9 มี.ค. 2023 เวลา 05:24 • นิยาย เรื่องสั้น

เรื่องเล่าสยองขวัญเรื่องที่ 6 อาจารย์ห้องปกครอง

ผมเชื่อว่าใครหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องสยองขวัญในสถานศึกษากันมามากพอสมควร ที่ดังๆก็มักจะเป็นในมหาวิทยาลัยไม่ก็โรงเรียนมัธยมเป็นซะส่วนใหญ่ งั้นวันนี้เรามาฟังเรื่องสยองขวัญในรั้วสถานศึกษาอาชีวะกันบ้างดีกว่า
ย้อนกลับไปเมื่อสองปีที่แล้วช่วงที่ผมเรียนอยู่ชั้นปวช.2 วิทยาลัยที่ผมเรียนอยู่นั้นเป็นวิทยาลัยเอกชนในกรุงเทพ เรื่องที่ผมจะเล่ามันเป็นเรื่องของเพื่อนคนนึงในสาขาผมขอเรียกว่าวินล่ะกัน วินเนี่ยเขาค่อนข้างที่จะมีนิสัยเกเร ทั้งชอบโดดเรียน มีเรื่องชกต่อยบ้าง สูบบุหรี่บ้างแต่ก็ไม่หนักขนาดที่จะโดนเพ่งเล็ง
ในวันหนึ่งสัปดาห์ก่อนสอบปลายภาคก็เป็นช่วงที่มีการเรียนการสอนเป็นปกติแต่ส่วนใหญ่อาจารย์ก็จะให้นักศึกษาเริ่มเคลียร์งานกัน ในวันนั้นผมและเพื่อนคนอื่นๆก็เข้าเรียนกันตามปกติยกเว้นวิน วันนั้นวินเข้าสาย ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณสัก 10 โมงกว่าๆได้ วิทยาลัยของผมแม้จะเป็นวิทยาลัยเอกชนแต่ก็ใช่ว่าจะเข้าสายได้นะ มันก็มีกฏมีระเบียบเหมือนวิทยาลัยอื่นๆนี่แหละ
ทันทีที่วินเข้าเขตวิทยาลัยมาเท่านั้นแหละอาจารย์ฝ่ายปกครองที่เห็นดังนั้นก็รีบโผล่มาดักหน้าเขาทันที
“นี่เธอน่ะ ทำไมถึงมาสาย”
อาจารย์ฝ่ายปกครองหรือที่พวกเราที่เรียกกันว่าอ.ธงชัยพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งดุพร้อมกับใช้ไม้เท้าคู่ใจของแกชี้มาทางเขา
“รถติดเลยมาสายครับ”
วินพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งราวกับไม่สำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย อ.ธงชัยที่ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับส่ายหัวทันที
“ถ้ารู้ว่ารถมันติดก็ตื่นให้มันเร็วกว่านี้สิ หัดเผื่อเวลาซะบ้าง เธอน่ะสายหลายครั้งแล้วนะ เดี๋ยวคะแนนความประพฤติมันจะไม่เหลือเอา”
อ.ธงชัยพูดไปก็เขียนรายงานความประพฤติลงสมุดไป วินที่ได้ยินดังนั้นเขาก็แอบมองบนเล็กน้อย ผมขออธิบายก่อนอ.ธงชัยเนี่ยแกเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองอาวุโส แกทำงานอยู่ที่วิทยาลัยนี้มาเป็นสิบปี และอีกไม่กี่ปีแกก็จะเกษียณแล้ว แน่นอนว่าด้วยความอาวุโสของแกทำให้นักศึกษาและอาจารย์ส่วนใหญ่ต่างเกรงและนับถือกันไม่น้อย ยกเว้นเด็กเกเรอย่างวินน่ะนะ
“หลังเลิกเรียนมาพบอาจารย์ที่ห้องปกครองด้วย เดี๋ยวจะให้ไปทำจิตอาสา จะได้เพิ่มคะแนน”
วินที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วทำหน้าไม่พอใจทันที
“ตอนเย็นผมไม่ว่าง”
เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ แต่คำตอบที่ได้กลับมานั้นก็ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
“ไม่ต้องมาอ้างเลย เธอพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว ครั้งที่แล้วเธอก็ไม่มา ไม่รู้ล่ะวันนี้เธอต้องมาแก้คะแนนด้วย ไปเรียนได้แล้ว”
พูดเสร็จอ.ธงชัยแกก็ไล่วินออกจากห้องทันที ส่วนวินก็เถียงอะไรไม่ได้นอกจากเดินออกมาจากห้องด้วยความหงุดหงิด
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงตอนเย็นเป็นเวลาที่นักศึกษาทุกสาขาเลิกเรียน วินตรงกลับบ้านทันทีเขาไม่ได้ไปตามที่อ.ธงชัยนัดเอาไว้ ระหว่างกลับบ้านขณะที่เขากำลังเดินผ่านลานกว้างข้างไซต์ก่อสร้างแห่งหนึ่งจู่ๆก็มีเสียงของใครคนหนึ่งเรียกเขาเอาไว้ วินหันไปตามเสียงพบว่าเป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่ไม่คุ้นหน้า หนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นเดินตรงดิ่งมาหาเขาพร้อมกับทำสีหน้าหาเรื่องใส่เขา
“เฮ้ยมึงอ่ะ เด็กวศินหรอ”
วศินที่ว่าก็คือชื่อวิทยาลัยของพวกเรา ชื่อเต็มก็คือวิทยาลัยวศินศาสตร์ ส่วนเด็กพวกนั้นก็คือเด็กสถาบันอื่น เขารู้ดีว่าตอนนี้พวกนั้นกำลังจะหาเรื่องเขา ถ้าถามว่าเพราะทำไมก็คงเพราะเขาเป็นเด็กวศินศาสตร์ยังไงล่ะ เด็กวศินศาสตร์ที่ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเด็กสถาบันอื่นก็พร้อมที่จะหาเรื่อง
วินมองคนตรงด้วยสีหน้านิ่งด้วยความไม่เกรงกลัวลอบถอนหายใจก่อนไปหนึ่งทีก่อนจะขยับตัวเพื่อจะเบี่ยงหนี แต่คนตรงหน้าที่เห็นว่าเขากำลังจะเดินหนีเขาก็ขยับตัวมาบังวินทันทีพร้อมกับผลักที่ไหล่เขาอย่างแรง
“มึงหยิ่งหรอวะ คิดว่าหล่อนักหรือไง”
วินใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มด้วยความหงุดหงิดก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เพื่อนของเด็กคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าวินเริ่มเดินเข้ามาสมทบพร้อมกับมองหน้าวินด้วยสีหน้าที่พร้อมจะหาเรื่อง
จากสถานการณ์ในตอนนั้นวินรู้ดีว่ายังไงก็มีเรื่องแน่นอน แม้วินพยายามจะเบี่ยงตัวหนีแต่ไม่ว่ายังไงพวกเด็กวัยรุ่นพวกนั้นก็ไม่ยอมให้เขาไปแถมยังทั้งผลักทั้งด่าเขาอีกด้วย และสุดท้ายก็ตามคาดครับวินมีเรื่องกับเด็กพวกนั้น แม้เดิมทีวินจะมีทักษะการต่อสู้อยู่บ้าง เนื่องจากเมื่อช่วงมอต้นเขาเคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาไม่น้อยแต่การที่เขาตัวคนเดียวต้องสู้กับเด็กสี่ถึงห้าคนมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หลังจากปะทะกันสุดท้ายพวกเขาก็มาจบกันที่โรงพัก วินและเด็กพวกนั้นถูกจับขังแยกระหว่างรอผู้ปกครองมาประกันตัว เวลาผ่านล่วงเลยผ่านไปนับชั่วโมงผู้ปกครองของเด็กพวกนั้นเริ่มทยอยมารับกลับจนเหลือแค่เขาเพียงคนเดียว วินยังคงนั่งรอเวลาไปเรื่อยจนช่วงประมาณสี่ทุ่มจนในที่สุดก็มีคนมาประกันตัวเขา วินเดินตามคุณตำรวจออกมาจนมาพบกับคนที่มาประกันตัวให้เขา ทันทีที่เจอหน้าก็พบว่าคนๆนั้นไม่ใช่ใครนอกจากอ.ธงชัยนั่นเอง
หลังจากที่อ.ธงชัยจัดการจ่ายเงินประกันเสร็จสรรพทั้งคู่ก็เดินออกมาจากสถานีตำรวจ วินหันไปขอบคุณอาจารย์ก่อนจะเอ่ยขอเลขบัญชีเพื่อจะคืนเงิน แต่อ.ธงชัยแกก็ปฏิเสธครับพร้อมกับดันมือของวินที่ถือโทรศัพท์พร้อมกับบอกว่า
“ไม่ต้องคืนอาจารย์หรอก เธอเก็บเอาไว้เถอะ แล้วทีหลังก็อย่าไปมีเรื่องกับใครเขาอีกล่ะ”
วินไม่ตอบได้แต่พยักหน้ากลับไป
ในวันถัดมาวินมาเรียนตามปกติวันนี้เขาไม่ได้เข้าสายเหมือนวันอื่นๆ ทันทีที่ก้าวเข้าวิทยาลัยเขารู้สึกสัมผัสได้ถึงสิ่งที่แปลกไปเพราะปกติอ.ธงชัยจะออกมาตรวจเครื่องแบบนักศึกษาทุกเช้าแต่วันนี้กลับไม่เห็นเงาของเขาแม้แต่น้อย
หลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จเขาก็เดินขึ้นตึกไปเรียนตามปกติ ในวันนั้นผมได้เข้าไปคุยกับวินเรื่องที่เขาไปมีเรื่องกับเด็กสถาบันอื่น วินก็เล่ามาตามที่ผมเล่าเอาไว้ตอนต้นนั่นแหละ บอกก่อนว่าที่จริงผมค่อนข้างสนิทกันพอสมควรเพราะตอนมอต้นเราเคยเรียนที่เดียวกันแต่ก็ไม่ได้สนิทมากพึ่งจะมาสนิทตอนเรียนปวช.นี่แหละ
หลังจากคุยกันเสร็จผมกับวินก็แยกกลับมานั่งเรียนตามเดิม ในขณะที่กำลังเรียนอยู่นั้นจู่ๆวินก็เห็นอะไรบางอย่างที่ด้านหลังของอาจารย์ที่อยู่หน้าห้อง วินเพ่งตามองสิ่งที่อยู่ด้านหลังของอาจารย์ปรากฏว่ามันเป็นเงาดำรูปร่างคล้ายคนที่กำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่ ในวินาทีนั้นวินไม่ได้มีความกลัวแม้แต่น้อยเขาทำการจ้องกลับไปที่เงาดำนั่นจนผมที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันมาเรียกจนเขาหลุดออกจาภวังค์ไป
“วิน มึงมองอะไรวะ”
วินหันมามองผมสายตาของเขาในตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความงงและสงสัยเป็นอย่างมาก เขาเหลือบมองไปยังที่หน้าห้องอีกครั้งปรากฏว่าตอนนี้เงาดำนั่นมันหายไปแล้ว
“เปล่า ไม่มีอะไร”
เขาหันมาตอบผมก่อนจะลอบถอนหายใจออกมาเล็กน้อยพร้อมกับยกมือนวดขมับเบาๆ สิ่งที่เขาเห็นบางทีอาจจะเกิดจากที่เขานอนน้อยก็เป็นได้
ในขณะเดียวกันหลังจากผมที่ถามเขาเสร็จผมก็หันกลับมานั่งเรียนตามเดิมแต่หารู้ไม่ว่าหลังนี้จะมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้น
ในมุมของผมและคนอื่นๆในขณะที่พวกเรากำลังเรียนกันอยู่นั้นจู่ๆก็ได้ยินเสียงดังตึงมาจากทางด้านหลัง ผมหันไปดูพบว่าเป็นวินที่กำลังเขาฟุบหลับลงไปกับโต๊ะดื้อๆเลย ในตอนนั้นทุกคนในห้องต่างตกใจกันมากอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ก็รีบเข้ามาดู
“นภนัทรเป็นอะไร”
เธอเอ่ยถามพร้อมกับเขย่าตัววินเบาๆพร้อมกับยกตัววินขึ้นจากโต๊ะแต่ก็ตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าขณะที่กำลังจะยกตัววินขึ้นจู่ๆก็มีเลือดหยดลงมาไม่น้อย ผมยันตัวขึ้นก่อนจะไปช่วยอาจารย์จับตัวของวินขึ้นพบว่าเขาหัวแตกเป็นแผลใหญ่ไม่น้อย
“ตายแล้ว พวกเธอเรียกรถพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย”
อาจารย์ที่เห็นสภาพของวินในตอนนั้นเขาก็หันไปบอกเพื่อนในห้องให้เรียกรถพยาบาลทันที ไม่นานรถพยาบาลก็มาถึงเจ้าหน้าที่ขึ้นมาบนตึกก่อนจะมาพาวินนำส่งโรงพยาบาล ในตอนนั้นผมก็ขอติดรถไปด้วยเพราะผมเป็นห่วงเขา แม้จะไม่ได้สนิทกันมากแต่เขาก็เป็นเพื่อนคนหนึ่งที่รู้จักกันมาตั้งแต่มอต้น แล้วอีกอย่างเขาไม่มีเพื่อนคนอื่นที่สนิทด้วย
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลผมก็นั่งรอคุณหมอตรวจร่างกายของวิน ผมบอกก่อนนะว่าอาจารย์ไม่ได้ตามมาด้วยผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไม อาจจะเป็นเพราะวินเป็นเด็กเกเรที่อาจารย์คนอื่นๆต่างก็ไม่ค่อยจะสนใจบวกกับพ่อแม่ของเขาดันเป็นผู้มีอิทธิพลในวงการสีเทาด้วยเลยไม่อยากมีใครยุ่ง
ไม่นานคุณหมอก็เรียกผมเข้าไปคุยเรื่องอาการของวิน คุณหมอแจ้งว่าเกิดจากที่วินพักผ่อนน้อยเกินไปเลยทำให้วูบหลับไปก่อนจะถามรายละเอียดเล็กๆน้อยๆอย่างเช่นเขาได้ทำงานพาร์ทไทม์มั้ยหรือติดเกมหรือเปล่า ซึ่งผมก็ตอบไปตามเท่าที่รู้นั่นแหละ จากคุยไปได้สักแป๊บคุณหมอก็ได้เปิดรูปเอ็กซเรย์รูปหนึ่งให้ดูพร้อมกับชี้ไปที่กระดูกบริเวณหัวไหล่ให้ดู
“หมอพบว่าที่หัวไหล่ของคนไข้มีรอยช้ำเหมือนกับรอยมืออยู่ หมอก็ได้เอ็กซเรย์ออกมาแล้วพบว่ากระดูกบริเวณหัวไหล่มีรอยร้าวเล็กๆเกิดขึ้นนะครับ พอทราบมั้ยว่าคนไข้ได้ไปมีเรื่องกับใครหรือเปล่า”
ผมที่ได้ยินดังนั้นถึงกับพูดไม่ออก เดี๋ยวนะรอยช้ำที่เหมือนกับรอยมือนี่มันอะไรกัน เท่าที่ผมจำได้ว่าวินไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง หรือว่าเขาปกปิดเรื่องนั้นกันนะ ผมส่ายเล็กน้อยพร้อมกับบอกเหตุการณ์เมื่อวานกับคุณหมอไปตามตรง คุณหมอเลยสันนิษฐานว่าน่าจะมาเกิดจากที่วินไปมีเรื่องกับพวกเด็กนอกสถาบันนั่นแหละ
หลังจากคุยกับคุณหมอเสร็จสรรพผมก็ตรงไปยังห้องพักฟื้นของวินทันทีกโดยไม่ลืมที่จะโทรแจ้งอาจารย์ประจำภาคด้วย ผมเข้ามาในห้องพักฟื้นนั่งเล่นอยู่ที่โซฟาไปพลางขณะที่ผมกำลังเล่นอยู่นั้นจู่ๆหางตาก็เหลือบเห็นอะไรบางอย่างที่ปลายเตียงที่วินนอนอยู่ ผมค่อยๆเงยหน้าอย่างช้าๆก็ต้องตกใจเพราะคนที่ยืนอยู่ปลายเตียงนั้นก็คืออ.ธงชัยที่กำลังจ้องวินด้วยสายตาที่ดูน่าสงสาร แต่ประเด็นคืออ.ธงชัยน่ะเสียไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วน่ะสิ
ผมที่เห็นแบบนั้นก็ทำอะไรไม่ถูกจนกระทั่งวินที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มขยับตัวพอผมหันไปที่ปลายเตียงพบว่าแกหายไปแล้ว ผมรีบรุดไปที่เตียงก่อนจะค่อยๆช่วยพยุงตัวเขาให้ขึ้นมานั่งพิงก่อนจะถามถึงเหตุการณ์ทั้งหมดว่าเกิดอะไรขึ้น วินมองหน้าผมสักพักก่อนจะลอบถอนหายใจและเล่าเรื่องที่เขาเจอให้ฟัง
ย้อนกลับไปตอนที่จะเกิดเหตุขณะที่วินกำลังจ้องไปที่กระดานไวท์บอร์ดจู่ๆเงาดำนั่นมันก็โผล่ขึ้นมาอีกครั้งแต่ครั้งนี้มันไม่ได้แค่ยืนเฉยๆแต่มันกลับไต่ขึ้นไวท์บอร์ดก่อนที่มันจะหยุดและหันหัวกลับมามองเขาด้วยดวงตาสีขาวโพลน ไม่ใช่แค่นั้นนักศึกษาคนอื่นๆที่นั่งอยู่ในห้องก็กลายเป็นเหมือนเงาดำและกำลังมองมาที่เขาด้วย
วินาทีที่เขาเห็นถึงกับพูดไม่ออก เดิมทีวินเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีและไม่ได้กลัวอยู่แล้วแต่การมาเจอเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเองมันเลยทำให้เขาไปไม่ถูกเลย สถานการณ์ในตอนนี้มันเหมือนกับพวกหนังสยองขวัญที่เขาเคยดูทั้งบรรยากาศและความรู้สึก แต่สิ่งเดียวที่บอกได้ก็คือความน่ากลัวของผีพวกนี้น่ากลัวกว่าในหนังสิบเท่าเลย
วินหายใจถี่กวาดสายตามองไปรอบๆพร้อมกับลุกจากเก้าอี้หมายจะตรงออกนอกห้องแต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกจากโต๊ะจู่ๆก็มีมือปริศนาแตะที่ไหล่ก่อนจะกดให้นั่งลงตามเดิม วินค่อยๆเหลือบตามองไปที่ไหล่พบว่ามือที่จับอยู่นั้นมันเป็นมือสีดำซีดที่มีแผลเหวอะหวะจนเห็นเนื้อด้านใน ลมหายใจของคนด้านหลังค่อยๆเข้ามาใกล้จนรดต้นคอก่อนที่มันจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“จะหนีไปไหนนภนัทร เธอยังไม่ได้แก้คะแนนเลย”
เสียงแหบแห้งนั่นแม้จะมันจะฟังจนเกือบไม่ได้ศัพท์แต่วินก็รู้ทันทีว่าคนที่อยู่ด้านหลังนั้นคืออ.ธงชัยแน่ๆ แต่ทำไมอ.ธงชัยถึงมาในสภาพนี้ได้ล่ะ แต่วินาทีนั้นวินไม่สนใจแล้วว่าอ.ธงชัยจะเป็นผีหรือเป็นคนในตอนนี้เขาแค่ต้องการที่จะออกไปจากตรงนี้เท่านั้นแต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่สามารถลุกออกจากตรงนั้นได้ ยิ่งเขาพยายามจะหนีมากเท่าไหร่แรงกดก็มากขึ้นจนไหล่ของเขาเริ่มเจ็บเหมือนกระดูกจะแตกเลย
ด้วยความเจ็บจากแรงมือที่กดลงมามากขึ้นเรื่อยๆจนเขาเริ่มจะทนไปไม่ไหวสุดท้ายวินก็ตัดสินใจพูดประโยคนึงออกมา
“เดี๋ยวผมจะไปแก้คะแนนที่ติดค้างไว้ให้ เพราะฉะนั้นปล่อยผมไปเถอะ”
ทันทีที่เขาพูดจบแรงบีบก็ค่อยๆเบาลงก่อนจะหายไป วินเงยหน้าขึ้นพลางกวาดสายตามองรอบๆห้องพบว่าเงาดำพวกนั้นมันหายไปหมดแล้วเหลือแต่โต๊ะที่ว่างเปล่า วินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะแตะมือลงที่ไหล่ตรงที่ถูกบีบมันเจ็บปวดร้าวไปหมดเหมือนจะถูกจะแตกเลย เขาหลับตาฟุบลงกับโต๊ะด้วยความเหนื่อยล้าก่อนภาพทุกอย่างจะตัดไป
หลังจากวินเล่าเหตุการณ์เสร็จเขาก็ถามถึงเรื่องของอ.ธงชัยว่าทำไมเขาถึงเจอแกในสภาพแบบนี้ ในตอนนั้นผมนั่งคิดอยู่ครู่ใหญ่เพราะผมกลัวว่าถ้าเล่าไปแล้วผมกลัวว่าเขาจะรู้สึกผิดนี่สิ แต่ท้ายสุดผมก็เลือกที่จะเล่าทุกอย่างให้เขาฟัง
ย้อนกลับไปเมื่อวานหลังจากที่อ.ธงชัยประกันตัววินเสร็จเขาก็ขับรถกลับบ้านแต่ระหว่างทางดันเกิดมีหมาวิ่งตัดหน้าทำให้รถของอ.ธงชัยพุ่งลงข้างทางชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ทันที ในตอนนั้นอ.ธงชัยยังไม่เสียชีวิตทันที แกพยายามตั้งสติคลานออกมาจากรถเพื่อจะมาขอความช่วยเหลือจากคนข้างนอกแต่ก็ออกมาได้ยังไม่พ้นรถต้นไม้ใหญ่ที่ชนนั้นมันก็ดันเกิดหักล้มทับอ.ธงชัยไปเต็มๆจนในที่สุดแกก็สิ้นใจ ณ ที่ตรงนั้นเลยครับ
เมื่อผมเล่าจบน้ำตาของวินก็ไหลลงมาทันทีพร้อมกับโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยได้แต่คอยปลอบเพื่อนอยู่ใกล้เพื่อที่เขาจะไม่คิดสั้น
หลังจากผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์วินก็กลับมาหายดี ทันทีที่เขาออกจาโรงพยาบาลนั้นเขาก็ตรงดิ่งไปพบกับญาติของอ.ธงชัยทันทีพร้อมกับกล่าวขอโทษและขอขมากับครอบครัวด้วย ทางครอบครัวของอ.ธงชัยก็ไม่ได้ติดใจอะไรนะพวกเขาเข้าใจและให้อภัยวินอีกทั้งยังปลอบใจวินด้วย ส่วนเรื่องวิญญาณของอ.ธงชัยที่เราเจอกันหลังจากวันนั้นพวกเราก็ไม่ได้เจออีกเลย ผมคิดว่าอาจารย์แกน่าจะไปสู่สุขคติแล้วล่ะ
พอกลับมาเรียนวินก็กลับแก้คะแนนจิตพิสัยจนหมดและเลิกทำตัวเกเรอีกด้วยอีกทั้งช่วงสอบปลายภาควินยังทำคะแนนได้ท็อปของสาขาอีก เรียกได้ว่ากลายเป็นคนละคนเลย ส่วนความสัมพันธ์ของผมกับวินก็เริ่มสนิทมากขึ้นจนกลายเป็นเพื่อนสนิทรู้ใจกันอีกทั้งเพื่อนในห้องรวมถึงอาจารย์คนอื่นๆก็เริ่มเข้าหาวินจนถึงตอนนี้เรียกได้ว่าเขานี่รู้จักคนไปทั่ววิทยาลัยเลยก็ได้
โฆษณา