12 มี.ค. 2023 เวลา 01:28 • หุ้น & เศรษฐกิจ

มาอ่านกรณีศึกษาที่น่าสนใจนี้กัน

การลงทุนในตราสารหนี้ หลายคนมักเลือกเป็นหนึ่งในการลงทุน เนื่องจากมีผลตอบแทนจากดอกเบี้ยรับที่ค่อนข้างแน่นอน ความผันผวนต่ำ แต่ก็มีความเสี่ยงเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะถ้าจำเป้นต้องขายออกมาก่อนครบกำหนดในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้น และต้องถือว่าเป็นการขึ้นดอกเบี้ยที่ค่อนข้างมากโดยเฉพาะในอเมริกา
Silicon Valley Bank เป็นธนาคารดังย่าน Silicon Valley ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เป็นธนาคารของ venture capital และ startup นะ
มารู้จักตราสารหนี้กันก่อน
มูลค่าที่ตราไว้ หรือ Par value อันนี้คือมูลค่าหน้าตั๋ว ที่เราจะได้รับเงินคืนเมื่อถือจนครบกำหนดอายุ
วันครบกำหนดอายุ (Maturity date) เป็นวันหมดอายุหรือวันครบกำหนดไถ่ถอนของตราสารหนี้นั้น ซึ่งผู้กู้จะจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ยงวดสุดท้ายให้กับผู้ถือตราสารหนี้นั้นๆ
อัตราดอกเบี้ย (Coupon rate) เป็นอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ออกหุ้นกู้นั้นจ่ายให้กับผู้ถือตราสารหนี้นั้นๆ ถ้าเราถือตราสารหนี้นั้น ก็จะได้ดอกเบี้ยไปเรื่อย ๆ ตาม coupon rate
ส่วน Yield คือ อัตราผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุน คิดจาก ผลตอบแทนที่ได้รับ หารด้วย เงินลงทุนที่เราลงทุนไปหรือราคาที่ซื้อมา ดังนั้น yield จะสูงคือ ได้ผลตอบแทนแทนออกมามาก หรือซื้อมาถูก(ใช้เงินลงทุนน้อย)
จะเห็นว่า มูลค่าหรือราคาของตราสารหนี้ แปรผกผันกับ อัตราผลตอบแทน (yield)
และราคาของตราสารหนี้จะลดลงเมื่อดอกเบี้ยในตลาดปรับเพิ่มขึ้น อธิบายอย่างง่ายคือ ถ้าตราสารหนี้เดิมที่เราถืออยู่ ได้ดอกเบี้ย 3% แต่ตอนนี้อัตราดอกเบี้ยในตลาด อยู่ที่ 6% ถ้าเราต้องขายตราสารหนี้เดิมออกมา เราก็ต้องขายถูกกว่าราคาหน้าตั๋ว เพื่อจะปรับให้คนที่มาซื้อของเรา ได้ yield หรือผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดอกเบี้ยในตลาด
ส่วนการคิดมูลค่าตราสารหนี้แบบละเอียดว่า ทำไมถึงเป็นแบบบที่เล่าข้างต้น อ่านเพิ่มเติมได้จากโพสนี้นะ https://www.facebook.com/DoctorWantTime/posts/pfbid02rTxKbCY188QmUDcmKPWJZEMkUNEVka5UV1MeAm4jWC3hPb4mwUTfKmdY7Y8e5RYfl
ในประเทศสหรัฐ ผู้ที่กำหนดนโยบายอัตราดอกเบี้ยก็คือธนาคารกลางหรือ FED ผ่านคณะกรรมการ FOMC ซึ่งจะออกมาเป็น Fed fund rate ซึ่งเป็นดอกเบี้ยการกู้ยืมข้ามคืนระหว่างธนาคาร เป็นเหมือนอัตราดอกเบี้ยขั้นต่ำของสหรัฐ ซึ่งจากดอกเบี้ยแทบจะ 0% เมื่อ กุมภาพันธ์ 65 ขึ้นมาเป็น 4.5% เมื่อกุมภาพันธ์ 66 ภายใน 1 ปี
ตราสารหนี้มักเป็นสินทรัพย์อย่างหนึ่งที่ธนาคารไปลงทุนไว้ ซึ่งถ้าธนาคารไม่ได้ขายออกมา ก็จะได้รับดอกเบี้ยตาม coupon rate ที่กำหนดไว้ และได้รับเงินคืนตาม Par value หรือราคาหน้าตั๋ว แต่ในระหว่างทางที่มูลค่าตราสารหนี้ลดลง ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นแบบนี้ ก็จะลงเป็น unrealized loss แต่ถ้าถือไปจนครบกำหนดอายุของตราสาร มูลค่าก็จะกลับไปที่ราคา par การขาดทุนนี้ก็หายไป
แต่ถ้าธนาคารเริ่มมีปัญหาสภาพคล่อง และต้องขายสินทรัพย์เพื่อให้ได้เงินสดมา ก็จะทำให้ขาดทุนทันที และนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ Silicon Valley Bank
ถ้าเราลงทุนตราสารหนี้โดยตรงด้วยตนเอง ก็จะเป็นลักษณะเดียวกัน คือถ้าเราถือตราสารไปจนครบกำหนดอายุ เราก็จะได้ดอกเบี้ยตามที่กำหนดไว้ และได้เงินต้นคืนตามที่กำหนดไว้หน้าตั๋ว แต่ถ้าเราขาดเงินสด แล้วต้องขายตราสารหนี้เดิมออกมา ก็จะขาดทุนได้ ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นแบบนี้
ถ้าเราลงทุนผ่านกองทุนรวม มูลค่าตราสารหนี้จะถูก Book มูลค่าตราสารหนี้ ตามราคาตลาด ที่เรียกว่า Mark to market ดังนั้น NAV จะลดลงได้ ในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นถึงแม้กองจะยังไม่ได้ขายออกมา
#ตราสารหนี้ #ลงทุนตราสารหนี้ #ดอกเบี้ย #หมอยุ่งอยากมีเวลา
โฆษณา