Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
jutama_story
•
ติดตาม
6 มี.ค. 2023 เวลา 12:15 • นิยาย เรื่องสั้น
คุณยายสายแบ๊วและนางสาวแป๋วแหวว
jutama_story ขอเสนอ
คุณยายสายแบ๊วและนางสาวแป๋วแหวว
: นวนิยาย โดย ปิ่นกุสุมาลย์
บทที่ 5 ฝ่าอุปสรรค
“บ้านใกล้จะเสร็จแล้วนะคะพี่ปาน ช่างเขาทำงานกันเร็วมาก ๆ เลยค่ะ ช่วงวันหยุดยาวที่จะถึงนี้ เราสามารถรับแขกเพิ่มได้อีก 12 คนเป็นอย่างน้อย ไม้เราก็ยังเหลืออีกเยอะเลยค่ะพี่ปาน”
ระหว่างที่ช่วยกันจัดเตรียมอาหารมื้อเช้าสำหรับแขกที่เข้ามาพักในโฮมสเตย์ปวริศากับปานวาดก็ชวนกันปรึกษาหารือเรื่องกิจการไปด้วย
“พี่ว่าพอก่อนนะ แค่ 10 หลังก็พอ ถ้าไม้เหลือเยอะพี่ว่าเราขยายร้านขายของฝากดีกว่า จะได้แยกโซนของฝากไม่ต้องรวมกับโซนอาหาร”
“ก็ดีค่ะพี่ปาน เราจะได้วางของขายได้เพิ่มมากขึ้น”
“เราคิดไม่ผิดหรอกที่ขายบ้านที่กรุงเทพฯ แล้วตัดสินใจมาอยู่ที่นี่ และเราก็โชคดีมากเลยนะจ๊ะที่ได้มาเจอกับคุณยายคุณยายเป็นทั้งลูกค้าเป็นทั้งที่ปรึกษาของเรา คุณยายเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ของเรานะจ๊ะน้องแป๋ว
หากไม่มีคุณยายพวกเราก็คงจะไม่รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยแบบนี้แน่ นอกจากคุณยายแล้วเราก็ไม่มีญาติที่ไหน เราต้องช่วยกันดูแลให้ท่านมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ท่านจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ นะจ๊ะ”
“ค่ะพี่ปาน ตอนบ่าย ๆ เราไปเยี่ยมคุณยายกันดีไหมคะ เอาขนมหม้อแกงสูตรของพี่ปานไปให้คุณยายลองชิมด้วย”
“ดีจ้ะน้องแป๋ว”
ในแปลงผักตอนนี้ฟักทอง เผือก มัน ออกผลออกหัวเยอะมาก ปานวาดเลยนำมาแปรรูปเป็นขนมต่าง ๆ
ปานวาดจบมาจากโรงเรียนการเรือน สาขาวิชาเทคโนโลยีการประกอบอาหารและการบริการ เธอเลยสามารถที่จะนำวัตถุดิบที่มีมาดัดแปลงทำเมนูคาวหวานได้สารพัด
ส่วนปวริศาจบมาทางด้านกฎหมายเธอเลยเลือกที่จะบริหารจัดการในส่วนที่ตนเองถนัด
“ปีกว่าแล้วนะคะพี่ปาน ที่เราเปิดโฮมสเตย์ ทุกครั้งที่มีแขกเข้ามาพัก เข้ามาใช้บริการในคาเฟ่ของเรา แป๋วยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่เลยค่ะพี่ปาน แป๋วไม่ได้คิดว่าทุกอย่างมันจะลงตัวได้ดีขนาดนี้”
“นี่ก็เข้าหน้าฝนแล้ว ปีนี้ไม่รู้ว่าฝนฟ้าจะสักประมาณไหน ถ้าจะปลูกผักอะไรในช่วงนี้ น้องแป๋วต้องปรึกษากับคุณลุงมนูญให้ดีก่อนนะ ถ้าฝนตกเยอะเกินไปก็อาจจะมีผลกับพืชผักบางชนิดได้นะจ๊ะ”
“ได้ค่ะพี่ปาน แป๋วคิดว่าจะลงไม้ผลเพิ่มค่ะ ช่วงหน้าฝนน่าจะเหมาะกับต้นไม้จำพวกนี้ ปี ๆ นึงแป๊บเดียว อีกไม่นานต้นไม้ที่เราปลูกเอาไว้ก็จะออกดอกออกผลให้เราได้เก็บเกี่ยว ถึงตอนนั้นสวนของเราก็จะเต็มไปด้วยผลไม้เช่นเดียวกันกับสวนของคุณยาย แป๋วว่าเมื่อถึงตอนนั้นแป๋วคงจะรู้สึกมีความสุขมากแน่ ๆ เลยค่ะพี่ปาน”
เมื่อพูดถึงไม้ผลปวริศาก็คิดถึงกล้าไม้และพาให้คิดถึงปริญขึ้นมาด้วย
“จ้ะน้องแป๋ว ช่วงหน้าฝนแขกก็อาจจะลดลงหน่อยนะพี่ว่า แต่ก็ไม่แน่นะ เพราะปีที่ผ่านโฮมสเตย์ของเราก็มีแขกเข้ามาพักเต็มตลอด วันหยุดยาวที่จะถึงก็มีคนจองเต็มหมดแล้วจ้ะน้องแป๋ว”
“เหรอคะพี่ปาน ดีจังเลยค่ะ เราหาคนงานในครัวมาเพิ่มอีกสักคนไหม ในช่วงวันหยุดยาวเราจะได้ไม่เหนื่อยมาก”
“ก็ดีนะจ๊ะ เดี๋ยวพี่จะได้เพิ่มจำนวนอาหารที่แปรรูปด้วย เพราะที่ผ่านมาเราทำออกมาเท่าไหร่ก็ขายได้หมดตลอด”
“ถ้าอย่างนั้นแป๋วจะบอกให้พี่ใจไปจัดหาคนมาเพิ่มนะคะพี่ปาน เดี๋ยวแป๋วจะเดินเข้าไปในแปลงผักนะคะ จะได้ไปปรึกษาคุณลุงมนูญเรื่องปลูกต้นไม้ด้วยค่ะ”
“จ้ะ น้องแป๋ว”
หลังจากที่คุยปรึกษาเรื่องกิจการของโฮมสเตย์กับพี่สาวแล้วปวริศาก็เข้ามาในแปลงผักเพื่อปรึกษากับคุณลุงมนูญเรื่องปลูกต้นไม้
“สวัสดีค่ะคุณลุง วันนี้เป็นไงบ้างคะ พืชผักของเราเก็บได้เยอะไหม”
“เยอะอยู่ครับคุณแป๋ว ลุงบอกให้คนงานเขาแพ็คอยู่ครับ เดี๋ยวก็จะเรียกให้ไอ้จอมมันมาขนไปที่ร้านครับ”
“แล้วนั่นคุณลุงกำลังจะทำอะไรคะ”
“ลุงจะเพาะเบี้ยใหม่ครับ คราวนี้เพาะพวกพืชผักที่ทนฟ้าทนฝนครับ เพราะเข้าหน้าฝนแล้ว เราต้องเปลี่ยนมาปลูกพืชผักที่เหมาะกับฤดูฝนครับคุณแป๋ว”
“นี่แหละค่ะ เรื่องที่แป๋วจะมาปรึกษากับคุณลุง”
“คุณแป๋วไม่ต้องเป็นห่วงครับเดี๋ยวลุงจัดการให้เรียบร้อยครับ”
“คุณลุงคะ คือแป๋วต้องการกล้าไม้เพิ่มค่ะ แป๋วอยากให้คุณลุงไปเลือกด้วยตัวเอง ช่วงไหนที่ว่างจากในแปลงผัก คุณลุงบอกแป๋วนะคะ แป๋วจะได้ให้จอมขับรถพาคุณลุงไปเลือกซื้อนะคะ”
“ครับคุณแป๋ว เป็นพรุ่งนี้ก็ได้ครับ เพราะวันนี้ลุงก็เพาะเบี้ยเสร็จครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเช้าลุงจะรีบมาดูแลเรื่องเก็บและแพ็คพืชผักให้เสร็จเรียบร้อยครับ สาย ๆ ก็ไปได้เลยครับคุณแป๋ว”
“ได้ค่ะคุณลุง งั้นแป๋วขอตัวเดินไปดูพืชผักในเพิงพักนะคะ”
ปวริศาพูดคุยกับคุณลุงมนูญเสร็จแล้วก็เดินไปดูคนงานที่ตอนนี้กำลังช่วยกันแพ็คพืชผัก เพื่อที่จะนำไปวางขายที่คาเฟ่
“เป็นไงบ้างคะ ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วยัง วันนี้อะไรเก็บได้เยอะที่สุด”
“วันนี้ถั่วฝักยาวเก็บได้เยอะที่สุดค่ะคุณแป๋ว ครั้งนี้ถั่วฝักยาวของเรางอกงามมาก เลยต้องรีบเก็บฝักที่กำลังพอดี ถ้าหากปล่อยไว้จนถึงวันพรุ่งนี้ฝักก็จะพองไม่สวยแบบนี้แล้วค่ะ”
“อ๋อ เหรอคะ ไหนดูซิ”
ปวริศาชวนคนงานคุยไปด้วยตรวจตราความเรียบร้อยของแพคเกจไปด้วย เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินกลับมาที่คาเฟ่เพื่อที่จะไปส่งปิ่นโตให้กับคุณยายอ่อนตามปกติ
“สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับนะคะ ” ปานวาดยืนต้อนรับแขกที่กำลังทยอยเข้ามารับกุญแจของบ้านพัก พร้อมกับยื่นกุญแจให้กับจอมเพื่อให้จอมไปเปิดบ้านให้แขกเข้าพัก
“นี่จ้ะจอม” ตอนนี้จอมกับใจสองคนพี่น้องรับหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของบ้านพักทั้งหมด
“แขกที่จองบ้านพักเอาไว้ต่างทยอยกันเข้ามาที่โฮมสเตย์จนครบทุกหลังแล้วนะจ๊ะน้องแป๋ว” ปานวาดหันมาคุยกับน้องสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในคาเฟ่
“ค่ะพี่ปาน ช่วงนี้เป็นหน้าฝนการเดินทางน่าจะยุ่งยากกว่าปกตินะคะ”
“คงจะใช่จ้ะ เพราะมีแขกจำนวนมากเพิ่งจะมาถึงกัน ครั้งนี้เรามีแขกรวมทั้งหมด 45 คนนะจ๊ะน้องแป๋ว”
“ค่ะพี่ปาน วันนี้เราคงพาแขกเข้าไปทำกิจกรรมในแปลงผักไม่ทันแล้ว คงต้องเปลี่ยนเป็นวันพรุ่งนี้ หลังมื้อค่ำแป๋วจะแจ้งรายละเอียดของกิจกรรมอีกครั้ง เดี๋ยวแป๋วจะไปบอกให้คุณลุงเตรียมความพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้นะคะพี่ปาน”
“จ้ะ น้องแป๋ว”
ปวริศาเดินเข้ามาในแปลงผักที่ตอนนี้มีคุณลุงมนูญและคนงานรอทำหน้าที่สาธิตวิธีการปลูกผักไฮโดรพอนิกส์อยู่
“อ้าว คุณแป๋ว ทำไมมาคนเดียวละครับ”
“พอดีแขกเขามาถึงโฮมสเตย์ของเราช้ากว่าเวลาปกติหลายคนค่ะคุณลุง เลยยกเลิกกิจกรรมของวันนี้ เปลี่ยนไปทำกันวันพรุ่งนี้ค่ะ”
“เอาอย่างนั้นเหรอครับ เดี๋ยวลุงจะได้ให้คนงานไปทำอย่างอื่นก่อนครับ”
“ค่ะคุณลุง งั้นแป๋วกลับเลยนะคะ จะได้ไปช่วยพี่ปานจัดเตรียมอาหารมื้อค่ำค่ะ”
“ครับคุณแป๋ว”
ระหว่างที่เดินกลับมาโฮมสเตย์ ปวริศารู้สึกคิดถึงปริญ คิดถึงตอนที่ร่วมกันทำกิจกรรม แล้วก็พูดกับตัวเองว่า "เออ เรายุ่ง ๆ จนลืมเขาไปเลยนะ นี่ก็จะ 3 เดือนแล้วที่หายไป"
"หลังมื้ออาหารเช้าของวันพรุ่งนี้ หากท่านใดสนใจที่จะเข้าร่วมทำกิจกรรมกับทางโฮมสเตย์ของเราก็ขอเชิญได้นะคะ เราจะพาท่านเข้าไปชมแปลงผักไฮโดรฯ และแปลงผักออร์แกนิกของเราและให้ท่านได้ทดลองปลูกและเก็บพืชผักสำหรับใช้ปรุงอาหารในมื้อค่ำด้วยค่ะ
หากท่านใดสนใจที่จะเข้าร่วมทำกิจกรรมก็ขอเชิญรวมตัวกันที่นี่ตอน 11 นาฬิกานะคะ เราจะใช้เวลาอยู่ในแปลงผักประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ
ปกติแล้วเราจะทำกิจกรรมกันในช่วงบ่าย 3 โมงถึง 5 โมงเย็นค่ะ แต่ช่วงนี้หน้าฝน ฝนตกชุกมาก ช่วงบ่ายเลยไม่สะดวกเท่าที่ควร ขอเชิญนะคะทุกท่านเดี๋ยวเราไปร่วมทำกิจกรรมสนุก ๆ กันค่ะ
คืนนี้ขอให้ทุกท่านนอนหลับพักผ่อนท่ามกลางสายฝนอย่างมีความสุขนะคะ ดิฉันคิดว่าคืนนี้ฝนคงจะโปรยปรายอย่างนี้ทั้งคืนแน่ค่ะ"
หลังอาหารมื้อค่ำปวริศาได้แจ้งโปรแกรมกิจกรรมกับแขกที่เข้ามาพักในโฮมสเตย์
...............
สวัสดีตอนเช้าค่ะคุณลุง เดี๋ยววันนี้หลังมื้ออาหารเช้าแป๋วจะพาแขกที่เข้าร่วมกิจกรรมเข้ามาในแปลงผักนะคะ"
“ครับคุณแป๋ว เดี๋ยวลุงจะจัดเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อมครับ”
“งั้นแป๋วขอเดินไปดูพืชผักในเพิงพักนะคะ”
ปวริศาบอกกับคุณลุงมนูญแล้วเดินไปที่เพิงพักสำหรับเก็บพืชผักเพื่อเตรียมแพ็ค
“เป็นไงบ้างพี่หนู วันนี้ได้ผักเยอะไหม มีผักอะไรที่เสียหายบ้าง”
“เก็บได้เยอะอยู่ค่ะ มีผักกาดที่ใบจะช้ำ ๆ หน่อยค่ะ แต่ก็ไม่เยอะ และก็มีถั่วฝักยาวนี่แหละค่ะ ที่มีฝักพองเยอะหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็แยกฝักที่พองไว้ต่างหากนะคะ เดี๋ยวจะเอาไปแปรรูปเป็นผักดองค่ะ”
“ค่ะคุณแป๋ว”
“อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมคะ”
“ไม่มีแล้วค่ะคุณแป๋ว”
“งั้นแป๋วกลับก่อนนะคะ”
หลังจากตรวจตราพืชผักเสร็จแล้วปวริศาก็เดินกลับมาที่คาเฟ่เพื่อที่จะเอาปิ่นโตไปส่งให้กับคุณยายอ่อนตามปกติ
“สวัสดีค่ะคุณยาย แป๋วมาแล้วค่ะ” ปวริศาพร้อมโถข้าวและปิ่นโตเถาใหญ่ส่งเสียงเรียกคุณยายอ่อนเมื่อเดินเข้ามาถึงหน้าบ้าน
“จ้ะหนูแป๋ว เข้ามาสิจ๊ะ"
ปวริศาเดินตรงเข้าไปที่โต๊ะอาหารแล้ววางโถข้าวกับปิ่นโตลงบนโต๊ะ
"เป็นไงบ้าง ที่โฮมสเตย์ยุ่งมากไหม"
“ไม่มากค่ะคุณยาย แต่จะขลุกขลักนิดหน่อยค่ะเพราะช่วงนี้หน้าฝน”
คุณยายอ่อนชวนปวริศาคุยระหว่างที่เธอจัดโต๊ะอาหาร
“มาค่ะคุณยาย ทานอาหารอร่อย ๆ ของฝีมือพี่ปานกันค่ะ วันนี้มีผัดฟักทองกับไข่ของโปรดของคุณยายด้วยนะคะ”
ปวริศาบอกกับคุณยายอ่อนพร้อมกับประคองคุณยายอ่อนมานั่งที่โต๊ะอาหาร
“เมื่อคืนฝนตกโปรยปรายทั้งคืนเลย นี่ก็ยังปรอย ๆ อยู่เลย ยายว่าวันนี้ยายจะไม่เดินไปที่บ้านของคุณตานะจ๊ะหนูแป๋ว”
“ค่ะคุณยาย คุณยายทานเยอะ ๆ นะคะ”
"จ้ะหนูแป๋ว"
"ลองชิมแกงบวชฟักทองนี้หน่อยนะคะคุณยาย"
ปวริศาตักแกงบวชฟักทองใส่ถ้วยเสร็จแล้วยกไปวางให้กับคุณยายอ่อนหลังจากที่เห็นคุณยายอ่อนรวบช้อน
“ตอนนี้ฟักทองของเราออกผลเยอะมากจริง ๆ ค่ะคุณยาย และก็ขายดีมากด้วยค่ะ เดี๋ยวนี้พืชผักในแปลงออกเยอะมากค่ะ ช่วงนี้แป๋วก็ให้จอมขับรถเข้าไปส่งพืชผักให้กับแม่ค้าที่ขายพืชผักออร์แกนิกในตัวเมืองด้วยนะคะคุณยาย
“งั้นเหรอจ๊ะ ดีเลยจ้ะ จอมมันจะได้มีงานมีการที่มั่นคงทำ แบบนี้ก็เท่ากับว่าหนูแป๋วกำลังขยายตลาดสินะจ๊ะ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะคุณยาย ถ้าเรามีตลาดรองรับเราก็สามารถปลูกพืชผักสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันได้ตลอดโดยไม่ต้องกลัวว่าพืชผักของเราจะเหลือค่ะคุณยาย”
“ไม่ต้องกลัวหรอกจ้ะ หากขายไม่หมดเราก็แปรรูปได้ หนูปานมีกรรมวิธีอยู่แล้วจ้ะ แบบนี้คนงานก็มีงานทำตลอด หนู 2 คนพี่น้องสร้างงานให้กับหลาย ๆ คนนะจ๊ะ พวกเขาจะได้ไม่ต้องทิ้งครอบครัวทิ้งถิ่นฐานไปทำงานรับจ้างไกลบ้าน ยายขอให้บุญกุศลของการคิดดีทำดีของพวกหนูคุ้มครองพวกหนูให้ปลอดภัยจากสิ่งร้าย ๆ นะจ๊ะ”
“ขอบพระคุณค่ะคุณยาย”
"วันนี้เราไม่เดินไปที่บ้านของคุณตานะจ๊ะ หนูแป๋วกลับไปโฮมสเตย์ได้เลยนะไม่ต้องเป็นห่วงยาย"
คุณยายอ่อนรู้ว่าวันนี้ปวริศาต้องพาแขกเข้าไปทำกิจกรรมในแปลงผักอีกเลยบอกให้เธอรีบกลับ
"ค่ะคุณยาย งั้นแป๋วกลับก่อนนะคะ"
“ขอเชิญทุกท่านทางด้านนี้ค่ะ”
ปวริศาชักชวนแขกที่เข้าร่วมทำกิจกรรมมารวมตัวกันเพื่อเตรียมเดินเข้าไปในแปลงผัก
“หากทุกท่านพร้อมแล้วเราไปกันเลยค่ะ”
แขกที่เข้ามาร่วมกิจกรรมประมาณ 30 คน ทุกคนอยู่ในชุดคลุมกันฝนที่ทางโฮมสเตย์เตรียมไว้ให้
“อีกประมาณ 200 เมตรก็ถึงแล้วค่ะทุกท่าน”
ปวริศาแจ้งให้แขกที่มาเข้าร่วมทำกิจกรรมเตรียมความพร้อม
“ถึงแล้วค่ะ ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่แปลงผักไฮโดรฯ และออร์แกนิกของเรานะคะ”
ปวริศาพาแขกทุกคนเข้ามาในแปลงผักไฮโดรพอนิกส์ ที่มีคุณลุงมนูญ คุณลุงสุข และ คนงานผู้หญิงอีก 3 คนกำลังรออยู่
“เดี๋ยวทางทีมงานของเราจะสาธิตวิธีการปลูกให้ทุกท่านดูก่อนนะคะ หากท่านใดไม่สนใจที่จะทดลองปลูก แต่สนใจที่จะทดลองเก็บพืชผักกับเราก็ขอเชิญทางด้านนี้ได้เลยนะคะ”
ปวริศาพร้อมกับคุณลุงสุขและคนงานผู้หญิงอีก 1 คน เดินนำแขกประมาณ 10 คนเข้าไปในแปลงผักออร์แกนิกแล้วทำการสาธิตวิธีการเก็บพืชผักในแปลง
วันนี้ไม่มีจอมมาช่วยเพราะจอมต้องไปซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับใช้ในโฮมสเตย์
“ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องกลับกันแล้วนะคะ”
ปวริศาเดินกลับมาดูแขกกลุ่มที่กำลังชวนกันปลูกผักไฮโดรพอนิกส์ ที่มีคุณลุงมนูญเป็นคนแนะนำขั้นตอนวิธีการของการปลูกให้กับแขกที่สนใจจะกลับไปทดลองปลูกที่บ้านอย่างละเอียด
“เป็นไงคะสนุกกันไหม พอจะได้ความรู้กลับไปปลูกเองที่บ้านบ้างไหมคะ เดี๋ยวอีกสักพักก็จะได้เวลากลับกันแล้วนะคะ ตอนบ่ายท่านใดสนใจจะไปชมแปลงดอกไม้ก็ขอเชิญนะคะ หรือจะขับรถชมธรรมชาติแถวใกล้ ๆ โฮมสเตย์ของเราก็ได้ค่ะ เลยไปทางโน้นอีกนิดเดียวก็ถึงศูนย์วิจัยแล้วนะคะ”
ปวริศาแจ้งกับแขกเมื่อใกล้ได้เวลาที่จะออกจากแปลงผักกลับโฮมสเตย์
“แป๋วกลับเลยนะคะคุณลุง พืชผักที่เก็บได้คุณลุงช่วยให้ใครเอาไปส่งที่โรงครัวด้วยนะคะ วันนี้จอมไม่ได้เข้ามาในแปลงผักนะคะ วันนี้จอมเขาเข้าไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ในตัวเมืองค่ะคุณลุง"
“ครับคุณแป๋ว”
"ได้เวลากลับกันแล้วนะคะเชิญทุกท่านเดินตามดิฉันมาได้เลยค่ะ"
หลังจากพาแขกออกมาจากแปลงผักปวริศาก็มาช่วยปานวาดจัดเตรียมอาหารมื้อค่ำตามปกติ
“ใกล้จะมืดค่ำแล้วทำไมจอมถึงยังไม่กลับมาอีก” ปานวาดบ่นเพราะรอที่จะเอาของบางอย่างมาใช้ปรุงอาหาร
“แป๋วว่าน่าจะมีปัญหาอะไรสักอย่าง ไม่อย่างนั้นจอมคงจะกลับมาถึงแล้ว จอมเขาไม่ได้เป็นคนเหลวไหลนะคะพี่ปาน”
ปวริศาตั้งข้อสงสัย
“หรือรถจะมีปัญหา หรือจะเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้ฝนก็เริ่มตกหนักอีกแล้ว จอมก็เป็นเหมือนคนในครอบครัวของเรานะจ๊ะน้องแป๋ว เป็นแบบนี้ยิ่งทำให้พี่เป็นห่วงอีก”
“พี่ปานไปดูในครัวเถอะค่ะ ไม่ต้องรอจอมหรอก ทำอาหารเท่าที่เรามีอยู่ในครัวก็พอค่ะ เกิดจอมมีปัญหาอะไรแล้วไม่ได้กลับมาวันนี้ เราจะปรุงอาหารกันไม่ทันนะคะ”
“จ้ะ น้องแป๋วจัดการทางนี้ไปพลาง ๆ นะ”
ปานวาดบอกให้น้องสาวจัดเตรียมจานชามภาชนะต่าง ๆ สำหรับรับรองแขกไปคนเดียวก่อน เธอจะเข้าไปดูในโรงครัวที่ตอนนี้แม่ครัวกับลูกมือ 3 คนกำลังช่วยกันเตรียมวัตถุดิบเพื่อปรุงอาหารคาวหวานสำหรับมื้อค่ำที่จะถึง
“เป็นไงบ้างคะน้านวล วัตถุดิบของเรามีพอที่จะทำได้สักกี่เมนูคะ”
“ได้ 8 เมนูค่ะคุณปาน"
วันนี้รายการอาหารมี 8 เมนู คือผัดผักรวมใส่กุ้งแห้ง ผัดฟักทองใส่ไข่ ชุดน้ำพริกผักลวก แกงเขียวหวานไก่ใส่ฟักแฟง แกงส้มปลาย่างใส่หัวไช้เท้าและผักกวางตุ้ง และแกงเลียงที่มีฟักทอง ฟักแฟง เห็ดฟาง กุ้งสดและใบแมงลัก และมีบัวลอยน้ำขิงเป็นเมนูของหวาน แล้วก็มีแตงโมกับมะละกอเป็นเมนูผลไม้
“เครื่องปรุงรสของเรามีพอไหมคะ ตอนนี้จอมยังไม่กลับมาเลยค่ะ”
“น่าจะพอนะคะคุณปาน หากไม่พอเดี๋ยวน้าจะให้ไอ้นอมมันวิ่งไปซื้อจากร้านชำใกล้ ๆ ก่อนก็ได้ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาลงมือปรุงกันเลยดีกว่าค่ะ เริ่มจากแกงเขียวหวานไก่ก่อนเลยนะคะ”
ทุกเมนูครัวของโฮมสเตย์จะใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ในแปลงผักเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นฟักทอง ฟักแฟง หัวไชเท้า ผักกวางตุ้ง ใบแมงลัก หรือผักต่าง ๆ ที่นำมาผัดมาลวกก็ล้วนแต่มีอยู่ในแปลงผัก
"อ้าว จอมกลับมาแล้วเหรอ"
"ครับคุณแป๋ว"
"มีปัญหาอะไรหรือเปล่าจอม" ปวริศาเห็นอาการผิดปกติของจอมเลยรีบถาม
“ระหว่างทางฝนตกหนักมากเลยครับคุณแป๋ว น้ำหลากเข้าท่วมในตัวเมืองทำให้ถนนเส้นที่จะเข้ามาที่โฮมสเตย์ของเราขาดครับ นี่ผมก็ขับรถกลับไปจอดไว้ที่บ้านญาติ แล้วให้เขาขับมอเตอร์ไซค์มาส่งตรงที่ถนนขาด และก็เดินเลาะมาหามอเตอร์ไซค์ของชาวบ้านแถวนั้นให้เขามาส่งครับ ข้าวของก็ยังอยู่ในรถขนกลับมาด้วยไม่ได้ครับคุณแป๋ว”
จอมบอกปวริศาด้วยความกระวนกระวายใจ เพราะข้าวของเครื่องใช้สำหรับใช้รับรองแขกที่กำลังพักอยู่ในโฮมสเตย์ขนเอามาไม่ได้
“ไม่เป็นไรจ้ะจอม เดี๋ยวค่อยคิดหาวิธีกัน ตอนนี้ข้าวของเครื่องใช้ของเรายังมีพอสำหรับวันพรุ่งนี้ จอมไปพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันไปคุยกับพี่ปานก่อน ตกลงว่าจะทำอย่างไรแล้วเดี๋ยวฉันจะเรียกจอมนะ”
“ครับคุณแป๋ว”
ปวริศาดูท่าทางจอมจะเหนื่อยมากเลยบอกให้เขากลับไปพักผ่อนก่อน
“เราจะทำอย่างไรกันดีคะพี่ปาน ถนนเส้นที่จะมาโฮมสเตย์ของเราขาด ตะกี้จอมเพิ่งจะนั่งมอเตอร์ไซค์มาถึง ข้าวของก็ยังขนมาไม่ได้”
“เดี๋ยวเรารอดูฟ้าฝนวันพรุ่งนี้ก่อน นี่ตอนนี้ที่นี่ก็ยังไม่ยอมหยุดตกเลย ถนนขาดแบบนี้แขกก็ออกกลับกันไม่ได้ อย่างไรพรุ่งนี้เราก็ต้องไปขนข้าวของมาให้ได้ เพราะไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีอะไรรับรองแขกนะจ๊ะน้องแป๋ว”
“ค่ะพี่ปาน เดี๋ยวพรุ่งนี้แป๋วจะให้จอมกับคนงานไปขนมาให้ได้ค่ะ พี่ปานไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
ปานวาดกังวลเรื่องการรับรองแขก ไม่อยากให้ชื่อเสียงของโฮมสเตย์เสียหาย
“ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ฝนยังไม่ยอมหยุดเลย แต่อย่างไรเราก็ต้องไปขนข้าวของเครื่องใช้มาให้ได้ ไม่อย่างนั้นวันพรุ่งนี้เราจะไม่มีอะไรรับรองแขกนะจ๊ะน้องแป๋ว”
“เดี๋ยวแป๋วจะให้จอมไปจัดการขนมาค่ะพี่ปาน”
“ฝนตกหนักแบบนี้อีกกี่วันถนนถึงจะซ่อมได้ ถ้าถนนไม่เสร็จแขกก็ไม่สามารถขับรถออกกลับไปได้ อย่างไรเราก็ต้องไปซื้อข้าวของมาเพิ่มนะจ๊ะน้องแป๋ว”
“ค่ะพี่ปานเดี๋ยวแป๋วให้จอมไปซื้อมาเพิ่มด้วยเลยค่ะ”
หลังจากที่พูดคุยปรึกษากับปานวาดเสร็จแล้วปวริศาก็เรียกให้จอมไปตามคนงานในแปลงผักมา 1 คนเพื่อไปช่วยจอมขนข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อเมื่อวานกลับมาที่โฮมสเตย์ก่อนสักรอบหนึ่งแล้วค่อยกลับเข้าไปในตัวเมืองอีกรอบเพื่อซื้อข้าวของเครื่องใช้มาเพิ่มโดยใช้รถยนต์คันเก่าที่ใช้ขนพืชผักในแปลงไปตอน
“เจอเหตุการณ์แบบนี้ต้องเหนื่อยหน่อยนะจอม”
“ไม่เป็นไรครับคุณแป๋ว สบายมากครับ ผมก็เป็นห่วงกลัวแต่ทางโฮมสเตย์ของเราจะรับรองแขกได้ไม่ดีครับ”
“ถ้าเราไม่ขาดข้าวของเครื่องใช้จำพวกนี้ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เพราะพืชผักของเราก็มีมากพอที่จะใช้สำหรับปรุงอาหารจ้ะจอม”
ปวริศายื่นเงินพร้อมรายการข้าวของเครื่องใช้ที่จะต้องซื้อให้กับจอม แล้วเดินเข้าไปในแปลงผัก
“อ้าว คุณปริญ มาอย่างไรกันค่ะนั่น”
ปริญกับเจตน์ลูกน้องคนสนิทขับรถยนต์ของเขามาจอดไว้ที่บ้านของชาวบ้านใกล้ ๆ กับที่ถนนขาดแล้วเดินลัดเลาะมาเอารถมอเตอร์ไซค์ที่บ้านพ่อของเจตน์เพื่อใช้ขับมาที่โฮมสเตย์ บ้านของเจตน์ลูกน้องคนสนิทของปริญอยู่ไม่ไกลกับโฮมสเตย์มากนัก เมื่อวานญาติของเจตน์เขาส่งข่าวไปบอกว่าถนนขาด เลยทำให้ปริญได้รู้ และชวนกันมาดูว่ามีอะไรที่พอจะช่วยเหลือได้บ้าง
“ผมรู้ข่าวว่าถนนทางเข้าโฮมสเตย์ขาดครับ เลยมาดูเผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้างครับ”
ปริญในชุดคลุมกันฝนตอบปานวาด
“มีปัญหาอะไรที่ผมพอจะช่วยได้บ้างไหมครับคุณปานวาด”
“อ๋อ ตอนนี้มีแขกอยู่จำนวนนึงยังติดอยู่ที่นี่เพราะไม่สามารถเอารถข้ามไปได้ค่ะ ปัญหาอย่างอื่นไม่มีค่ะคุณปริญ”
“ขอบคุณคุณปริญมากเลยนะคะที่อุตส่าห์เป็นห่วง เชิญนั่งก่อนค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเอาน้ำเย็น ๆ มาให้ดื่มค่ะ”
"ครับ"
“ดื่มน้ำก่อนนะคะ”
ปานวาดวางถาดที่มีแก้วน้ำลงบนโต๊ะแล้วยกเสริฟให้กับปริญและเจตน์
“ฝนตกหนักติดต่อกันอย่างนี้มีผลกับพืชผักบ้างหรือเปล่าครับคุณปานวาด”
“ตอนนี้น้องแป๋วกำลังไปดูอยู่ค่ะ เห็นบอกว่าจะเร่งให้คนงานเก็บส่วนที่กำลังจะเสียหายก่อนค่ะคุณปริญ”
“อ๋อ อย่างนั้นเดี๋ยวผมขอเดินเข้าไปดูในแปลงผักนะครับ เผื่อจะช่วยอะไรคุณปวริศาได้บ้าง”
“ได้ค่ะคุณปริญ เดี๋ยวกลับมาทานมื้อเที่ยงที่นี่นะคะ ดิฉันจะจัดเตรียมไว้ให้ค่ะ
“ครับ ได้ครับคุณปานวาด”
“อ้าว คุณปริญ มายังไงล่ะครับเนี่ย”
คุณลุงมนูญที่อยู่ในชุดคลุมกันฝนขนพืชผักเข้ามาวางในเพิงพักทักทายปริญกับเจตน์ที่เดินเข้ามาในเพิงพักด้วยความดีใจ
“ผมทราบข่าวก็เลยมาดูว่าเป็นอย่างไรกันบ้างครับคุณลุง”
“เป็นอย่างนี้แหละครับ ต้องรีบช่วยกันเก็บพืชผักที่กำลังจะเสียหายครับ อย่างถั่วฝักยาวนี่ถ้าเก็บช้ากว่านี้ฝักก็จะพองไม่สวยครับ ส่วนผักใบพวกนี้ก็จะช้ำครับ”
“มีอะไรที่ผมพอจะช่วยคุณลุงได้บ้างครับ บอกมาเลยครับคุณลุงไม่ต้องเกรงใจ”
“อ๋อ ส่วนของลุงใกล้ที่จะเสร็จแล้วครับ มีแต่ส่วนที่จะจัดแพ็คสำหรับไปวางขายที่ร้านครับคุณปริญ เดี๋ยวลุงขอตัวไปขนพืชผักพวกนี้ก่อนนะครับ”
1
"ครับคุณลุง"
“มากันอย่างไรคะคุณ”
ปวริศาในชุดคลุมกันฝนทักทายปริญกับเจตน์
“ผมรู้ข่าวว่าถนนขาดก็เลยมาดูเผื่อว่าจะช่วยอะไรคุณได้บ้าง”
“ไม่เป็นไรค่ะ มีแต่พืชผักพวกนี้นี่แหละค่ะที่จะต้องรีบเก็บ เพราะหากปล่อยไว้ก็จะเสียหายหมด นี่คนงานก็เก็บเรียบร้อยแล้วเหลือแต่จัดแพ็คแล้วค่ะ”
“อ๋อ ครับ”
"เหลืออีกเยอะไหมคะคุณลุง"
“อีก 2 ลังก็หมดแล้วครับคุณแป๋ว”
ปวริศาถามคุณลุงมนูญที่แบกลังพืชผักเข้ามาในเพิงพัก
"งั้นแป๋วกลับเลยนะคะคุณลุง แล้วเดี๋ยวแป๋วจะให้จอมเขาเข้ามาขนพืชผักพวกนี้นะคะพี่หนู”
“ครับคุณแป๋ว เดี๋ยวที่เหลือลุงจัดการเองครับ”
“ค่ะคุณแป๋ว”
“ไปกันค่ะคุณปริญ”
“ผมกลับก่อนนะครับคุณลุง”
“ผมกลับก่อนนะครับพี่หนู”
“ครับคุณปริญ เดินทางกลับปลอดภัยนะครับ”
“ค่ะคุณปริญ เดินทางกลับปลอดภัยนะคะ”
“ขอบคุณมากนะคะที่คุณอุตส่าห์มา”
“ผมรู้ข่าวจากคุณเจตน์เลยชวนกันมาครับ ต้นไม้ที่ปลูกไปเมื่อวันก่อนเป็นอย่างไรบ้างครับ”
ปวริศาพาปริญเดินมาตามเส้นทางที่ปริญเคยมาปลูกต้นไม้กับคุณลุงมนูญ เลยทำให้เขาอยากรู้ว่าต้นไม้เป็นอย่างไรบ้าง
“เริ่มโตแล้วค่ะ มีต่อยอดขึ้นบ้างแล้ว จะเดินไปดูไหมคะเดี๋ยวดิฉันพาไป”
“ก็ดีเหมือนกันครับ ผมอยากดูว่าต้นโตแค่ไหนแล้ว”
ปริญเดินตามปวริศาเข้าไปในสวนไม้ผลโดยมีเจตน์ลูกน้องคนสนิทตามไปด้วย
“บ้านเดิมคุณเจตน์อยู่แถวนี้เหรอคะ”
ระหว่างที่เดินไปดูต้นไม้ปวริศาชวนเจตน์คุยไปด้วย
“ครับ เป็นบ้านดั้งเดิมของพ่อผมครับ แถวนี้มีแต่ญาติ ๆ กัน มีปัญหาอะไรคุณปวริศาบอกได้นะครับ คนแถวนี้มีน้ำใจไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใครหรอกครับ”
“ค่ะ ขอบคุณคุณเจตน์มากนะคะที่อุตส่าห์มา”
ปวริศาเกิดความรู้สึกอุ่นใจและรู้สึกได้ถึงความห่วงใยของปริญที่มีต่อเธอ
“โตเร็วมากเลย ต้นไม้พวกนี้ผมลงมือปลูกด้วยตัวเองเลยนะครับคุณเจตน์” ปริญพูดกับเจตน์ลูกน้องคนสนิทของเขา
“เรากลับกันเถอะค่ะ ฝนเริ่มตกหนักขึ้นอีกแล้ว”
ปวริศาพาปริญเดินดูต้นไม้อยู่สักพักใหญ่ก็ชวนกันกลับมาที่คาเฟ่
“เชิญค่ะคุณปริญ เชิญค่ะคุณ น้องแป๋ว มาจ้ะกินข้าวกัน” ปานวาดชวนให้ทุกคนมานั่งที่โต๊ะอาหาร
“เชิญนั่งค่ะคุณ” ปานวาดเชิญให้เจตน์นั่ง
“คุณเจตน์ค่ะพี่ปาน บ้านคุณเจตน์เขาอยู่แถวนี้ค่ะ” ปวริศาบอกกับพี่สาวของเธอ
“อ้าว เหรอคะ ดีจังเลยค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณเจตน์”
“ครับ ยินดีเช่นกันครับคุณปานวาด”
"เชิญค่ะคุณปริญ คุณเจตน์" ปานวาดเชิญให้ปริญกับเจตน์กินอาหารมื้อเที่ยงที่เธอเตรียมเอาไว้
“เดี๋ยวตอนกลับดิฉันฝากขนมไปให้คุณแม่กับน้องปุณณ์ด้วยนะคะคุณปริญ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณปานวาด ยัยปุณณ์คงดีใจน่าดูล่ะครับ บ่นว่าอยากจะมากินเค้กครับ พักหลังมานี้ผมไม่มีเวลาว่างเลยไม่ได้พาเขามาครับ”
“ว่างเมื่อไหร่ก็พาคุณแม่กับน้องปุณณ์มานะคะคุณปริญ”
ปานวาดชวนปริญคุยหลังมื้ออาหาร
“อ้าว สวัสดีครับคุณปริญ จอมยิ้มดีใจเมื่อเห็นปริญ”
“สวัสดีจอม ไปในตัวเมืองมาเหรอ”
“ครับ คุณแป๋วให้ไปซื้อข้าวของเครื่องใช้สำหรับใช้ในโฮมสเตย์มาครับ”
จอมขับรถคันเก่าเข้ามาจอดแล้วขนข้าวของจากหลังรถเข้ามาในคาเฟ่
“อ้าว จอม”
“อ้าว พี่เจตน์มาได้อย่างไรครับนั่น”
“ฉันมากับคุณปลัด นายทำงานอยู่ที่นี่เหรอ”
“ครับ ผมกับพี่ใจช่วยงานคุณแป๋วอยู่ครับ”
“รู้จักกันหรือครับนี่” ปริญถามเจตน์
“จอมกับผมเป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ”
“ดีเลยครับ” ปริญรู้สึกคลายกังวลมากขึ้นเพราะได้รู้จักพื้นเพรู้จักนิสัยใจคอของคนงานที่แวดล้อมปวริศา
“ทุลักทุเลหน่อยนะจอมถ้าหากฝนยังตกหนักอยู่อย่างนี้ คงอีกสักพักใหญ่แหละกว่าที่สะพานจะซ่อมเสร็จ”
“ไม่เป็นไรครับคุณปริญ”
ปริญกับเจตน์ช่วยจอมขนข้าวของเข้ามาเก็บในคาเฟ่ ครั้งนี้ปวริศาให้จอมซื้อข้าวของเครื่องใช้มามากกว่าปกติ
“เชิญทุกท่านตามสบายนะคะ ต้องการอะไรเพิ่มเติมบอกได้เลยค่ะ”
หลังจากมื้ออาหารปวริศาก็ไปทำหน้าที่ดูแลแขกที่ทยอยเข้ามากินอาหาร
“นี่ขนมค่ะดิฉันฝากไปให้คุณแม่กับน้องปุณณ์นะคะคุณปริญ”
ปานวาดบอกปริญพร้อมกับวางถุงขนมลงบนโต๊ะ
ปริญอยากจะคุยกับปวริศาแต่เห็นเธอกำลังวุ่นวายอยู่กับการดูแลแขกที่เข้ามากินอาหารเขาเลยไม่อยากที่จะรบกวน
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณปานวาด พอดีช่วงเย็นผมติดธุระครับ”
“ค่ะคุณปริญ ขอบคุณมากค่ะ เดินทางกลับปลอดภัยนะคะ”
“ฉันกลับก่อนนะจอม นายต้องทำหน้าที่ของนายให้ดีที่สุดนะ เพราะที่นี่มีกันแต่ผู้หญิง”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณปริญผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครับ”
ก่อนที่จะกลับปริญได้สั่งกำชับจอมให้ช่วยงานในโฮมสเตย์ให้เต็มความสามารถ
👉🏻 ตามกันต่อในบทที่ 6 นะคะ
https://www.readawrite.com/c/433ce80aa7f24ae05662b6c2cad2ce19
***ฝากทุกท่านช่วยพิสูจน์อักษรให้ไปด้วยเลยนะคะ คำไหนผิดช่วยกดสติ๊กเกอร์ไว้ให้ได้สังเกตจักขอบพระคุณมากเลยค่ะ🙏🏻❤️
1
เครดิตภาพประกอบ
หนังสือ
food
คาเฟ่
บันทึก
2
2
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย