6 มี.ค. 2023 เวลา 13:07 • ประวัติศาสตร์

วีรกรรมชาวบ้านบางระจัน เป็นแค่นิยาย?

ศึกบางระจัน เรื่องเล่าเกี่ยวกับการต่อสู้ของสามัญชนที่คนไทยรู้จัก ถูกนำมาทำเป็นภาพยนต์ และวรรณกรรมต่างๆมากมาย ถูกหยิบมาใช้เป็นเรื่องราวปลุกใจให้รักชาติในหลายโอกาส โดยเฉพาะในทางทหารหรือแม้กระทั่งในกิจกรรมลูกเสือในทุกๆโรงเรียน แต่ความจริงแล้วศึกบางระจันเกิดขึ้นจริงๆหรือเป็นแค่นิยายที่ถูกแต่งขึ้น วันนี้เราจะมาหาคำตอบกันครับ
(ภาพจากภาพยนต์เรื่องบางระจัน)
ในช่วงก่อนการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ กรุงศรีอยุธยาถูกพม่าปิดล้อมจนอ่อนแอ เป็นช่วงที่ระบบบริหารบ้านเมืองของอยุธยาวิกฤตอย่างหนัก ไม่สามารถเกณฑ์ไพร่พลมารบได้อย่างสมัยก่อน
กองทัพและสภาพเมืองก็ไม่พร้อมที่จะต่อสู้กับข้าศึกด้วยขาดการพัฒนาเพราะห่างเหินจากศึกสงครามมานานหลายปี ชาวบ้านจำนวนมากอพยพออกจากเมืองทั้งก่อนและช่วงอยุธยาถูกปิดล้อม ชาวบ้านเหล่านี้หนีออกจากเมืองไป บ้างก็เข้าป่า บ้างก็ไปตั้งบ้านตั้งเมืองใหม่
ช่วงเวลานี้เองที่ปรากฏวีรกรรมของชาวบ้านเมืองวิเศษชัยชาญและเมืองต่างๆที่อพยพมารวมตัวกันสร้างค่ายบางระจัน มีผู้นำคนสำคัญ เช่น พระอาจารย์ธรรมโชติ นายทองเหม็น และนายจันหนวดเขี้ยว เป็นต้น
เล่าขานกันว่านายทองเหม็นเป็นผู้ที่มีวิชาคงกระพันชาตรี และมีของขลังฟันแทงไม่เข้า ทหารพม่าต้องรุมทุบตีนายทองเหม็นด้วยของแข็งนายทองเหม็นถึงตาย (ภาพจากภาพยนต์เรื่องบางระจัน)
พม่ายกทัพมาตีค่ายบางระจันหลายครั้งแต่ก็แพ้กลับไปทุกครั้ง และทุกครั้งที่กลับมาใหม่กองทัพของพม่าก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านบางระจันเห็นท่าไม่ดีจึงส่งจดหมายไปขอปืนใหญ่จากกรุงศรีอยุธยา แต่อยุธยาปฏิเสธเพราะกลัวว่าถ้าบางระจันแตก พม่าจะเอาปืนใหญ่เหล่านี้มาเป็นกำลังต่อสู้กับกรุงศรีอยุธยา พม่ายกทัพมาตีค่ายบางระจัน๘ ครั้งถึงตีแตก ชาวบ้านตายไปเป็นจำนวนมาก บางส่วนก็หนีไปได้ ปิดฉากวีรกรรมอันกล้าหาญของชาวค่ายบางระจันเพียงเท่านี้
หากพิจารณาตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์แล้ว หลักฐานกลุ่มที่หนึ่งที่เป็นหลักฐานร่วมสมัยกรุงศรีอยุธยา ได้แก่จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี และคำให้การขุนหลวงหาวัดพูดถึง บ้านระจัน หรือบางระจัน ในฐานะค่ายของพม่าที่ตั้งประชิดกรุงศรีอยุธยา ไม่ได้ให้ข้อมูลไปมากกว่านี้
1
หลักฐานกลุ่มที่สองเป็นหลักฐานในสมัยรัตนโกสินทร์ ได้แก่พระราชพงศาวดารฉบับบริติชมิวเซียมเรียบเรียงขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ พระราชพงศาวดารฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) เขียนขึ้นสมัยกรุงธนบุรี ถึงต้นรัตนโกสินทร์ และพระราชพงศาวดารฉบับสมเด็จพระพนรัตน์ วัดพระเชตุพน ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ระบุว่าพม่าตีค่ายบางระจันเพราะชาวบ้านไม่ยอมสวามิภักดิ์ แต่ชาวบ้านกลับฆ่าพม่าล้มตายเป็นอันมาก อย่างไรก็ตาม การรบดังกล่าวก็ยังคงเป็นการปะทะครั้งย่อยๆ และดูเหมือนว่าผู้บันทึกจะไม่ให้ความสำคัญที่โดดเด่นเป็นพิเศษนัก
มีเพียงหนังสือเรื่องไทยรบพม่าของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ และพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขาเท่านั้นที่พูดถึงเหตุการณ์ศึกบางระจันอย่างละเอียดและชัดเจน โดยเฉพาะหนังสือเรื่องไทยรบพม่าที่เล่าเหตุการณ์ละเอียดชัดเจนราวกับนั่งเขียนอยู่ในเหตุการณ์ ณ เวลานั้น
1
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ พระอนุชาต่างมารดาของสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕
หนังสือไทยรบพม่า พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ
พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา เป็นพงศาวดารสยาม ต้นฉบับเป็นสมุดไทยจำนวน 22 เล่ม เนื้อหาเริ่มตั้งแต่การสถาปนากรุงศรีอยุธยาจนถึง จ.ศ. 1152 (พ.ศ. 2333) ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงแต่งเนื้อหาเพิ่มเติมจนจบรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชและทรงนิพนธ์คำอธิบายเพิ่มเติม ซึ่งได้จัดพิมพ์เป็น 2 เล่ม
ปัจจุบัน นักวิชาการทางประวัติศาสตร์สมัยใหม่ให้ความเห็นโน้มเอียงไปว่าวีกรรมศึกบางระจันน่าจะเป็นเรื่องแต่งมากกว่า เพราะหลักฐานที่มาสนับสนุนเรื่องนี้อ่อนเกินไป แถมส่วนใหญ่ยังเป็นการเขียนขึ้นภายหลังอีกด้วย จึงไม่ค่อยมีความน่าเชื่อถือ
วีรกรรมของชาวบ้านบางระจันได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ลัทธิคอมมิวนิสต์ระบาดในประเทศไทย เพื่อเป็นการปลุกใจให้รักและหวงแหนในชาติ เช่น มีการบรรจุในแบบเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ บทละครร้อง ฯลฯ ความรับรู้ของคนทั่วไปจะรับรู้ผ่านทางแบบเรียน นิยาย ละคร รวมทั้งภาพยนตร์ รวมถึงการสร้างอนุเสาวรีย์ค่ายบางระจันที่จังหวัดสิงห์บุรี ทำให้คนไทยเชื่อตามการนำเสนอนั้นว่าวีรกรรมและตัวละครมีตัวตนจริง
หากถามว่าค่ายบางระจันมีจริงไหม ผมคิดว่ามีจริงครับ เพราะมีหลักฐานหลายชิ้นที่เป็นลายลักษณ์อักษรยืนยันการมีอยู่ของค่ายนี้ชัดเจน แต่ตัวละคร วีรกรรมความกล้าหาญ และเหตุการณ์ต่างๆที่เราพบในภาพยนต์หรือวรณกรรมต่างๆ หรือแม้แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์สมัยใหม่น่าจะเป็นเรื่องแต่ง หรือถ้าไม่แต่งมันก็ไม่จริงทั้งหมด เป็นในลักษณะจริงสามเท็จเจ็ดเสียมากกว่า คงต้องใช้เวลาอีกมากและหลักฐานเพิ่มเติมในอนาคตมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงเหล่านี้
เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อเข้าใจปัจจุบัน
HistroTalk
โฆษณา