ส่องรายได้ทีวีดิจิทัลในตลาดหุ้นประจำปี 2565 พบ ONEE ผงาดเป็นเบอร์ 1 ในตลาด!
เวียนบรรจบครบอีกปีที่ทีวีดิจิทัลจะทยอยสรุปรายได้ โดยเฉพาะฝั่งที่เป็นทีวีดิจิทัลในตลาดหลักทรัพย์ทั้งหลายที่ต้องรายงานให้ประชาชนและนักลงทุนรับทราบ ซึ่งในปี 2565 ที่ผ่านมานั้น ทีวีดิจิทัลหลายเจ้าก็แข่งขันกันอย่างดุเดือด ชนิดที่ว่าสูสีทั้งคอนเทนต์ เรตติ้ง และฐานผู้ชมกันเลยทีเดียว ในขณะเดียวกันหลายเจ้าก็ทยอยปรับตัวเป็น Content Provider ที่ส่งออกคอนเทนต์ไปหลายช่องทางอีกด้วย วันนี้ส่องสื่อขอส่องรายได้ 9 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์มาให้ได้ติดตามกัน
อันดับที่ 1 : ONEE ผู้ครองตลาดละครเย็นและซีรีส์วาย
อันดับ 1 ที่รายได้สูงที่สุด และยังคว้าอันดับ 1 บริษัทที่ทำกำไรสูงที่สุดในปีนี้ในกลุ่มทีวีดิจิทัลที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หนีไม่พ้น ONEE ที่ครองช่องวัน 31 และช่องจีเอ็มเอ็ม 25 คว้ารายได้ 6,226 ล้านบาท กำไรสุทธิ 738 ล้านบาท
ซึ่งถึงแม้จะลดลงจากปีที่แล้วจากต้นทุนการผลิตเนื้อหาสูงขึ้น แต่ยังคงมีความสามารถในการกระจายคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหัวหอกอย่างละครเย็นช่องวัน 31 ที่ครองความนิยมไปเป็นอย่างมาก และซีรีส์วายจากจีเอ็มเอ็มทีวีที่ครองความนิยมไปยังต่างประเทศได้ดี
อันดับที่ 2 : ช่อง 3 ผู้รุกเข้าสู่ธุรกิจบันเทิงเต็มรูปแบบ
ช่อง 3 หรือ BEC ในปี 2565 คว้ารายได้ไป 5,135 ล้านบาท และมีกำไรเป็นอันดับที่ 2 ในตลาดหลักทรัพย์ของกลุ่มทีวีดิจิทัล ซึ่งคว้ากำไรไปทั้งสิ้น 607 ล้านบาท โดยในปีที่แล้วช่อง 3 ได้ขยายฐานการผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบอื่นๆ เช่น การรุกเข้าสู่ธุรกิจเพลง ภาพยนตร์ และการเปิดตัวหมวดธุรกิจใหม่อย่าง BEC Studios ที่เน้นการผลิต Original Content ลงแพลตฟอร์มต่างๆ รวมถึงการสร้างสตูดิโอที่ติดกับสตูดิโอถ่ายทำเดิมที่หนองแขมอีกด้วย
อันดับที่ 3 : อมรินทร์ ผู้นำในธุรกิจสื่อครบวงจร
ปีนี้อมรินทร์เป็นอีกกลุ่มที่พุ่งแรงเช่นกัน ซึ่งนอกจากกลุ่มทีวีแล้วยังมีอีกหลายหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ การจัดจำหน่าย การทำ Event โดยในปีนี้อมรินทร์ทีวีมีแผนในการพัฒนาสถานที่ ซึ่งสตูดิโอใหม่ก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานแล้วด้วย
อันดับที่ 4 : อาร์เอส บริษัทที่ไม่ได้มีดีแค่ขายของ แต่ละครก็เด่น
ในปีนี้อาร์เอสได้วางกลยุทธ์ใหม่ในการแตกแบรนด์ และจับกลุ่มธุรกิจออกเป็น 6 หน่วย หนึ่งในนั้นคือ RS Multimedia ซึ่งคาดหวังให้บริษัททั้งหมดทยอยเข้าตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ ซึ่งในส่วนของช่อง 8 ปีนี้มีการปรับผังทั้งเวลาละครและเวลาข่าว โดยเน้นข่าวเป็นคอนเทนต์หลักของช่อง ซึ่งต้องรอดูข่าวลือเรื่องผู้ประกาศข่าวคนดังจะมาย้ายที่ช่อง 8 หรือไม่อย่างไรต่อไป
อันดับที่ 5 : เจเคเอ็น ผู้รุกเข้าสู่ธุรกิจนางงามครบวงจร
เจเคเอ็ม โกลบอล กรุ๊ป ที่มีช่อง JKN18 ถือครองอยู่ ซึ่งนอกเหนือจากรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายคอนเทนต์ ธุรกิจสื่อแล้ว ยังมีธุรกิจ Miss Universe และการจัดจำหน่ายสินค้าอีกด้วย ซึ่งในส่วนของช่อง JKN18 ในปีที่ผ่านมานั้นก็เป็นอีกช่องที่เน้นซีรีส์อินเดียเป็นหลัก และรายการประกวดนางงามที่ตนเองได้รับสิทธิ์มา ในส่วนของข่าวนั้นก็ยังคงมีการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้ชมมากที่สุด
อันดับที่ 6 : เวิร์คพอยท์ ผู้นำทางด้านรายการวาไรตี้
อันดับที่ 6 ตกเป็นของเวิร์คพอยท์ ที่พยายามเพิ่มทั้งรายการวาไรตี้และละครเย็นเข้าไปช่วยให้ช่องแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งช่วยได้เป็นอย่างมากและแข่งขันกับช่องอื่นๆ ได้ดีเลยทีเดียว ส่วนข่าวปีนี้มีการปรับอย่างชัดเจน โดยเปลี่ยนแบรนด์สำนักข่าวในเครือ เช่น workpointTODAY เปลี่ยนเป็นสำนักข่าว TODAY เป็นต้น
3 อันดับสุดท้าย : โมโน เน็กซ์ ที่ถึงแม้รายได้หลักพันล้าน แต่กำไรหลักสิบล้าน, เนชั่น กรุ๊ป รายได้รั้งท้าย แต่กำไรแซงโค้ง และอสมท ที่ปีนี้กลับมาขาดทุนอีกแล้ว
ส่วนอีก 3 อันดับประกอบไปด้วยโมโนเน็กซ์ ที่ปีนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรหวือหวามากเท่าไหร่, เนชั่น กรุ๊ป ที่ปี 2565 ทยอยซื้อสื่อในเครือมาเพิ่ม ทั้ง Post TODAY และฐานเศรษฐกิจ รวมถึงปรับกลยุทธ์ต่างๆ ภายในให้พัฒนาและหารายได้ได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น และ อสมท ที่ปีนี้เป็นอีกปีที่ยากลำบาก ทั้งการสรรหากรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้ที่ต้องมารับบทกู้สถานการณ์ อสมท โดยรวม และยังเป็นสื่อเพียงเจ้าเดียวใน Rank นี้ที่ขาดทุนร่วม 40 ล้านบาทอีกด้วย
ปี 2566 คาดว่าจะเป็นอีกปีที่ทีวีดิจิทัลยังแข่งขันกันดุเดือด ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ข่าวที่ทำให้ทุกคนต้องแข่งขัน รวมถึงการกว้านผู้ชมด้วยรายการวาไรตี้ และการหนี Digital Disruption ที่เปลี่ยนแปลงมากขึ้นทุกวัน สู้ไปกับระยะเวลาของใบอนุญาตที่กำลังจะหมดลง และความไม่ชัดเจนเรื่องการประมูลหรือต่อใบอนุญาตจากผู้กำกับดูแลอีกด้วย ยังไงก็ต้องรอดูความชัดเจนกันอีกที แต่ผมรับรองได้ว่าปีนี้เป็นอีกปีที่ดุเดือดแน่นอน!
เรียบเรียงโดย กฤตนัน ดิษฐบรรจง
กราฟิกโดย ศุภณัฐ เลิศรักษ์กุล
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
