12 มี.ค. 2023 เวลา 23:24 • ไลฟ์สไตล์

ความผูกพันกับบางคนเหมือนสิ่งลึกลับ

คุณแยกไม่ออกระหว่างรักกับเกลียด
คุณบอกไม่ถูกด้วยซ้ำว่า มันเริ่มขึ้นเมื่อไหร่แน่
แล้วก็มองไม่เห็นเลยว่า เมื่อใดจะจบจะสิ้น
คล้ายมีพลังชักใยอยู่เบื้องหลัง
อยู่นอกเหนือประสบการณ์ที่สัมผัสได้
เหมือนมันอยู่ตรงนั้น
ก่อนที่คุณ เขา หรือเธอ จะเกิดมา
อีกทั้งน่าจะอยู่ตรงนั้น
หลังจากที่คุณและคนทั้งโลก
ล้มหายตายจากไปแล้วด้วย!
2
สายสัมพันธ์อันน่าทรมาน
เหมือนมีความผิดยังชดใช้ไม่หมด
แถมเห็นๆว่ามีระเบิดเวลาซุกอยู่ข้างหน้า
จะหาอะไรมาปลดแอกตัวเองได้?
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
ความผูกพันที่ลึกลับ อธิบายยากทำนองนี้
ทำให้คนธรรมดาทั่วไป
มีความโน้มเอียงจะเชื่อเรื่องปางก่อนปางหลัง
แต่คนธรรมดาที่ไร้อภิญญารู้แจ้งเห็นจริง
ก็ไม่อาจทราบได้อยู่ดีว่า
‘ชาติก่อน’ เคยผูกกรรมกับใครไว้อย่างไร
จึงรู้สึกอึดอัด อ้ำอึ้ง กลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ได้แต่พูดตามๆกันเป็นคำสำเร็จรูป เช่น
เคยทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน
ยังใช้กรรมกันไม่หมด ยังตัดเวรกันไม่ขาด ฯลฯ
ความโยงใย ความผูกมัด ความร้อยรัด
แบบที่ตัดไม่ตายขายไม่ขาดนั้น
แท้จริงแล้วมีภาพรวมอยู่ว่า
เป็นดวงสว่างหรือดวงมืดมากกว่ากัน
เป็นสายโซ่แห่งบาปเวรประมาณใด
เป็นสายใยแห่งบุญคุณขนาดไหน
เหลือแรงดึงดูดอยู่เท่าไหร่
แม้ตายไปคนหนึ่งขึ้นสูง
คนหนึ่งลงต่ำ แยกย้ายชั่วคราว
ในที่สุดก็ประจบครบรอบ
ถูกแรงกรรมดึงดูดมาพบ
มารื่นรมย์ มาทรมานร่วมกันอีกอยู่ดี
แต่เมื่อไม่อาจเห็นความโยงใยนั้น
ด้วยกำลังอภิญญาตาทิพย์ในคราวเดียว
ก็อาจสะสมกำลังสติไปเรื่อยๆวันต่อวัน
มองผ่านช่องทางที่พระพุทธเจ้าสอนไว้
ในอายตนบรรพของมหาสติปัฏฐานสูตร
นั่นคือ ให้มองโซ่ร้ายและสายใยดีทั้งหลาย
โดยความเป็น ‘สังโยชน์’
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
การจะตรวจดูว่า คุณมีสังโยชน์ใดอยู่บ้าง
ไม่ใช่จากการหลับตานึกเอาหรือคาดคะเนเอา
แต่ต้องด้วยการ ‘รู้ใจตัวเอง’ ผ่านสัมผัส
ที่เข้ามากระทบชนิดต่างๆ
เห็นใคร แล้วรู้สึกอยากมอง
แปลว่ายังมีสังโยชน์ทางตากับเขา
ได้ยินเสียงใคร แล้วรู้สึกอยากฟัง
แปลว่ายังมีสังโยชน์ทางหูกับเขา
คิดถึงเหตุการณ์ใดร่วมกับใคร
แล้วรู้สึกอยากให้เกิดเหตุการณ์นั้นอีก
แปลว่ายังมีสังโยชน์ทางใจกับเขาอยู่
สังโยชน์ที่มีต่อคนแปลกหน้า
มักเกิดขึ้นในทางกามคุณถ่ายเดียว
เช่นที่มีต่อ นักร้อง ดารา นายแบบนางแบบ
แต่สังโยชน์ที่มีต่อคนรู้จัก
คนที่มีเหตุให้เข้ามาพัวพันใกล้ชิด
อาจเกิดขึ้นได้ซับซ้อนพิสดาร
โดยเฉพาะความคิดคำนึงแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้
ความสุขความทุกข์ที่ระคนปนเปจนแยกไม่ออก
การคาดคะเนหรือพยายามวิเคราะห์
ด้วยความคิดเป็นเหตุเป็นผล มักไร้ประโยชน์
ในเมื่อจิตแบบคิดๆนึกๆ
ไม่อาจขุดค้นลงไปเจอภาพนิมิตเหตุการณ์ปางก่อน
อันเป็นที่มาที่ไปของความโซ่ร้ายสายใยดี
แต่การ ‘สักแต่รู้และยอมรับตามจริง’ ไปเรื่อยๆว่า
กระทบทางตา กระทบทางหู กระทบทางใจ
แล้วคุณรู้สึกถึงความผูก ความคลาย
รู้สึกติดพันหรืออยากออกห่าง
บ่อยเข้าจะเกิดความรู้ขึ้นเองอย่างหนึ่ง คือ
ตอนนี้คุณ ‘ไปได้’ หรือ ‘ยังไม่มีทางไป’ ประมาณไหน
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
และถ้ายังรู้ๆๆต่อไปเรื่อยๆ
กระทั่งถึงขีดที่สติมีความสามารถเห็นความไม่แน่นอน
เช่น เห็นด้วยตาวันก่อนผูกพันมาก
เห็นด้วยตาวันนี้ผูกพันน้อย
สัมผัสเนื้อตัวตอนนี้ รู้สึกรังเกียจ
แต่หวนนึกถึงสัมผัสครั้งก่อน ยังยินดีอยู่ ฯลฯ
จิตจะฉลาดขึ้น และทราบได้ว่า
ความผูกพัน ความโยงใย
ไม่ใช่อะไรที่ต้องอยู่ตรงนั้นถาวร
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลง ผันผวนได้
ตามเหตุปัจจัยเป็นครั้งๆ
ถ้าสติเจริญขึ้น เกินระดับคิดๆนึกๆ
เกิดความหยั่งรู้ขึ้นเอง
เหนือสัญชาตญาณ เหนือสามัญสำนึก
เห็นภาพชีวิตเขาชีวิตเราเป็นนิมิตชัดเจนอยู่ในใจ
คุณจะประมาณความเหนียวแน่นของโซ่ร้ายสายใยดีถูก
อ่านออกทะลุปรุโปร่งว่า ระหว่างคุณกับใคร
จะต้องแยกทางกันชาตินี้เมื่อใด
จะต้องมาร่วมทางกันอีกในชาติไหน
ทุกวันนี้คุณอยู่บนเส้นทางเพิ่มห่วง หรือลดห่วง
คุณถูกโซ่กรรมร้อยรัดหนักแค่ไหน
หรือเหลือสายใยอาวรณ์ประมาณใด
ที่จะตัดทุกความผูก ทำลายทุกปมฝังใจ
กว่าจะได้พ้นไป ไม่ต้องกลับมาเจอใครๆอีก!
.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..
สำหรับท่านที่อยากรู้สูตรสำเร็จตายตัวในการตัดใจ
แท้จริงแล้ว การตัดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
บอกชัดครอบจักรวาลไม่ได้
บทความนี้มุ่งเน้นให้เข้าใจตัวเอง
และเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ทำความตระหนักว่าตัวเอง
กำลังอยู่บนเส้นทางเพิ่มความร้อยรัดหรือคลายออก
เพราะหลายคนมักออกแนวตั้งโจทย์ผิดๆ เช่น
คิดว่า ทำยังไงจะไม่ต้องเจอกันอีก
แล้วหาสูตรสำเร็จซึ่งทำไม่ได้จริงกัน
หรือหนักกว่านั้นคืออธิษฐานนั่นอธิษฐานนี่
ตอกย้ำกรรมสัมพันธ์ซับซ้อนหนักหนาสาหัสขึ้นไปอีก
ถ้าอยากตัด แค่ทำไว้ในใจว่า
ที่สุดขอให้จากดี อย่าจากร้าย
แล้วพฤติกรรมทั้งหลายจะรวมลงไปถึงจุดนั้นเอง
แต่ถ้าไม่ทำไว้ใจแบบนี้
จะพบตัวเองอยู่บนเส้นทางคุ้มดีคุ้มร้าย
เอาแน่เอานอนไม่ได้ วันนึงอยากแช่ง วันนึงอยากชม
เจอหน้ากันด้วยความรู้สึกเหมือนคนบ้า
ไม่รู้ว่ารักแรงหรือเกลียดแรงเพราะอะไร
ลืมหมดว่าเคยคิดเคยรู้สึกอะไรไว้แค่ไหน
เห็นจุดนี้แหละ สำคัญที่สุด!
โฆษณา