Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
กรุงเทพธุรกิจ
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
23 ก.พ. 2023 เวลา 10:00 • ไลฟ์สไตล์
แม่ค้าออนไลน์ต้องรู้ วิธีคำนวณภาษี และการจัดการรายได้ ค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน
แม่ค้าออนไลน์ต้องรู้ วิธีคำนวณภาษี และการจัดการรายได้ ค่าใช้จ่าย ค่าลดหย่อน ต้นทุนต่างๆ อาจดูน่าปวดหัวแต่จริงๆ แล้วไม่ยากอย่างที่คิด หากรู้จักวางแผนและจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายอย่างครบถ้วน
“แม่ค้าออนไลน์” เป็นหนึ่งในอาชีพที่มาแรงแซงโค้งมากที่สุดในช่วงโควิดที่ผ่านมา สร้างรายได้ดีจนมนุษย์ออฟฟิศบางคนหันมายึดเป็นอาชีพหลักเลยก็มี และเนื่องจากรายได้ที่เข้ามาถี่ๆ แน่นอนว่าสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ก็คือ “ภาษี” ที่ตามมา
กรุงเทพธุรกิจ ชวนทำความเข้าใจและรู้ถึงขั้นตอนการยื่นแบบภาษีสำหรับแม่ค้าออนไลน์ ต้องทำอย่างไรบ้าง? โดยมีข้อมูลจาก “กรมสรรพากร” มาไขข้อข้องใจให้หายสงสัย ดังนี้
ก่อนอื่นต้องรู้ว่า “แม่ค้าออนไลน์” ถือเป็นบุคคลที่มีเงินได้ประเภทที่ 8 หรือเงินได้ตามมาตรา 40(8) คือ เงินที่ได้จากการทำธุรกิจ การพาณิชย์ การเกษตร อุตสาหกรรม การขนส่ง การขายอสังหาริมทรัพย์ หรืออื่นๆ ที่ระบุไว้ตามมาตรา 40(1) - (7) จึงต้องมีหน้าที่เสียภาษี ซึ่งภาษีที่เกี่ยวข้องกับแม่ค้าออนไลน์ สามารถแบ่งได้เป็น 4 ประเภท ดังนี้
1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด) คือ ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลธรรมดาทั่วไป สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 สถานะ ได้แก่
1.1) สถานภาพโสด หากมีรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์เกิน 60,000 บาท ต่อปี จะต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
1.2) สถานภาพสมรส หากมีรายได้จากการขายสินค้าออนไลน์เกิน 120,000 บาท ต่อปีซึ่งรวมกับรายได้ของคู่สมรสเเล้ว จะต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยสามารถคำนวณได้ ดังนี้
💰[รายได้ - ค่าใช้จ่าย - ค่าลดหย่อน = เงินได้สุทธิ จากนั้นนำเงินได้สุทธิ × อัตราภาษี = เงินภาษีที่ต้องจ่าย]💰
2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีที่ร้านค้าออนไลน์มีการจดทะเบียนเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล โดยสามารถคำนวณได้ ดังนี้
💰[รายได้ - ค่าใช้จ่าย = กำไรสุทธิ แล้วนำกำไรสุทธิที่ได้มาคิดภาษีตามอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล]💰
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในกรณีแม่ค้าออนไลน์ที่มีรายได้ ซึ่งไม่รวมกับกำไร เกินมูลค่า 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้อง “จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)” ซึ่งต้องจดทะเบียนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท และในปัจจุบันคิดอัตราภาษีอยู่ที่ 7%
4. ภาษี E-Payment เป็นการส่งข้อมูลยอดเงินของเจ้าของบัญชีเงินฝากธนาคาร ให้แก่สรรพากร โดยมีเงื่อนไขในการส่งข้อมูลให้สรรพากร คือ
4.1) ต้องมีเงินเข้าบัญชี 3,000 ครั้งต่อปี (ไม่ดูจำนวนเงิน)
4.2) มีเงินเข้าบัญชี 400 ครั้งต่อปี และจำนวนเงินรวมเกินสองล้านบาท (นับเฉพาะเงินรับฝากเข้า)
ดังนั้นธนาคารจำเป็นต้องส่งข้อมูลให้กับกรมสรรพากร หากบัญชีนั้นๆ มีเงินฝากเข้าตามเงื่อนไขดังกล่าว พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์จึงต้องเตรียมรับมือกับข้อมูล “รายได้” ที่อาจถูกธนาคารส่งให้กับสรรพากรด้วย
การยื่นแบบภาษีนั้น มีระยะเวลาที่ทางกฎหมายได้กำหนดเอาไว้โดยชัดเจน ซึ่งการยื่นแบบภาษีสามารถแบ่งได้เป็น 2 ระยะ ดังนี้
📌การยื่นภาษีแบบครึ่งปี (ภ.ง.ด.94)
สามารถยื่นได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม ถึงเดือนกันยายนของทุกปี โดยคิดรายได้การยื่นภาษีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 30 มิถุนายน มาแสดงในการยื่นภาษี และต้องยื่นภายในวันที่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 30 กันยายนในปีนั้น
📌การยื่นภาษีแบบปลายปี (ภ.ง.ด.90)
สามารถยื่นได้ในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนมีนาคมของทุกปี โดยคิดรายได้การยื่นภาษีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 ธันวาคม มาแสดงในการยื่นภาษี และต้องยื่นภายในวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคมของปีถัดไป
อ่านต่อ : “แม่ค้าออนไลน์” ต้องรู้เรื่อง “ภาษี” คำนวณแบบไหน ยื่นอย่างไร?
https://bit.ly/3Z9NWhQ
กราฟิก : รัตนากร หัวเวียง
4 บันทึก
7
6
4
7
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย