6 ก.พ. 2023 เวลา 12:30 • หนังสือ

“การมีความทรหด คือ การก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง”

ANOTHER BOOK ขอนำเสนอ
GRIT
โดย Angela Duckworth
#What_I_Get
การศึกษาคนที่ประสบความสำเร็จระดับสูงในหลากหลายวงการพบว่านอกจากคุณสมบัติด้าน ทักษะ ความฉลาด หรือพรสวรรค์แล้ว ความทรหด (Grit) คือ คุณสมบัติที่คนที่ประสบความสำเร็จในระดับสูงพึงมีติดตัวกันเกือบทุกคน
เนื่องจากที่บุคคลหนึ่งจะประสบความสำเร็จได้ต้องอาศัยการทำงานที่ต่อเนื่องจนทำให้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่สามารถลุล่วงได้ด้วยดี
ความทรหดจึงเป็นคุณสมบัติที่เข้ามาช่วยให้เราสามารถยืดหยัดทุ่มเทกับเป้าหมายที่เราเลือก
ยิ่งคุณมีความทรหดสูงคุณจะยิ่งมีความมั่นคงกับเป้าหมายของคุณไม่ล้มเลิกง่าย ๆ พร้อมพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งเพื่อทำให้เป้าหมายของคุณสำเร็จในที่สุด
บางคนอาจเข้าใจผิดว่าสิ่งที่กำหนดความสำเร็จในชีวิตเรามีเพียง พรสวรรค์ หรือ ความอัจฉริยะ ส่วนบุคคลเท่านั้น
แต่หลังจากงานวิจัยที่รวบรวมคุณสมบัติด้านต่าง ๆ ของผู้มีพรสวรรค์ และอัจฉริยะที่มีผลงานในระดับสูงแล้ว สรุปได้เป็น 4 ข้อดังต่อไปนี้
1. ระดับความเข้มข้นและจริงจังในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งแบบมองการไกล
2. ระดับความอุตสาหะ ความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งที่ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้สำเร็จ
3. แนวโน้มที่จะไม่ละทิ้งภารกิจต่าง ๆ เพียงเพราะคุณสามารถเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นได้
4. ความอุตสาหะ ความมุ่งมั่นที่จะไม่ละทิ้งภารกิจ เมื่อเจออุปสรรค
เห็นได้ว่า คุณสมบัติที่แยกอัจฉริยะกับคนทั่วไป ส่วนมากเป็นเรื่องเกี่ยวกับความทรหดทั้งสิ้น การสร้างผลงานของเหล่าอัจฉริยะมาจากความอุตสาหะพยายามวันแล้ววันเล่าเพื่อเดินทางตามเป้าหมายของตัวเอง มากกว่าพรสวรรค์ที่จะมากำหนดเป้าหมายพวกเค้า ผู้ทำการวิจัย แคทเธอรีน คอกซ์ สรุปว่า
“การมีความเฉลียวฉลาดสูงแต่ไม่จำเป็นต้องสูงที่สุดบวกกับความพยายามอย่างเต็มที่ จะนำไปสู่ความสำเร็จมากกว่าการมีความเฉลียวฉลาดสูงสุดแต่มีความพยายามน้อยกว่า”
คุณสามารถวัดระดับความทรหดของคุณได้ ผ่านแบบทดสอบวัดความทรหด ภายในหนังสือเล่มนี้ โดยตอบคำถามด้วยการให้คะแนน 1 ถึง 5 จำนวน 10 ข้อ (รูปหน้า 78) รวมคะแนนเข้าด้วยกัน แล้วหาร 10 คุณจะได้คะแนนความทรหดของคุณ โดย 5 คะแนน คือ ความทรหดสูงสุด และ 1 คะแนน คือ ความทรหดต่ำสุด
เรื่องน่ายินดีอย่างหนึ่งก็คือ ความทรหดของแต่ละบุคคลสามารถพัฒนาได้ โดยทั่วไประดับความทรหดจะเพิ่มขึ้นตามอายุและวุฒิภาวะที่เพิ่มขึ้น โดยเฉลี่ยแล้วผู้มีอายุมากกว่าจะวุฒิภาวะที่มากกว่าและมีความทรหดมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีอีก 4 องค์ประกอบที่สามารถช่วยเสริมสร้างความทรหดภายในตัวเราได้ คือ ความสนใจ การฝึกฝน จุดมุ่งหมาย และความหวัง
1. ความสนใจ
ความสนใจ คือ สิ่งที่เรารักที่จะทำ และความหลงใหลของแต่ละบุคคล ที่ทำให้เรารู้สึกอยากรู้มากขึ้น อยากพัฒนาตัวเองมากขึ้น อยากทดลองทำมากขึ้น เกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ
โดยความสนใจของเราในแต่ละช่วงเวลาอาจจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการรับรู้ที่ตัวเรานั้นได้ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นมาเป็นความสนใจของเรา ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ในช่วงวัยเด็กเราอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรเมื่อเราโตขึ้น
เราสามารถค้นพบความสนใจได้จากการปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอกโดยการทำการทดลองทำจริง ๆ ว่าเราลงมือทำแล้วเรารู้สึกสนใจมากขึ้นหรือไม่ ซึ่งคุณต้องคอยรับฟังความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เพราะความผิดพลาดครั้งใหญ่มักมาจากการบังคับให้ตัวเองสนใจบางสิ่ง
คุณควรทดลองทำความสนใจใหม่ ๆ ที่คุณค้นพบด้วยการลงมือทำเชิงรุกเพื่อพัฒนาความสนใจไปเรื่อย ๆ ว่ามันเป็นสิ่งที่ใจคุณเรียกร้องหรือไม่ หรือเป็นแค่ความสนใจชั่วความที่ได้มาจากความตื่นเต้นที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่
ความสนใจนั้นจะพัฒนาได้ดีก็ต่อเมื่อเป็นความสนใจที่มีคนที่พร้อมจะสนับสนุนและส่งเสริมคุณให้ทำความสนใจนั้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคุณค้นพบสิ่งที่คุณสนใจอย่างแท้จริง ความสนใจนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคุณที่คุณจะมีเป้าหมายเกี่ยวกับมัน และเมื่อคุณได้ทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับความสนใจนั้นคุณจะมีความทรหดมากขึ้น เพราะมันเป็นงานที่ไม่ว่าจะยากแต่คุณก็อยากที่จะทำมัน
2. การฝึกฝน
การฝึกฝน คือ การพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชี่ยวชาญของทักษะนั้น ๆ โดยการฝึกฝนที่ดี คือ การฝึกฝนอย่างจดจ่อ ซึ่งมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- มีเป้าหมายชัดเจนและท้าทาย
- ใช้ความพยายามและจดจ่ออย่างเต็มที่
- เปิดรับคำติชมที่เป็นประโยชน์และแก้ไขอย่างทันท่วงที
- ทำซ้ำอย่างครุ่นคิดและขัดเกลาให้ดีขึ้น
การฝึกฝนจะช่วยให้คุณมีพัฒนาการอยู่เสมอ คุณจะก้าวเข้าใกล้เป้าหมายมากขึ้นทีละนิด ด้วยทักษะที่คุณมีความเชี่ยวชาญมากขึ้นจากการฝึกฝนด้วยความทรหด
3. จุดมุ่งหมาย
จุดมุ่งหมาย คือ เป้าหมายของการทำกิจกรรมบางอย่าง จุดมุ่งหมายอาจมีได้หลายรูปแบบ แต่จุดมุ่งหมายที่ช่วยให้คุณมีความทรหดมากขึ้น คือ จุดมุ่งหมายที่เราเชื่อว่าการกระทำของเรามีความหมายกับคนอื่นนอกเหนือจากตัวเราเอง
เมื่อสิ่งที่เราทำเป็นสิ่งที่เราทำเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเราจะมีแรงผลักดันแรงกล้าที่มาจากมีความหมายที่ได้ช่วยเหลือคนอื่น และช่วยให้เรามีความทรหดมากขึ้นเมื่อมีจุดมุ่งหมายเพื่อคนอื่นมากขึ้น
ตัวอย่างเช่น เมื่อถามคนงานที่กำลังก่ออิฐสร้างโบสถ์ 3 คน ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
คนที่ 1 ตอบว่า เขากำลังก่ออิฐอยู่
คนที่ 2 ตอบว่า เขากำลังสร้างโบสถ์
คนที่ 3 ตอบว่า เขากำลังสร้างโบสถ์ให้พระเจ้า
จากคำตอบของแต่ละคนคุณจะเห็นได้ว่าถึงแม้ว่าสิ่งที่กำลังทำจริง ๆ คือการก่ออิฐเหมือนกัน แต่จุดมุ่งหมายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าถามว่าคนงานก่ออิฐคนไหนที่มีความสุขที่กับงานมากสุด ก็คงเป็นคนงานคนที่ 3 เป็นแน่
 
การหาจุดมุ่งหมายอาจลองทำได้โดยการถามว่า งานที่คุณทำอยู่มีประโยชน์ต่อสังคมอย่างไร
ความหวัง
 
ในที่นี้ ความหวัง คือ การคาดหวังว่าความพยายามจะช่วยให้อนาคตของตัวเองดีขึ้น การเชื่อว่าความพยายามจะให้ผลที่ดีต่อเราในอนาคต การไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคในวันนี้และก้าวไปสู่ความหวังในวันข้างหน้า
ความหวังที่ช่วยให้เราเข้าใจว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงได้ พัฒนาตัวเองด้วย หรือการมีกรอบความคิดแบบพัฒนาได้ ที่ไม่ยึดติดกับปัจจุบันและพร้อมจะเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
โดยความหวังประเภทนี้มักมาจากประสบการณ์เอาชนะความสิ้นหวังที่เราเคยเผชิญมาได้ ด้วยการตึความประสบการณ์ในทิศทางใหม่ที่เป็นแง่ดีมากขึ้น และสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยความอุตสาหะเพื่อเอาชนะความทุกข์ยากได้
นอกจากนี้ยังสามารถสร้างความทรหดจากภายนอกสู่ภายในได้ด้วย
การเลี้ยงดูลูกให้มีความทรหด
- การเลี้ยงดูแบบทั้งส่งเสริม และเคี่ยวเข็ญลูกไปพร้อม ๆ กัน โดยมีเด็กเป็นศูนย์กลางด้วยการพยายามเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเขา แล้วพยายามช่วยให้เขาผ่านพ้นไปได้ด้วยการลงมือทำของตัวเอง และส่งเสริมโดยไม่ทำลายความสามารถในการเลือกทางเดินด้วยตัวเอง
- การเป็นตัวอย่างด้านความทรหดให้ลูกเห็นถึงความสนใจและความอุตสาหะของคุณ
- สนามแห่งความทรหด คือ การสร้างสภาพแวดล้อม หรือ กิจกรรม ที่สร้างความสนใจ การฝึกฝน จุดมุ่งหมาย และความหวัง เช่น โรงเรียนสอนบัลเลต์ เวทีแสดงดนตรี เพื่อให้ลูกได้ทดลองทำและสร้างความสนใจที่เหมาะสมกับตัวเอง ด้วยการส่งเสริมและเคี่ยวเข็ญของบุคคลอื่น ๆ เช่น ครู โค้ช เป็นต้น ซึ่งช่วยพัฒนาความทรหดไม่ยอมแพ้
- กฏเรื่องยาก คือ การกำหนดกฏให้คนในบ้านทุกคนต้องสร้างความสนใจและคอยหมั่นฝึกฝน ผ่านกฏ 3 ข้อดังนี้
1. ทุกคนในบ้านมีเรื่องยากที่ต้องฝึกทำอย่างจดจ่อทุกวัน
2. เลิกทำได้ แต่ต้องไม่ล้มเลิกจนกว่าจะจบฤดูกาลแข่งขัน จบเทอม หรือจุดที่ควรหยุด
3. เราเลือกเรื่องยากสำหรับเราด้วยตัวเอง
วัฒนธรรมแห่งความทรหด
หากอยากมีความทรหดมากขึ้น ให้มองหาวัฒนธรรมที่มีความทรหดแล้วเข้าร่วมเสีย ด้วยการอาศัยแรงผลักดันพื้นฐานของมนุษย์ที่ต้องการจะเข้ากับผู้อื่น เมื่อคนใกล้ชิดคุณมีความทรหดมาก คุณก็จะมีความทรหดมากขึ้นเอง
..........
บทสรุป
ชีวิตก็คล้ายกับการวิ่งมาราธอน ความสำเร็จจำเป็นต้องอาศัยความทรหดอย่างมหาศาล ที่ประกอบด้วยความหลงใหล และความอุตสาหะ เพื่อที่จะบรรลุผลในระยะยาว
การมีความทรหด คือ การก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง การยึดมั่นในการทำตามเป้าหมายที่เราสนใจและเต็มไปด้วยจุดมุ่งหมาย ด้วยการลงแรงฝึกฝนทำสิ่งที่ท้าทายวันแล้ววันเล่า และพร้อมที่จะลุกขึ้นใหม่ทุกครั้งที่เจออุปสรรค
..........
#How_I_Feel
หนังสือเล่มนี้ได้เล่าเรื่องราวของความสำเร็จผ่านเลนส์การมองหาสาเหตุของความสำเร็จรูปแบบต่าง ๆ และพยายามหาว่าคุณสมบัติใดที่มีผลต่อความสำเร็จมากที่สุด และคุณสมบัติที่ค้นพบคือความทรหด ที่จะทำเป้าหมายที่ได้เลือกแล้วให้สำเร็จอย่างไม่ย่อท้อ
นอกจากนี้ยังค่อย ๆ หามุมมองในมุมต่าง ๆ ของความทรหดว่ามีองค์ประกอบอย่างไรบ้าง มีสิ่งที่ดีอย่างไร สิ่งที่ไม่ดีอย่างไร ช่วยให้เราค่อย ๆ คิดตามถึงชีวิตของเรา ทั้งในมุมที่เรายังพยายามไม่พอ หรือในมุมที่เราอาจจะมีความทรหดมากเกินไปจนลืมดูแลสุขภาพ และลืมเรื่องอื่น ๆ รอบตัวไป
ในความคิดเห็นส่วนตัวผมคิดว่าความทรหดที่ช่วยเราก้าวหน้า พัฒนา เอาชนะอุปสรรค เป็นเรื่องที่ดี แต่ถ้าเราใช้ความทรหดที่มากเกินไปกับเรื่องผิด ๆ แล้วไม่ยอมละเลิกสิ่งแย่ ๆ ก็อาจเป็นแค่ความดื้อรั้นที่ทำให้เราไม่ก้าวหน้าไปไหนก็เป็นได้
#Who_Should_Read
- ผู้ที่มองหาจุดมุ่งหมายของชีวิต
- ผู้ที่อยากทำความเข้าใจเรื่องความทรหดและความสำเร็จ
- ผู้ที่อยากพัฒนาความทรหดของตัวเอง
..........
 
Review by Another Book
 
ถ้าชอบบทความ กดไลค์เป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ
 
..........
 
ช่องทางการติดตาม
Facebook Page : Another Book https://www.facebook.com/AnotherBookReview
โฆษณา