14 ก.พ. 2023 เวลา 02:16 • นิยาย เรื่องสั้น

แด่ วาเลนไทน์เมื่อนานมาแล้ว

อักษรมันพันกันยุ่ง ราวกับตำนานรักที่ลืมแกง
คนเขียน
ปี 34
ถึง แวววา
ฉันผู้เฝ้ามองเธอจากบนระเบียงตัวเรือนของสถานธนานุบาล
ไม่ใช่ เฮ้ย โรงเรียนเตรียมอนุบาล
เด็กอย่างพวกเรา ก็มีความรัก ฉันนี่ไงเป็นตัวอย่าง
เธอรู้บ้างไหม เวลาเธอยิ้ม มันทำให้ฉันอบอุ่น
อบอุ่นราวกับยืนอยู่ข้างๆ เตาไฟยามที่แม่ต้มไข่
เธอเปรียบดังไออุ่นนั้น ระอุไอ ไฉไลในยามค่ำคืน
เธอเปรียบดังดวงดาริกา ที่เฉิดฉันในหัวใจฉัน
ยามที่ยายเธอมาส่งที่โรงเรียน ฉันหวังจะพบเธออย่างนี้ชั่วนิรันดรไป
แต่วันนั้น เธอก็จำต้องย้ายโรงเรียนตามพ่อของเธอไป
ความรักของเด็ก โหดร้ายเกินไปไหมสำหรับเรา ยังไม่ทันบอกเธอเลยสักคำว่ารัก
ปี 37
ถึง น้ำพริก
ผมสั้นของเธอทำให้ฉันเสียทรง
ฉันดำรงตน ประคองใจให้มั่น แต่ก็หวั่น ยามเธอมองมา
เธอเคยบอกฉันว่า “ทำไมไม่กินผัก”
มันคือความอาทรที่ทำให้ฉันล่องลอยไปกับความโอบอ้อมอารีนั้น
เธอ...ผู้เป็นเด็กดี ผู้เป็นนักกีฬาฝ่ายหญิงในการวิ่งเปี้ยวตัวจริงของโรงเรียน
ฉัน...เพียงเป็นตัวสำรอง ที่มองเธออยู่ห่างๆ ใต้ต้นมะม่วง...ต้นไม้ที่รับรู้ถึงรักในใจฉัน
แต่แล้ววันนั้นก็มาถึง...
ไอ้โจ๊กเพื่อนซี้ของฉัน ผู้หน้าหล่อคมสันและสุขุม
มันเปิดกระโปรงเธอในงานวันเด็ก ใจฉันแทบสลาย
เธอร้องไห้ แต่สีหน้าของเธอบ่งบอกว่ามีใจให้แก่เด็กชายผู้นั้น
หนึ่งรัก หนึ่งเพื่อนซี้
ฉันเดินจากมาเงียบๆ ขณะที่เพลงวันเด็กดังทั่วโรงเรียน
จากมาทั้งที่ความรักน้อยๆ กำลังจะผลิบาน
ปี 39
ถึง ปอง
ฉันปองเธอด้วยใจดวงเดียวกันกับที่แหลกสลายในคราก่อน
ยามแรกพบ...รู้สึกว่าเธอดังกาวตราช้าง ที่จะประสานหัวใจแหละรานของฉันผู้นี้
เธอยืมจักรยานฉันตอนนั้น ป.4 ฉันพยักหน้าอย่างหล่อเป็นเชิงอนุญาต
สายลมพัดผมเธอสยาย พระพายพัดความรักราวเพรียกหา
พอเธอเบรกรถอยู่ตรงหน้า ฉันก็ตื่นจากภวังค์
“เป็นโสดทำไม อยู่ไปให้เศร้าเหงาทรวง”
วิญญาณรักมันสถิต จนฉันเพ้อออกมาเป็นเพลงของครูสุรพล
เพลงมีตั้งมากมาย ทำไมฉันจึงพลั้งเพลงนี้แผ่วพลิ้วไปหาเธอได้
เธอบอกว่า “แหวะ”
ความรักล้นทรวงมันจะขนาดนั้นเทียวหรือ
แล้วเธอก็ไม่ได้มายืมจักรยานฉันอีก ยามต้องย้ายโรงเรียน
ในปี 48 ...
เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง ยามที่ฉันตกหลุมรักเธอบนรถสามแถว
เพียงเสี้ยวหน้าและวันวาน ฉันกลับติดหล่มดั่งพญาคชสารเผลอไผลโคลนดูด
ฉันกางหนังสือ “รวมมุก (ควายยุค Y2K)” โทรไปหาเธอ แล้วอ่านมันให้เธอฟัง
“ถ้าเธอมีบาส โยนมาที่พี่ พี่เป็นห่วง”
เธอทำได้แต่...ที่ฉันไม่กล้าคิด
จวบจนปี 51 ...
พอเธอเปลี่ยนเบอร์ ฉันก็ไปหาเอามาจนได้ แต่ไม่กล้าโทร
พอฉันเล่นวิ
(โทรเข้าเบอร์เธอ ให้เธอรับไม่เกินสามวิ
พอได้ฟังเสียงแว่วหวานของลมแผ่ว แล้วก็กดวาง)
เธอให้เพื่อนเธอโทรกลับมาหาฉัน ฉันหลับ เพิ่งตื่น
“นั่นเบอร์ใคร” เพื่อนเธอเสียงแหว
“เอฟ” ฉันตอบชื่อที่ไม่ใช่ชื่อฉัน
“ไอ้คนขี้ฮก(โกหก) คราวหน้าอย่าโทรมาอีก” เพื่อนเธอด่าจนเสียฉันรับไม่ได้
ฉันช้ำใจ และนั่นฉันต้องร้างลาจากเธอ
เสียงเพลงของครูสุรพลดังก้องในใจฉัน
เป็นโสดทำไม? ตายไปเจอะยมบาล
ปี 55
ถึง อายูมิจัง
ฉันพบเธอใน Facebook แต่ไม่เคยเจอตัวจริง
พอได้พบเธอตัวจริง เธอไม่กล้าแม้แต่ที่จะสบตาอันเรียวยาวและคมกริบของฉัน
เธอมีแฟนแล้ว แต่ฉันก็ยังลามใจไปหลงรักเธอ
ความโง่บัดซบมันห้ามกันได้เสียที่ไหน
ฉันเฝ้าเพ้อละเมอหาแววตาดวงนั้น ตาดวงโตที่น่ารักราวกับกบ
ฉันพึงเห็นกบทุกตัวบนโลกนี้สวยงาม ก็เพราะเธอ
แต่ความโหดร้าย มันมักมากับความโง่ของฉัน
ฉันแอบชอบ “เธอ” คนที่มีแฟนแล้ว มันทิ่มใจนัก
ฉันจะถอนมันได้อย่างไร ฉันคิด
ฉันจะหลับตาลงแล้วผ่านค่ำคืนที่ฉันเพิ่งรู้ตัวนั้นได้อย่างไร
เธอมีคนรักของเธอแล้ว ฉันเป็นเพียงใครสักคนที่เธอไม่เคยคุยเสียด้วยซ้ำ
ฉันพยายามข่มตานอน แต่นอนไม่หลับ
ได้แต่เปิดสมุดสวดมนต์ สวดภาวนาอิติปิโสรัตนมาลา 108
แล้วฉันก็หลับไปพร้อมกับความช้ำที่บรรเทาด้วยธรรมะ
เวลาเยียวยาใจฉัน แต่ฉันก็ไม่เคยลืมเธอเลย
ดวงตาเธอสวยเสมอมา
ปี 63
ถึง แหวว
ไม่เคยคิดรักเธอเลย เพราะเธอเสียงห้าว ก้าวร้าวในยามทอนเงินที่เคาน์เตอร์มินิมาร์ท
ฉันเคยชอบเพื่อนเธอมากกว่า แต่แม่ฉันบอกว่าไปจีบเธอสิ
ฉันบอกแม่ว่า “ใครจะไปกล้า”
แล้วฉันก็ตกหลุมรักเธอหลังจากที่ฉันเถียงแม่ไปสามวิ
ฉันพยายามไปต่อแถวที่เธอยืนเคาน์เตอร์เสมอ
พยายามจ่ายแบงค์ให้เธอทอนตังค์ เพื่อให้ได้แต๊ะอั๋งเธอเพียงเสี้ยวเล็บ
ขณะที่เดินเข้าไปบ่อยๆ ในมินิมาร์ท ก็พยายามแกล้งทำเป็นเมินเธอ
ทำหน้าตาบ่งบอกราวกับว่า “ฉันไม่ได้ชอบเธอนะ”
แต่สายตามันหลอกกันไม่ได้ ฉันเสือกไปทำตาหวานให้เธอเห็นเสียแล้ว
ฉันไม่น่าพลาดไปแอบมองไรผมของเธอเลย ผมที่ปรกหน้าผากจนเธออ่อนโยนขึ้นมาทันตา
มันหวามหวานในความรู้สึก เหมือนเธอเป็นดังนางอัปสรที่พลัดตกลงมาจากฟ้า
ต้นสักต้นนั้นเป็นพยาน
ฉันแกล้งไปซื้อเหล้าไหว้เจ้าเพื่อเอาขวด
ขวดที่ฉันเคยจ่ายตังค์เธอที่เคาน์เตอร์ เพื่อเก็บมันไว้เป็นที่ระลึก
ต้นจามจุรีเป็นพยาน
ฉันเต็มใจไปซื้อขนมซองละ 10 บาท เพื่อจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ที่เธอยืน
เก็บซองนั้นไว้จนมดขึ้น
ฉันคิดว่าความหวานของเรามันเร็วไปไหม ไอ้มดเจ้ากรรมร่ำรัก
พอสังเกตดีๆ ฉันไม่ได้ล้างซองนี่เอง ดันเป็นขนมกรอบรสช็อกโกแลตเสียด้วย
แล้วพอมารู้ว่าเธอมีแฟนแล้ว ฉันก็ยิ่งทำเป็นไม่สน ยิ่งไม่สน ฉันก็ยิ่งร้าวรานใจ
มันดั่งมีใครไปถอดไม้เสียบไส้กรอกข้าวแล้วเอามาเสียบที่ใจฉัน
เอื้อก!!! เสียบบ้ายังไงให้มีเมล็ดข้าวติดมาด้วย ยิ่งคิด ยิ่งร้าวทรวง
ฉันไม่เข้าไปมินิมาร์ทนั้น ไม่อยากพบนางฟ้าในใจฉันนาม “แหวว” อีกแล้ว
แล้วเธอก็หายไป อย่างไร้ร่องรอย ทิ้งไว้เพียงความทรงจำสีจางๆ ที่ประทับแน่นในดวงใจฉัน
สีของบิลที่เธอเคยให้ฉัน หมึกมันจางไปหมดแล้ว
ความทรงจำฉันกลับเด่นชัดขึ้นมา ยามเธอไปซื้อเนื้อย่าง
ฉันแอบมองเธอ เธอเห็นฉันแอบมอง
มันคงไม่มีวันนั้นแล้ว วันที่เธอเห็นตาเยิ้มของฉัน
ตาที่มันคอยบอกว่า “รักเธอ รักเธอ รักเธอ แม่ยอดปลาทูของฉัน”

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา