9 มี.ค. 2023 เวลา 02:49 • หุ้น & เศรษฐกิจ

เด็กจบใหม่อาจทำ "สตาร์ทอัพ" ไม่รุ่ง! อายุเฉลี่ยของคนที่จะสำเร็จ คือ 42 ปี

ในแวดวงของ “ธุรกิจสตาร์ทอัพ” หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของบุคคลชื่อดังในวงการที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ว่าจะเป็น Bill Gates และ Paul Allen สองผู้ก่อตั้ง Microsoft ในปี 1975 ซึ่ง ณ เวลานั้นพวกเขามีอายุเพียง 2ในแวดวงของ “ธุรกิจสตาร์ทอัพ” หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของบุคคลชื่อดังในวงการที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ว่าจะเป็น Bill Gates และ Paul Allen สองผู้ก่อตั้ง Microsoft ในปี 1975 ซึ่ง ณ เวลานั้นพวกเขามีอายุเพียง 20 และ 22 ปีตามลำดับ
ขณะที่ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ขึ้นมาในปี 1994 โดยช่วงนั้นเขามีอายุ 30 ปี ส่วนทางด้านของ Steve Jobs ก็เริ่มก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลขึ้นมาในปี 1976 ด้วยอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น
นี่จึงเป็นเหมือนเรื่องราวที่สร้างความประทับใจให้แก่เหล่าบรรดานักลงทุนว่า “เด็กจบใหม่” วัยยี่สิบต้นๆ นั้น เชื่อมโยงกับความสำเร็จใน Silicon Valley (ศูนย์กลางโลกเทคโนโลยีชั้นสูงและนวัตกรรม)
เด็กจบใหม่ที่ทำ "สตาร์ทอัพ" อาจไม่ประสบความสำเร็จเสมอไป
แต่เดี๋ยวก่อน! ความเชื่อที่ว่า “เด็กจบใหม่” วัยยี่สิบต้นๆ เชื่อมโยงกับความสำเร็จอาจไม่เป็นความจริง เมื่องานวิจัยใหม่ล่าสุดจาก Harvard Business Review ค้นพบว่า อายุเฉลี่ยของผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่คือผู้ประกอบการ “วัยกลางคน” เนื่องจากผู้ก่อตั้ง “สตาร์ทอัพ” ที่มีประสบการณ์ในการทำงาน มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จมากกว่าคนจบใหม่อายุน้อย
ทีมนักวิจัยยังเสริมอีกว่า หากคุณเป็นนักลงทุนและไม่แน่ใจว่าควรจะเดิมพันกับธุรกิจของผู้ประกอบการคนไหนดี แนะนำให้เลือกลงทุนกับผู้ประกอบการวัยกลางคน จะปลอดภัยมากกว่าการเลือกผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ที่อายุยังน้อย
นักวิจัยใช้การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง จนได้ผลสรุปที่น่าประหลาดใจ
ด้วยการใช้ชุดข้อมูลการวิจัยและการวิเคราะห์ที่เป็นความลับจาก US Census Bureau ทีมนักวิจัยของ HBR พบว่า อายุเฉลี่ยของผู้ประกอบการที่จะประสบความสำเร็จในธุรกิจสตาร์ทอัพ คือช่วงวัย 42-45 ปี โดยนักวิจัยใช้ปัจจัยต่างๆ ในการวิเคราะห์ข้อมูลบริษัทที่เข้าข่ายประสบความสำเร็ขจได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น
บริษัทได้รับสิทธิบัตร
บริษัทได้รับทุนจากแหล่งเงินทุน VC (Venture Capital : ธุรกิจเงินร่วมลงทุน)
บริษัทที่ใช้พนักงานที่มีทักษะพื้นฐาน (STEM) จำนวนมากเพื่อให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น เป็นต้น
ทั้งนี้ นักวิจัยมุ่งเน้นไปที่สตาร์ทอัพที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด (0.1% สูงสุดตามการเติบโตในช่วง 5 ปีแรก)
แม้ไม่ใช่วัยกลางคน แต่ก็ควรมีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 3 ปี
ในที่สุด.. ผลการวิเคราะห์ข้อมูลก็เผยออกมาว่า อายุของผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพโดยเฉลี่ยที่เหมาะสมที่จะทำให้บริษัทก้าวหน้าและสำเร็จ คือ ผู้ที่มีอายุราวๆ 42-45 ปี ซึ่งสาเหตุที่ผู้ประกอบการสตาร์ทอัพวัยกลางคน ประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนอายุน้อย ก็เนื่องจากพวกเขามีประสบการณ์การทำงานมากกว่า และมีไหวพริบในการบริหารธุรกิจที่ดีกว่านั่นเอง
นอกจากนี้นักวิจัยยังพบอีกว่า แม้ว่าจะไม่ใช่วัยกลางคน แต่หากเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ทำงานอย่างน้อย 3 ปี ก่อนก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพ ก็จะมีโอกาสประสบความสำเร็จได้มากกว่าคนที่ไม่มีประสบการณ์การทำงานถึง 85%
นักธุรกิจคนดังก็ใช้เวลานานกว่าจะประสบความสำเร็จ
คราวนี้ ลองย้อนกลับมาดูเรื่องราวความสำเร็จของ Bill Gates, Jeff Bezos, Steve Jobs ที่กล่าวถึงในข้างต้น ทีมผู้วิจัย HBR ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า แม้พวกเขาเหล่านั้นจะเริ่มก่อตั้งบริษัทในช่วงอายุยังน้อย แต่เมื่อวัดระดับความสำเร็จของธุรกิจแล้ว กลับพบว่า พวกเขาต้องใช้เวลานานเลยทีเดียวกว่าจะก้าวมาถึงจุดที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจได้
กรณีของ Jeff Bezos เขาเริ่มก่อตั้งบริษัทในวัย 30 ปี ต่อมาในช่วงอายุ 35 ปีเมื่อ Amazon เริ่มขายมากกว่าหนังสือ จากนั้นเขาเริ่มขยายธุรกิจอย่างมหาศาล อย่างไรก็ตาม เขาประสบความสำเร็จจริงๆ ในวัย 45 ปี เมื่อครั้งที่บริษัทเปิดตัว Amazon Prime
ในทำนองเดียวกัน แม้ว่า Steve Jobs จะก่อตั้งบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อย แต่กว่าจะถึงจุดที่เขาประสบความสำเร็จ คือ ช่วงที่ Apple เปิดตัว iPhone นวัตกรรมที่ทำกำไรได้มากที่สุด โดยที่เขาอายุล่วงเลยมาถึง 52 ปี
ส่วน Bill Gates แม้จะมีรายงานว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดที่อายุ 31 ปีในปี 1987 แต่กว่าจะประสบความสำเร็จใน Microsoft จริงๆ ก็คือช่วงเวลา 10 ปีหลังจากนั้น
จากข้อมูลเหล่านี้ยืนยันได้ว่า อายุของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่มากขึ้น มีความเชื่อมโยงกับความประสบความสำเร็จในธุรกิจนั้นๆ มากขึ้นตามไปด้วย เพราะพวกเขาจะยิ่งมีประสบการณ์และมีไหวพริบในการทำงานที่เพิ่มขึ้น การที่พวกเขาก่อตั้งบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ได้การันตีว่าความสำเร็จจะมาถึงได้ในเร็ววัน แต่ความสำเร็จที่แท้จริงนั้น ต้องใช้เวลาเคี่ยวกรำอยู่นานเลยทีเดียว
ที่มาบางส่วน : กรุงเทพธุรกิจ
#แชร์กับชัยวัฒน์
โฆษณา