13 ก.พ. 2023 เวลา 09:27 • ประวัติศาสตร์

ชีวิตที่น่าเศร้าของ "จอห์น สติท แพมเบอร์ตัน" ผู้คิดค้นเครื่องดื่ม “โคคา-โคล่า"

เครื่องดื่มยอดฮิตอย่างโคคา-โคล่าหรือที่เราเรียกกันอย่างติดปากว่า “โค้ก”
เชื่อว่าคงมีหลายคนไม่น้อยเลยว่าเจ้าเครื่องดื่มสีดำนี้ มันถูกคิดค้นขึ้นมาโดยใครกันแน่
“จอห์น เพมเบอร์ตัน” (John Pemberton) นักเภสัชศาสตร์ชาวเมืองแอตแลนตาชายผู้เกิดในรัฐจอร์เจียเมื่อปี ค.ศ. 1831
แต่แล้วชีวิตที่ดูจะธรรมดาของเขาก็เปลี่ยนไป เมื่อสงครามกลางเมืองสหรัฐฯ เริ่มต้นขึ้นในตอนที่เขาอายุได้ราวๆ 30 ปี
เขาเข้าร่วมสงครามในฐานะทหารยามฝั่งสมาพันธรัฐอเมริกา (Confederate) และได้รับบาดเจ็บในการรบที่โคลัมบัส ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นเหตุให้เขาเริ่มติดมอร์ฟีน ซึ่งเป็นยาระงับปวดที่ทหารมักจะใช้กัน
แพมเบอร์ตันเริ่มให้ความสนใจกับต้นโคคา พืชพื้นเมืองของเปรูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,000 ปี ชาวพื้นเมืองเอาใบโคคามาเคี้ยวกินสดๆ หรือไม่ก็สกัดเป็นเครื่องดื่ม เพราะมีฤทธิ์เป็นยากระตุ้น อุดมด้วยสารอาหาร และเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
นอกจากนี้ยังมีสารโคเคน ซึ่งเป็นสารฆ่าแมลงโดยธรรมชาติและเป็นตัวยับยั้งกระบวนการดูดซับสารโดปามีนซ้ำในมนุษย์ที่นําไปสู่การเสพติด แพมเบอร์ตันซึ่งติดมอร์ฟีนมาตั้งแต่ตอนเป็นทหารนั้น มองว่าสารชนิดนี้อาจเป็นยาวิเศษที่รักษาอาการเสพติดของเขาได้
ดังนั้นด้วยความที่อยากเลิกมอร์ฟีนให้ได้ จอห์นจึงเริ่มคิดเครื่องดื่มชนิดหนึ่งขึ้นมาทดแทนยามอร์ฟีน โดยอาศัยผลผลิตของต้นโคคาและนำไปทดลองผสมกับส่วนผสมอื่นๆจนสุดท้ายก็มาจบที่โคล่านัท
ในที่สุดแพมเบอร์ต้นก็เปิดตัวเครื่องดื่มที่ตั้งชื่อว่า “ไวน์โคลาฝรั่งเศสของแพมเบอร์ตัน” ในปี ค.ศ. 1885 โดยโฆษณาว่า “เป็นยาบํารุงที่ช่วยสร้างเสริมปัญญา” จากนั้นเมื่อเขานําเมล็ดโคลาใส่เพิ่มเข้าไปอีก ก็เรียกว่า “ยาบำรุงประสาท” ที่มีสรรพคุณในการเลิกมอร์ฟีน ซึ่งยังไม่มีแพทย์คนใดคิดค้นวิธีรักษาให้หายขาดได้
1
ยิ่งประสบความสําเร็จ แพมเบอร์ตันยิ่งหมกมุ่นกับเครื่องดื่มสีน้ำตาลข้นนี้ ทําให้สุขภาพย่ำแย่ลงทุกวัน นอกจากนี้ การทดลองชิมสูตรผสมน้ำหวานหลายชนิด ทําให้เขาไม่สามารถเลิกติดมอร์ฟีนได้ แพมเบอร์ตันส่งตัวอย่างสูตรน้ำหวานที่คิดขึ้นใหม่ไปให้เจ้าของร้านเครื่องดื่มคนหนึ่งผสมโซดาให้ลูกค้าชิม และนั่นเป็นที่มาของโคคา-โคลาที่เรารู้จักในปัจจุบัน
โคคา-โคล่าของจอห์น เพมเบอร์ตันแม้ว่าจะไม่ได้เปิดตัวออกมาดังถล่มทลาย แต่ก็ค่อยๆ เติบโตไปอย่างมั่นคง
โดยในปีแรกจอห์นนั้นขาดทุนจากการขายด้วยซ้ำ แต่ในปีต่อมาเขาก็เริ่มเห็นชื่อเสียงของเครื่องดื่มตัวนี้ โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด โคคา-โคล่าก็กลายเป็นของขึ้นชื่อของเมืองแอตแลนตา (เมืองหลวงในรัฐจอร์เจีย)
น่าเสียดายที่แม้ว่าเครื่องดื่มที่เขาคิดมาจะโด่งดังขึ้นแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายมันก็ไม่ได้ช่วยให้จอห์นเลิกมอร์ฟีนได้อย่างที่เขาหวังไว้
กลับกันการติดมอร์ฟีนนี้ค่อยๆ หนักขึ้น แถมจอห์นเองยังพบว่าตนเองเป็นมะเร็งกระเพาะอีก ซึ่งทั้งสองอย่างนี้ทำให้เขาต้องเสียเงินไปเป็นจำนวนมากจนเกือบล้มละลาย ต้องขายหุ้นบริษัทของตัวเองบางส่วนออกไปด้วยซ้ำ
ถึงอย่างนั้นก็ตาม จอห์นก็ไม่ยอมขายกรรมสิทธิ์ของเครื่องดื่มที่เขาคิดขึ้นมาได้ให้ใคร เนื่องจากตัวเขานั้นเชื่อว่าเครื่องดื่มนี้จะต้องมีค่าอย่างมากในอนาคต และคิดจะเก็บมันไว้ให้ลูกชายของตัวเอง
เป็นที่น่าเสียดายอย่างมากที่ลูกชายของเขาไม่ได้คิดเหมือนพ่อเท่าไหร่ เพราะก่อนที่พอจอห์นจะเสียชีวิตได้ไม่นานลูกชายของเขากลับตีดสินใจขายกรรมสิทธิ์ที่เหลืออยู่ทุกอย่างของโคคา-โคล่าเพื่อนำเงินก้อนมาใช้
เขาขายหุ้นบริษัทให้ “อะซา กริก แคนด์เลอร์” (Asa Griggs Candler) ในปี ค.ศ. 1888 ด้วยราคาเพียง 2,300 เหรียญ ไม่กี่ปีหลังจากนั้น โรงงานโคคา-โคลา ก็ผุดขึ้นทั่วอเมริกา ทําให้ แคนด์เลอร์กลายเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยที่สุดของประเทศในปี ค.ศ. 1900
ส่วนแพมเบอร์ตันเสียชีวิตในปีเดียวกับที่ขายหุ้น ทิ้งเงินเพียงเล็กน้อยไว้ให้ทายาท งานศพของเขาในแอตแลนตามีผู้คนจากทั่วทุกสารทิศมาแสดงความเคารพ…
ขอบคุณครับ :)
ขอบคุณบทความดีๆจาก : https://www.catdumb.com/history/5799
โฆษณา