13 ก.พ. 2023 เวลา 00:02 • หนังสือ

"ช่างแม่ง" ไม่ใช่คำที่ดูใจร้ายเสมอไป

สมัยก่อนผมเคยคิดว่าคนเราต้องใจร้ายแค่ไหนกันนะ ถึงพูดคำว่า “ช่างแม่ง” กันได้บ่อย ๆ ไม่ว่าใครจะเป็นยังไงก็ไม่แคร์เลยอย่างนั้นหรือ?
แต่พอโตขึ้น ก็เริ่มเข้าใจคนที่ชอบพูดคำนี้บ่อยมากขึ้นว่า โลกเราต่างหากที่ใจร้าย โลกบีบให้เราต้องกลายเป็นคนด้านชามากขึ้น เพราะงั้นคำถามที่น่าสนใจจึงไม่ใช่คนที่พูดคำนี้นั้นใจร้ายแค่ไหน แต่คือ เราจะ “ช่างแม่ง” อย่างไรให้ชีวิตมันยังโอเค
ในหนังสือ “ชีวิตติดปีกด้วยศิลปะแห่งการช่างแม่ง” เขียนโดย Mark Manson บอกว่า ชีวิตใครหลาย ๆ คนมักจะใส่ใจกับสิ่งต่าง ๆ มากเกินความจำเป็นอยู่แล้วครับ เช่น กังวลว่าคนอื่นจะมองว่าเราอ้วนไหม ไอเดียที่เราเสนอจะดูห่วยในสายตาของคนอื่นหรือเปล่า เป็นต้น ซึ่งคนที่แคร์ทุกเรื่องมากเกินไป ก็น่าจะคุ้นเคยกับความทุกข์เหล่านี้ดีครับ
แต่ในความจริงแล้วเราช่างแม่งกับหลาย ๆ เรื่องในชีวิตได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นคนเห็นแก่ตัวเลยครับ โดยอาศัยเคล็ดลับ 3 ข้อดังนี้
1. ระลึกไว้เสมอว่าการช่างแม่งไม่ใช่การเมินเฉย แต่มันหมายถึงการยอมรับว่าตัวเองแตกต่าง (จากความคิดของคนอื่น) แน่นอนว่าชีวิตคุณอาจแคร์บางสิ่งบางอย่างจริง ๆ เช่น ครอบครัว ความสัมพันธ์ ความฝัน หรืออะไรก็แล้วแต่ซึ่งจะมีกี่ข้อก็ได้ (แต่มักจะมีไม่เยอะหรอกครับ)
1
ทีนี้คุณก็แค่แคร์สิ่งเหล่านี้ก็พอ แล้วก็ช่างแม่งกับอุปสรรคในการเข้าถึงสิ่งสำคัญเหล่านี้ เช่น ไอเดียที่เราคิดมาเป็นอย่างดี ถูกใครก็ไม่รู้มาบอกห้วน ๆ ว่า “ห่วย” ก็ช่างแม่งครับ
1
2. หากจะมองข้ามอุปสรรค คุณต้องแคร์อะไรก็ตามที่สำคัญกว่าอุปสรรคเสียก่อน เช่น หลายคนบอกว่าอยากออกกำลังกายนะ แต่ไม่มีเวลาเพราะงานยุ่ง จริง ๆ แล้วคุณแค่เห็นว่างาน (ซึ่งเป็นอุปสรรคของการออกกำลังกาย) มันสำคัญกว่าการออกกำลังกายนั่นเอง
1
แต่ถ้าคุณเคยขึ้นเตียงผ่าตัดสักครั้งเพราะไม่ดูแลตัวเอง ชีวิตหลังจากนั้นคุณจะสามารถเอางานไว้ทีหลัง เพื่อให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพได้ง่ายขึ้นเฉยเลยครับ เพราะคุณรู้ซึ้งแล้วว่าสุขภาพมันสำคัญกว่า
1
3. ระลึกไว้เสมอว่าสมองคุณพยายามจะแคร์ทุกเรื่องอยู่ตลอด แต่ชีวิตเรามีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีเป็นธรรมดา แต่เรากลับมีแนวโน้มจะให้ความสำคัญกับเรื่องแย่ ๆ มากกว่า เพราะงั้นเวลาเจอเรื่องแย่ ๆ ก็ให้ตั้งคำถามกับตัวเองเลยครับว่า เรื่องนั้นมันสำคัญกับชีวิตเราไหม ถ้าไม่ (ซึ่งผมเดาว่าส่วนใหญ่) งั้นก็ช่างแม่งบ้าง แล้วชีวิตจะมีความสุขมากขึ้นมากครับ
พออ่านเคล็ดลับของ Mark Manson จบ ผมก็ตกผลึกข้อคิดออกมาครับว่า “ช่างแม่ง ไม่ใช่คำที่ดูใจร้ายเสมอไป”
2
ผมคิดว่าเนื้อในของใครหลาย ๆ คนที่แคร์คนอื่นเยอะ จริง ๆ แล้วมันอาจสะท้อนว่าคุณมีความอ่อนโยน ความเห็นอกเห็นใจคนอื่น หรืออาจจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง คุณก็เลยไม่ค่อยกล้าใช้คำว่า “ช่างแม่ง” ในการดำเนินชีวิต แต่เชื่อเถอะครับ ไม่ว่าคุณจะทำดีแค่ไหน ก็มีคนไม่ชอบและโจมตีคุณอยู่ดี
ถ้าเราเอาแต่กังวลมากเกินไปเวลามีคนมองเราไม่ดี เราคงไม่ต้องทำอะไรเลยชีวิตนี้ ดังนั้นผมว่าหากเราคิดแล้วว่าสิ่งที่ทำมันไม่ได้ส่งผลเสียกับใคร ไม่ได้ทำร้ายจิตใจใคร ไม่ผิดกฏหมาย แล้วเราก็มีความสุขกับมัน แม้จะมีใครต่อว่าเราไปบ้าง กรณีนี้ผมว่า “ช่างแม่ง” บ้างก็ได้ครับ มันไม่ใช่การใจร้ายกับใคร แต่มันเป็นการใจดีกับตัวเองต่างหาก
ชื่อหนังสือ: #ชีวิตติดปีกด้วยศิลปะแห่งการช่างแม่ง
ชื่อสำนักพิมพ์: สำนักพิมพ์บิงโก
#igotthisfromthatbook #ฉันได้สิ่งนี้จากหนังสือเล่มนั้น
โฆษณา