26 ก.พ. 2023 เวลา 05:31 • ความคิดเห็น
เมืองกาลเวลามันเปลี่ยนแปลง เมื่อก่อนแผ่นนี้ ก็มีคน อยู่กระจัดกระจาย ไปทั่ว ..เป็นหมู่บ้าน เป็นชุมชน ไปมาหาสู่ก็ยากลำบาก จะออกลูกก็อาศัยแต่หมอตำแย มาช่วยออกลูกออกหลาน เจ็บป่วย ก็หามกันไป หาหมอยา หาสมุนไพร วันพระวันโกน ก็ไปวัดทำบุญทำทาน แค่ไปวัด ก็ต้องเดินลัด บุกดงหญ้า เอาลูกหลานหาบใสกระบุงบ้าง พากันไปวัด ที่อยู่ใกล้แม่น้ำ ก็มีแต่เรือแจว
ถนนหนทางก็ไม่มี จะขนซุงออกจากป่าก็อาศัยช้างลาก ลงแม่น้ำ มันก็มีการพัฒนาไปเรื่อย ลูกหลานคงใกลปืนเที่ยง ก็มาอาศัยวัด เรียนหนังสือ ยุคสมัยมันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ คนเรียนในเมือง กลับไปบ้านนอก ก็ไปลำบาก ไปแล้วไม่รู้จะไปทำอะไร ทำงานทำไร่ทำนา ตามปู่ย่าพ่อแม่ที่ส่งเรียน มันก็เหน็ดเหนื่อย
เพราะเคยชินกับการนั่งขีดนั่งเขียน วันละเจ็ดแปดชั่วโมง มันก็เคยชินเป็นนิสัย จะไปก้มๆเงยๆ ดำข้าวดำนา ยังไงไหว ไม่รู้ว่าปู่ย่าตายายเค้าทนอยู่ได้อย่างไร อย่างนี้ต้องพัฒนา เห็นปูย่าตายา กินหมาก มันเลอะเทอะ ต้องรีบโฆษณาเปลี่ยนแปลง ห้ามกินหมาก เอาหมวกบังกะโล มาใส่ แต่งตัวใส่สูท เค้าว่าเจริญเรียนแบบฝรั่งเค้า
มันเปลี่ยนแปลงตามฝรั่งมาเรื่อย มีหมอมีโรงพยาบาล หมอตำแยหมอสมุน หมอต่อกระดูก..หมอพ่นหมอเป่า ..ก็ค่อยสูญหาย ไม่มีกระดาษเป็นใบรับรอง ทั้งที่รักษาคนมามาย จนรุ่นลูกหลานผุดเกิดมาได้ หมอโบราณ เค้าว่าเป็นหมอเถื่อน ก็ต้องหัวหด ..เก็บตำรับตำราทิ้งไป ..ขีนมารักษา เค้าก็มาจับเข้าคุกตาราง ..ว่าเป็นหมอเถื่อน ..มันก็เลยหายไป
นี้เวลามันผ่านมาถึงยุคนี้ แผ่นดินนี้ให้คนมาเกิดกันกี่รุ่นแล้วน่ะ รุ่นเกิดใหม่ มันก็ไม่ได้เห็นสภาพของเก่า ก็พัฒนากันไป..เรียนรู้แล้วต้องพัฒนา อย่าเอาแค่วัตถุน่ะ ให้จิตให้ใจมันพัฒนา ..เป็นมนุษย์อาศัยแผ่นดินนี้ ไม่เกินร้อยปีตายแน่นอน..ทำดีไว้ แผ่นดินนี้จะเป็นสักขีพยานให้..
โฆษณา