6 มี.ค. 2023 เวลา 06:38 • ประวัติศาสตร์

บทบาทของ “จีน” ใน “สงครามโลกครั้งที่ 2 (WWII)”

หลายคนคิดว่า “สงครามโลกครั้งที่ 2 (WWII)” เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ.1939 (พ.ศ.2482) เมื่อเยอรมนีรุกรานโปแลนด์
หากแต่อันที่จริง สองปีก่อนหน้านั้น ญี่ปุ่นก็ได้รุกรานจีน และเป็นเหมือนเค้าลางของสงครามใหญ่ที่กำลังจะตามมา
1
และย้อนกลับไปเมื่อปีค.ศ.1931 (พ.ศ.2474) ญี่ปุ่นได้ยึดครอง “แมนจูเรีย (Manchuria)” ซึ่งแมนจูเรียคือดินแดนทางเหนือของจีน ซึ่งเป็นเหมือนปฐมบทของสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาต่อมา
1
และเหตุการณ์นี้ยังแสดงให้เห็นว่าจีนนั้นมีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งนี้ หากแต่มักจะถูกลืม
แมนจูเรีย (Manchuria)
วันนี้เราจะลองมาดูเรื่องราวของจีนในสงครามนี้กันครับ
การล่มสลายของราชวงศ์ชิง (Qing Dynasty) ในปีค.ศ.1912 (พ.ศ.2455) ทำให้สถานการณ์ภายในจีนอยู่ในภาวะระส่ำระส่าย ไม่มั่นคง
ภายในปีค.ศ.1927 (พ.ศ.2470) สงครามกลางเมืองระหว่างกลุ่มชาตินิยม นำโดย “เจียงไคเชก (Chiang Kai-shek)” กับกลุ่มคอมมิวนิสต์ นำโดย “เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong)” ก็ได้เกิดขึ้นในจีน
ความขัดแย้งนี้ชี้ให้เห็นว่าจีนกำลังอ่อนแอ ซึ่งสถานการณ์นี้ถูกใจญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก
เจียงไคเชก (Chiang Kai-shek)
ญี่ปุ่นต้องการเป็นใหญ่ในเอเชียตะวันออก ต้องการจะเป็นชาติผู้นำในดินแดนนี้ และดูเหมือนความไม่สงบในจีน คือโอกาสสำคัญสำหรับญี่ปุ่น
หนึ่งในสถานที่ที่ญี่ปุ่นต้องการยึดครอง ก็คือ “แมนจูเรีย (Manchuria)” ซึ่งเป็นดินแดนทางเหนือของจีน อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรสำคัญ และประชากรก็ยังไม่มาก
และภายหลังจากที่จีนถูกกดดันทั้งทางทหารและทางการเมือง สุดท้ายในช่วงปลายยุค 20 (พ.ศ.2463-2472) จีนก็ต้องยอมให้ญี่ปุ่นเข้าควบคุมการรถไฟในแมนจูเรีย และในปีค.ศ.1931 (พ.ศ.2474) ความขัดแย้งก็ได้เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งในทางรถไฟถูกระเบิด
แต่ในความเป็นจริง การโจมตีนี้เป็นความผิดของญี่ปุ่น หากแต่ญี่ปุ่นก็ใช้เป็นข้ออ้างในการขยายอิทธิพล ดังนั้น หลังการระเบิดผ่านไป ญี่ปุ่นก็ได้ใช้กำลังทหารเข้ารุกรานแมนจูเรีย
1
นอกจากนั้น ญี่ปุ่นยังมุ่งไปทางใต้ ยึดครองดินแดนมากขึ้นอีกเรื่อยๆ
ในปีค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) กองทัพญี่ปุ่นซึ่งตั้งค่ายใกล้กับปักกิ่ง ก็พบว่าทหารของตนนั้นหนีทัพ จึงมีการออกตระเวนหาทหารหนีทัพ
กองทัพญี่ปุ่นได้พยายามจะเข้าค้นหมู่บ้านแห่งหนึ่งเพื่อตามหาทหารหนีทัพ แต่ทหารจีนได้ห้ามไว้ ไม่อนุญาตให้เข้า จึงเกิดการปะทะและทำให้ญี่ปุ่นมีข้ออ้างในการทำสงครามเต็มรูปแบบ
ทางด้านเจียงไคเชก ก็ได้ย้ายฐานธุรกิจต่างๆ ไปยังนานกิง หากแต่ด้วยความที่กองทัพจีนนั้นอ่อนแอ ไม่ได้รับการฝึกอย่างดีนัก ทำให้กองทัพญี่ปุ่นสามารถเอาชนะได้ไม่ยาก
ชัยชนะของญี่ปุ่นนำไปสู่เหตุการณ์ “การสังหารหมู่ที่นานกิง (Nanjing Massacre)” ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเดือนธันวาคม ค.ศ.1937 (พ.ศ.2480) ถึงเดือนมกราคม ค.ศ.1938 (พ.ศ.2481)
1
เหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิตระหว่าง 50,000-300,000 คน
การสังหารหมู่ที่นานกิง (Nanjing Massacre)
ต่อมาในวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ.1941 (พ.ศ.2484) ภายหลังจากที่ถูกกีดกันทางการค้าและทรัพยากรจากสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นก็ได้โจมตีฐานทัพ “เพิร์ลฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor)” ซึ่งเป็นฐานทัพอเมริกันที่ฮาวาย ทำให้สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมในสงครามอย่างเต็มตัว
สหรัฐอเมริกาได้ตกลงเป็นพันธมิตรกับจีน ทำให้สถานการณ์เริ่มพลิก และทำให้ญี่ปุ่นตกที่นั่งลำบาก
2
ภายหลังจากพ่ายแพ้ใน “ยุทธการมิดเวย์ (Battle of Midway)” ในปีค.ศ.1942 (พ.ศ.2485) ญี่ปุ่นก็กลับเป็นฝ่ายตั้งรับมากกว่าจะบุก
พฤษภาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) เยอรมนีประกาศยอมแพ้ ทำให้ญี่ปุ่นต้องสู้อย่างโดดเดี่ยวโดยปราศจากพันธมิตร
เพิร์ลฮาร์เบอร์ (Pearl Harbor)
ในที่สุด สิงหาคม ค.ศ.1945 (พ.ศ.2488) สหรัฐอเมริกาได้ทิ้งระเบิดปรมาณูลงยังเมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิ ทำให้ญี่ปุ่นต้องยอมแพ้สงคราม
สรุปตัวเลขผู้เสียชีวิตฝ่ายจีนในสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่ที่ประมาณ 19.5 ล้านคน และในเวลาต่อมา ค.ศ.1946 (พ.ศ.2489) สงครามกลางเมืองในจีนก็ได้กลับมาอีกครั้ง หลังจากหยุดไปในช่วงที่ญี่ปุ่นมีอำนาจในจีน
ในช่วงเวลานี้ พรรคคอมมิวนิสต์เรืองอำนาจ และในปีค.ศ.1949 (พ.ศ.2492) คอมมิวนิสต์ก็ได้ประกาศชัยชนะและก่อตั้ง “สาธารณรัฐประชาชนจีน (People's Republic of China)” โดยมีเหมาเจ๋อตุงเป็นผู้นำ และทำให้กลุ่มชาตินิยมต้องหนีไปไต้หวัน
การทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่า
สำหรับบทสรุป ก็อาจจะเห็นได้ว่าจีนเป็นชาติที่สำคัญชาติหนึ่งในสงครามโลกครั้งที่ 2 และหากไม่มีจีน ชาติสัมพันธมิตรก็อาจจะเอาชนะญี่ปุ่นได้ยากขึ้น
นี่ก็เป็นประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งที่น่าจดจำ
โฆษณา