8 มี.ค. 2023 เวลา 00:02 • หนังสือ

ในโลกที่เลวร้ายแบบนี้ เป็นคนโลกสวยบ้างก็โอเคนะ

วันก่อนเพิ่งคุยกับคุณแม่ไปครับว่า สภาพจิตใจนี่ส่งผลกับทุกด้านของชีวิตเลยจริง ๆ นะ ถ้าจิตใจย่ำแย่ทำงานก็ไม่มีสมาธิ กินอะไรก็ไม่อร่อย นอนก็ไม่หลับ จะออกกำลังกายก็ไม่ไหว เละเป็นโดมิโนเลย
ช่วงนี้ผมเองก็อยู่ในสถานการณ์แบบนั้น เพราะเพิ่งผ่านการยุติความสัมพันธ์กับแฟนที่คบกันมาหลายปี ผมเลยคิดว่านี่น่าจะเป็นช่วงที่สภาพจิตใจย่ำแย่ และกระทบกับชีวิตมากที่สุดในรอบหลายปีเลยล่ะครับ
หนังสือที่ผมเลือกอ่านในช่วงนี้ ก็เลยมักจะเป็นหนังสือเกี่ยวกับความสุข การปลอบใจตัวเอง เพื่อพยุงสภาพจิตใจเท่าที่จะทำได้ และหนึ่งในหนังสือที่ผมหยิบขึ้นมาอ่านก็คือ “แค่นี้ก็ดีมากแล้ว” เขียนโดยอาจารย์นภดล ร่มโพธิ์
มีบทนึงชื่อ “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุผลเสมอ” ผู้เขียนบอกว่าในชีวิตเราต้องเจอกับเหตุการณ์ร้าย ๆ และเรื่องน่าผิดหวังอยู่ตลอด บางเรื่องก็ปล่อยผ่านได้ แต่บางเรื่องก็อาจค้างคาใจไปอีกนาน เวลาไปปรึกษาใคร คำแนะนำในการ Move on ส่วนใหญ่ที่เจอก็คือ
“ทำใจซะเถอะ” “ลุกขึ้นมาแล้วเดินหน้าต่อไป” “หาอะไรทำสิจะได้ลืม ๆ” หรือ “ออกกำลังกายสิ” แน่นอนว่ามันช่วยได้ และมันก็ไม่ผิดนะครับ แต่จะให้ทำจริง ๆ มันก็ไม่ง่ายเหมือนกัน ลองนึกว่าถ้าเป็นเรา พอเศร้าปุ๊ป เห้ย ลุกไปออกกำลังกายดีกว่า! มันก็ฝืนตัวเองได้ยากพอสมควรจริงไหมครับ
ผู้เขียนเลยแนะนำประโยคนึงที่ตัวเขามักบอกตัวเองในวันที่หาทางออกไม่ได้ง่าย ๆ นั่นก็คือ “Everything Happens for a Reason” หรือ “ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมีเหตุผลเสมอ” พอนึกถึงคำนี้ขึ้นมาทีไร ก็ได้พลังชีวิตเพิ่มขึ้นมาทันที ความหนักใจที่มีก็จะเบาลง
เพราะถ้าประโยคนี้เป็นจริง ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับเราก็มีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่ ทำให้เราไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งเหตุผลนั้นเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่บางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เราไปเจอสิ่งที่ดีกว่าในภายหลังก็ได้
ตัวอย่างเช่น สมัครงานแล้วไม่ได้งาน เราอาจรู้สึกเศร้าในตอนนั้น แต่เหตุผลที่ซ่อนอยู่อาจเป็นเพราะเราไม่เหมาะกับที่ทำงานนั้น หากได้ทำงานนั้นก็อาจจะไม่มีความสุข หรือมีบางอย่างลิขิตไว้แล้วว่าที่ทำงานที่คุณจะได้หลังจากที่นี่จะพาคุณไปได้ไกลกว่า
หรือแม้แต่เวลาอกหัก เลิกกับแฟน คุณอาจช้ำใจมากก็จริง แต่เหตุผลที่ซ่อนอยู่อาจเป็นการเปลี่ยนเส้นทางชีวิตคู่ไปเจอคนที่เหมาะสมกว่าเดิมก็ได้ ผู้เขียนเสริมว่า หลายคนอาจมองว่าเพ้อ ไม่มีตรรกะ แต่ถ้าเชื่อแบบนี้แล้วมีความสุข ก็ไม่เห็นว่าจะมีข้อเสียใด ๆ ครับ
ผมว่าความคิดเห็นของผู้เขียนถือเป็นคำแนะนำที่ดีมากเวลาผิดหวัง แต่สิ่งที่ผมต่อยอดออกมาเป็นข้อคิดได้อีกข้อ กลับมาจากประโยคสุดท้ายเรื่องความเพ้อเจ้อนี่แหล่ะครับ
ข้อคิดที่ผมได้จากบทดังกล่าวก็คือ “ในโลกที่เลวร้ายแบบนี้ เป็นคนโลกสวยบ้างก็โอเคนะ” เพราะวิธีคิดเกี่ยวกับความสุขจำนวนมาก มักถูกมองว่าโลกสวย ไม่ใช้ชีวิตอยู่บนความเป็นจริง แม้ผมจะเคยพูดไปแล้วว่าโลกสวยคือการมองเห็นสิ่งดี ๆ ในสถานการณ์ที่เลวร้าย คือเรื่องร้าย ๆ มันก็ยังเกิดขึ้นเหมือนเดิมนั่นแหล่ะครับ แต่ถ้าจะโฟกัสเรื่องร้าย ๆ อีก มันก็ไม่น่าจะดีกับสุขภาพจิตเท่าไร
ดังนั้นผมเลยสนับสนุนให้เรามองหาสิ่งดี ๆ กันบ้าง หามุมดี ๆ ให้สุขภาพจิตของเราไม่พังยับเยินเกินไปมันก็น่าจะยุติธรรมกับตัวเองมากกว่า
1
แต่ถ้ามันดูโลกสวยเกินไปสำหรับใคร ผมก็คงไปบังคับไม่ได้ครับ ส่วนตัวแค่คิดว่าโลกนี้มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นเยอะอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปมองหาและโฟกัสกับมันอีกครับ
ชื่อหนังสือ: #แค่นี้ก็ดีมากแล้ว
ชื่อสำนักพิมพ์: สำนักพิมพ์ Dot
#igotthisfromthatbook #ฉันได้สิ่งนี้จากหนังสือเล่มนั้น
โฆษณา