11 มี.ค. 2023 เวลา 04:45 • ความคิดเห็น

วิเคราะห์ "ทำไม หลี่ เฉียง ถึงได้รับการแต่งตั้งเป็น นายกรัฐมนตรีจีน คนใหม่"

เช้าวันนี้ 11 มีนาคม 2566 ตามเวลาจีน (เร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง) สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เสนอชื่อ “หลี่ เฉียง” เป็นนายกรัฐมนตรีจีนคนใหม่ ในที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนชุดที่ 14 สมัยแรก
โดยทางที่ประชุมก็มีมติรับรองอย่างเป็นทางการ
เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 20 เมื่อตุลาคม 2565 ที่มีการเลือก 7 คณะผู้นำระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือที่เรียกว่า คณะกรรมการถาวรประจำโปลิตบูโร
1
ซึ่งแน่นอนว่า สี จิ้นผิง เป็นเบอร์ 1 ใน 7 คนนี้
ที่น่าสนใจคือ เบอร์ 2 ก็คือ หลี่ เฉียง ทำให้ในตอนนั้น จึงวิเคราะห์ว่า หลี่ เฉียง นี่แหล่ะ จะขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีจีนคนต่อไป ต่อจาก หลี่ เค่อเฉียง
ว่ากันตามตรง ก่อนการประชุมใหญ่ของจีน เมื่อตุลาคม 2565 หลี่ เฉียง นับว่าเป็นม้านอกสายตา ก็ว่าได้ เพราะไม่มีชื่อของเขาอยู่ในตัวเต็งของนายกฯจีนคนต่อไปเลย
2
และเขาเองก็ไม่ได้เป็นไปในธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยปฏิบัติตาอกันมาของจีน คือ ไม่เคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีมาก่อน
แต่พอเขาเข้ามาอยู่ในอันดับที่สองต่อจาก สี จิ้นผิง ในคณะกรรมการถาวรประจำโปลิตบูโร ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่พูดถึงในทั่วโลก
ทำไมต้องเป็น หลี่ เฉียง?
หากเราได้อ่านในสื่อต่างชาติ โดยเฉพาะสื่อตะวันตก ก็จะวิพากษ์วิจารณ์ไปในแนวทางว่า “เป็นคนสนิท” ของสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน มาตั้งแต่สมัยเด็ก และมักจะอยู่ข้างกายสี จิ้นผิง มาโดยตลอด นับตั้งแต่เป็นประธานาธิบดีจีน
1
และอย่างยิ่ง เขาเป็นผู้ประกาศล็อกดาวน์เซี่ยงไฮ้ ศูนย์กลางเศรษฐกิจหลักของจีน นานหลายเดือน จนมีประเด็นวิจารณ์ ว่าทำให้เศรษฐกิจเสียหาย
1
แต่เส้นทางทางการเมืองของเขากลับมาสดโสอีกครั้ง โดยได้รับการซัพพอร์ทในฐานะที่ดำเนินตามแนวทางของจีน ที่เข้มงวดกับโควิด-19 ก็ยิ่งทำให้เขาถูกมองไปว่า เพราะเป็นคนสนิทของสี จิ้นผิง ถึงได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่
1
ทว่า ถ้าเราตัดเรื่องของความสนิทสนมและใกล้ชิดออกไป จะพบว่า การวางตัว หลี่ เฉียง เป็นนายกรัฐมนตรีจีน นับว่า “เป็นไปตามนโยบายในการบริหารจีนของ สี จิ้นผิง และของพรรคคอมมิวนิสต์จีนเอง”
จุดเด่นของ หลี่ เฉียง คือ การมีประสบการณ์ในแง่ของธุรกิจและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เขาอาจไม่ได้มีประสบการณ์ทำงานในพื้นที่ห่างไกลหรือยากลำบากเท่ากับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนระดับสูงคนอื่นๆ
แต่ด้วยความที่มีดีกรีปริญญาโทบริหารธุรกิจสำหรับผู้นำระดับสูง หรือ Executive MBA จากโรงเรียนพรรคคอมมิวนิสต์ประจำคณะกรรมการกลางพรรค และปริญญาโทบริหารธุรกิจอีกใบจาก Hong Kong Polytechnic University มหาวิทยาลัยชื่อดังของฮ่องกงและระดับโลก ประกอบกับ มีประสบการณ์เป็นผู้ว่าการมณฑลเจ้อเจียง เลขาธิการพรรคฯ ประจำมณฑลเจียงซู
5
และตำแหน่งล่าสุด เลขาธิการพรรคฯประจำมหานครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งพื้นที่เหล่านี้ต่างเป็นพื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญของจีน
2
อย่างยิ่งในพื้นที่เซี่ยงไฮ้ ที่เป็นศูนย์กลางการค้าและนวัตกรรมสมัยใหม่ อนึ่งยังเป็นพื้นที่การลงทุนหลักของกลุ่มทุนและผู้ประกอบการต่างประเทศ
ทำให้เขาถูกวางตัว มาดำเนินนโยบาย “ปฏิรูปเศรษฐกิจ” ตามแนวทางของสี จิ้นผิง เพราะทำงานกันมานาน ตั้งแต่ครั้งอยู่มณฑลเจ้อเจียง
1
อะไรคือผลงานโดดเด่นเรื่องปฏิรูปเศรษฐกิจของ หลี่ เฉียง ก่อนจะถูกวางตัวเป็นนายกรัฐมนตรีจีน?
หนึ่งในผลงานชิ้นโบว์แดงของหลี่ เฉียง คือ การดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนในมหานครเซี่ยงไฮ้ และเขตเศรฐกิจปากแม่น้ำแยงซี หรือ YRD ที่จีนมุ่งเน้นมาก
โดยเขาได้นำพา “TESLA” เข้ามาตั้งโรงงานแห่งแรกที่เซี่ยงไฮ้ได้สำเร็จ และโรงงานนี้กลายเป็นฮับหลักในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า TESLA ไปทั่วโลก
1
ตัวหลี่ เฉียง เมื่อครั้งกุมบังเหียนเซี่ยงไฮ้ ยังส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีระดับสูง รวมทั้งเซมิคอนดักเตอร์ หรือชิป ซึ่งเป็นปัญหาของจีนมานานในแง่ของเทคโนโลยีระดับสูง ที่เป็นแผลใหญ่นับตั้งแต่สงครามการค้าจีนอเมริกา
โดยการส่งเสริมพัฒนาชิปและเทคโนโลยีระดับสูง ก็เป็นไปตามนโยบาย Made in China 2025 ของจีนด้วย
หลี่ เฉียง ผู้นี้ ยังนับว่าเป็นคนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอเมริกา และมีความรู้ความเข้าใจระหว่างจีนและอเมริกา ตามเคสที่อ้ายจงได้เล่าไปข้างต้น ซึ่งแม้ว่า เราจะเห็นอเมริกากับจีนมีข้อพิพาทมาโดยตลอด แต่ ทั้งสองประเทศก็ต่างยอมรับว่า “ยังคงต้องมีความร่วมมือต่อกัน โดยเฉพาะการค้า” ดังนั้น จุดนี้ จึงเป็นจุดที่หลี่ เฉียง โดดเด่น
1
ในประเด็นของการจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในฮ่องกง มีคอนเนคชั่นและสัมพันธ์อันดีกับที่ฮ่องกงของ หลี่ เฉียง โดยเป็นไปในลักษณะเดียวกับสมาชิกส่วนใหญ่ใน 6 คน ของคณะผู้นำระดับสูงของพรรคฯ ข้างกายสี จิ้นผิง ยังเป็นอีกหนึ่งข้อที่ไม่สามารถมองข้ามได้
1
เพราะการที่มีความเข้าใจและสัมพันธ์อันดีกับฮ่องกง จะเป็นสะพานไปสู่ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” อย่างแท้จริง และเป็นต้นแบบที่จีนแผ่นดินใหญ่จะนำไปใช้กับไต้หวัน และพยายามทำให้ไต้หวันเห็นจากฮ่องกง
3
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องติดตามต่อไปว่า หลังจากการรับตำแหน่งของ หลี่ เฉียง เขาจะดำเนินการนโยบายและพาจีนไปในทิศทางไหน จะดำเนินการแค่ตามนโยบายของสี จิ้นผิงอย่างเดียว ตามที่สื่อตะวันตกตั้งข้อกังขาไว้หรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่รอคอยการฟื้นฟูและพาไปสู่เป้า GDP ของจีน เติบโต 5% ในปี 2566 นี้
#อ้ายจง #เล่าเรื่องเมืองจีน #ชีวิตในจีน
โฆษณา