5
หากแต่สำหรับซีดิส เขาไม่ได้สนใจในชื่อเสียงเลยแม้แต่น้อย เขาชอบที่จะอยู่เงียบๆ อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ
6
และด้วยความฉลาดของซีดิส เขาเคยถึงขั้นสร้างภาษาของตนเองด้วยซ้ำ โดยเขาได้เคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับภาษาใหม่ของตน เรียกว่า “เวนเดอร์กู๊ด (Vendergood)” โดยเป็นการผสมผสานระหว่างภาษาต่างๆ เช่น ละติน กรีก เยอรมัน และฝรั่งเศส
2
ในปีค.ศ.1910 (พ.ศ.2453) ขณะมีอายุได้ 12 ปี ความฉลาดด้านคณิตศาสตร์ของซีดิส ก็ทำให้ชมรมคณิตศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ยอมให้เขาเป็นผู้บรรยาย เป็นอาจารย์สอนแก่นักศึกษาคนอื่นๆ
5
ศาสตราจารย์ด้านฟิสิกส์จากเอ็มไอที (MIT) รายหนึ่งได้พูดถึงซีดิสว่า
“ผมขอทำนายว่าเจ้าหนุ่มซีดิสนี้จะเป็นนักคณิตศาสตร์ดาราศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขาจะต้องคิดค้นทฤษฎีใหม่ๆ และหาวิธีการคำนวณแบบใหม่ๆ ในการคำนวณหาปรากฎการณ์ทางดาราศาสตร์”
“ผมเชื่อว่าเขาจะต้องเป็นนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ เป็นผู้นำวงการวิทยาศาสตร์ในอนาคต”
ความเก่งกาจนี้ย่อมไม่พ้นหูพ้นตาสื่อ หนังสือพิมพ์ต่างๆ ได้จับตามองและทำข่าวเกี่ยวกับซีดิสอยู่เรื่อยๆ มักจะตามสัมภาษณ์เด็กหนุ่มอัจฉริยะผู้ซึ่งสามารถเป็นได้ทุกอย่างบนโลก
2
แต่ในปีค.ศ.1919 (พ.ศ.2462) ซีดิสก็ถูกจับกุมและถูกตัดสินจำคุก 18 เดือน เนื่องจากเขาได้เข้าร่วมเดินขบวนทางการเมืองในบอสตัน ซึ่งภายหลัง การเดินขบวนนี้กลายเป็นความรุนแรงในเวลาต่อมา
2
จากการถูกจับกุม ทำให้สังคมพูดถึงเหตุการณ์นี้อย่างกว้างขวาง และพ่อแม่ของเขาก็ได้ต่อรองกับทางการ ขอให้ปล่อยตัวบุตรชาย และให้เข้าพักในโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งปีแทน พร้อมกับขู่ซีดิสว่าหากเขายังก่อเรื่อง ไม่ยอมเชื่อฟัง จะส่งเขาไปเข้าสถาบันจิตเวช
2
ต่อมาในปีค.ศ.1921 (พ.ศ.2464) ขณะมีอายุได้ 23 ปี ซีดิสก็ถูกปล่อยตัวและกลับสู่สังคม
1
ภายหลังจากเป็นอิสระ ซีดิสก็ตั้งใจจะใช้ชีวิตอย่างสงบและอิสระ เขาค่อยๆ ตีตัวออกห่างจากครอบครัวและทำงานเล็กๆ น้อยๆ หาเลี้ยงชีพ โดยเขาได้ตีพิมพ์ผลงานเขียน และรับสอนวิชาประวัติศาสตร์อเมริกันแก่คนรู้จัก
2
ซีดิสเสียชีวิตด้วยภาวะเลือดออกในสมองเมื่อปีค.ศ.1944 (พ.ศ.2487) ด้วยวัย 46 ปี
2
หลายคนมองว่าซีดิสนั้นคือเหยื่อความทะเยอทะยานของผู้เป็นพ่อแม่ เป็นเหยื่อของสื่อมวลชน ทั้งๆ ที่เขาควรจะไปได้ไกลกว่านี้และอาจเปลี่ยนโลกได้ด้วยมันสมองที่เกินคนธรรมดา
2
ตลอดชีวิตของซีดิส เขาต้องการแค่ความสงบและความเป็นส่วนตัว หากแต่ความฉลาดของเขาก็ทำให้เขาไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุข
4
ถึงแม้จะเป็นอัจฉริยะ แต่หลายคนก็มองว่าชีวิตของเขานั้นล้มเหลวและน่าสงสาร ไม่อาจใช้ชีวิตได้เหมือนเด็กทั่วๆ ไป และความฉลาดของเขากลับเป็นสิ่งที่พรากทุกอย่างไปจากชีวิตของเขาเอง
3
โฆษณา