17 มี.ค. 2023 เวลา 00:02 • หนังสือ

อย่ามัวแต่ใส่ใจความต้องการคนอื่น จนลืมความต้องการของตัวเอง

ตอนเรียนจบใหม่ ๆ ผมคิดว่าตัวตนของผมได้ก่อตัวขึ้นแล้ว ทั้งนิสัย ความชอบ วิธีคิด และสิ่งเหล่านี้ก็น่าจะไม่เปลี่ยนแปลงอีกแล้ว
แต่วันเวลาผ่านไป การทำงาน การเติบโต และประสบการณ์ดีร้ายต่าง ๆ ที่เจอ กลับค่อย ๆ เปลี่ยนผมไปจนผมในวันนี้กับตัวผมในวันที่เรียนจบนั้นต่างกันเป็นคนละคนเลยทีเดียว
นี่จึงทำให้การแนะนำคนเรียนจบใหม่เป็นเรื่องยากมากทีเดียว เพราะพวกเขายังอยู่ในวัยที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง และเขายังไม่เคยอาบกาลเวลามาก่อน
แต่มีสุนทรพจนึงในหนังสือ “​​วิชาสุดท้ายที่มหาลัยไม่ได้สอน” ที่ผมคิดว่าเป็นคำแนะนำในการใช้ชีวิตที่ดีมากสำหรับทั้งคนจบใหม่ และทุกคนอีกด้วยครับ นั่นก็คือสุนทรพจของ Steve Jobs ณ Stanford University ปี 2005
Jobs พูดถึง 3 เรื่องหลัก ๆ ครับ เรื่องแรกคือเรื่องของการต่อจุดอย่างที่หลาย ๆ คนคงเคยได้ยินมาก่อนแล้ว เขาบอกว่าเวลาเราเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ หรือได้บทเรียนอะไรมา ก็เปรียบเหมือนการจุดเล็ก ๆ ลงในหน้ากระดาษ
วันเวลาผ่านไปเราเรียนรู้มากขึ้น จุดบนกระดาษจึงเยอะขึ้นเรื่อย ๆ และกระจัดกระจายเต็มไปหมด สิ่งที่เราต้องทำคือการเชื่อมโยงจุดต่าง ๆ เข้าหากัน เพื่อวาดภาพตัวเองในแบบที่ดีที่สุด
เรื่องที่สองคือเรื่องความรักในสิ่งที่ทำ Jobs เล่าถึงช่วงที่โดนไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองก่อตั้ง ทำให้เขาเจ็บปวดและหลงทางไปหลายเดือนเลยทีเดียว
แต่โชคดีที่เขาตอบตัวเองได้ชัดเจนมากว่าเขา “ยังคงรักในสิ่งเดิมอยู่” ก็เลยถือโอกาสเริ่มต้นใหม่ซะเลย เขาลดอีโก้ตัวเองลง แล้วทำในสิ่งที่รักต่อไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็ได้กลับมาสู่บริษัทแอปเปิลอีกครั้ง ดังนั้นความรักในสิ่งที่ทำจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ถ้ายิ่งหาเจอเร็วก็ยิ่งดี
เรื่องที่สามคือเรื่องของความตาย Jobs บอกว่าเขาเคยอ่านเจอประโยคในทำนองว่า “ถ้าคุณใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนมันเป็นวันสุดท้าย วันหนึ่งคุณจะพบว่าสิ่งที่ทำไปนั้นถูกต้อง” Jobs ชอบมาก และใช้มันมาเป็นหนึ่งในหลักการดำเนินชีวิต
เขาถามตัวเองหน้ากระจกทุกวันว่า “ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของผม ผมจะอยากทำสิ่งที่จะทำในวันนี้หรือเปล่า?” ถ้าหากคำตอบคือ “ไม่” ติดกันหลายวัน ผมจะรู้ตัวว่าต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างแล้ว
วันนึง Jobs รู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง ทำให้เขารู้ว่าความตายไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป สิ่งที่อยากให้ทุกคนตระหนักไว้ก็คือ “เวลามีจำกัด” ดังนั้นจงใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ อย่าตกเป็นทาสของกฏเกณฑ์ อย่าใช้ชีวิตตามคำบอกของคนอื่น ให้ฟังเสียงหัวใจและสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะ 2 สิ่งนี้รู้อยู่แล้วว่าเราต้องการอะไร
หากเราสังเกตเรื่องที่ Jobs พูดมา เราจะรู้ว่าแก่นแท้ของทั้ง 3 เรื่องเลยก็คือ “เขารู้จักตัวเองดีมาก” และนั่นน่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาทำหลายอย่างได้ดี
เมื่ออ่านบทนี้จบ ผมก็ต่อยอดออกมาเป็นข้อคิดได้ครับว่า “อย่ามัวแต่ใส่ใจความต้องการคนอื่น จนลืมความต้องการของตัวเอง”
จริง ๆ แล้วชีวิตของเราถูกเรียกร้องจากความต้องการของคนอื่น ๆ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นคนรอบตัว หัวหน้าในที่ทำงาน ความคาดหวังของสังคม จะหักดิบไม่ทำเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่บางทีเราก็ทำมันไปเรื่อย ๆ จนตอบตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่า “เราจะทำไปทำไม?”
ยกตัวอย่างเช่น หลายคนมีความเชื่อว่าผู้หญิงที่ดีต้องทำงานบ้าน แน่นอนว่ามันไม่ผิดนะครับ แต่ในขณะเดียวกันถ้าไม่ได้ทำตามนี้ก็ไม่ผิดเหมือนกัน เพราะชีวิตเรามีทางเลือกอื่น ๆ ด้วย อาจจะตกลงกับแฟนก็ได้ว่าผลัดกันทำ หรืออาจจะจ้างพนักงานทำความสะอาดก็ได้
ไม่ใช่แค่กับเรื่องทำความสะอาดนะครับ จริง ๆ สามารถใช้ได้กับทุกเรื่องเลย เช่น การเลือกงานที่ตัวเองต้องการโดยไม่ต้องคำนึงถึงเสียงรบกวนจากคนอื่นมากเกินไป ทำในสิ่งที่ตัวเองรักโดยไม่ต้องกลัวว่าใครจะว่า อยู่กับคนที่อยากอยู่ด้วย หรือบอกรักใครสักคนที่เราอยากบอก โดยไม่ต้องกังวลถึงผลลัพธ์มากไปนัก
หากเราใช้ชีวิตในแบบที่เราต้องการ ผมเชื่อว่าชีวิตเราจะเริ่มมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้น และคุณก็น่าจะโอบรับความเปลี่ยนแปลงได้ดีขึ้น นี่น่าจะเป็นแก่นของสิ่งที่ Jobs พยายามจะบอกครับ
ชื่อหนังสือ: วิชาสุดท้ายที่มหาลัยไม่ได้สอน
ชื่อสำนักพิมพ์: openbooks
#igotthisfromthatbook #ฉันได้สิ่งนี้จากหนังสือเล่มนั้น
โฆษณา