16 มี.ค. 2023 เวลา 15:14 • ความคิดเห็น

เคยสงสัยไหม ทำไมสปีดในชีวิตเราไม่เหมือนคนอื่น

เพื่อนหลายคนมุ่งไปข้างหน้า ไม่สวิงเลย และบางคนก็ไปเรื่อยๆ ไม่คิดอะไรกับชีวิตมาก ขอแค่รวยเป็นพอ
1
ในขณะที่มีคนมุ่งไปข้างหน้า ก็มีคนวิ่งซ้ายขวา ซิกแซก แวะตรงโน้นบ้างตรงนี้บ้าง ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงจุดหมาย หรือจริงๆ คือยังไม่รู้ว่าจุดหมายคืออะไรด้วยซ้ำ
แล้วก็มาได้คำตอบว่า ในทุกๆ อย่างที่เราทำ เรามักจะ "ชอบ" อะไรบางอย่างหรือตัวตนเราเวลาทำสิ่งนั้นเสมอ ทำให้รู้สึกว่าอยากทำไปหมด ทำได้หมดเพราะความ "อยากรู้"
แต่พอมองกลับมาในโลกแห่งความเป็นจริง เพื่อนหลายคนเดินทางในสปีดที่ควรจะเป็น (ที่ใช้คำว่าควรจะเป็น เพราะมีมากกกว่าหนึ่งคนที่ใช้สปีดนี้ เป็นส่วนมาก > ส่วนน้อย แสดงว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เป็นแบบแผนประมาณหนึ่ง) คนที่วิ่งซิกแซกก็คงต้องดิ้นรนไม่น้อยเลยเหมือนกัน กับการสงสัยในความสามารถของตัวเอง (Self-doubt) และคงคิดว่าสปีดของเรามันช้าไปใช่ไหม
"Late bloomers" ตามความหมายของวิกิพีเดีย คือคนที่มีพัฒนาการช้ากว่าคนอื่นในวัยเดียวกัน แต่สุดท้ายจะตามขึ้นมาทัน และอาจจะเอาชนะเหนือกว่าเพื่อนในวัยเดียวกันด้วยซ้ำ หรือความหมายที่สองคือผู้ใหญ่ที่มีพรสวรรค์หรือความสามารถพิเศษแสดงออกมาให้เห็นชัดช้ากว่าช่วงอายุปกติ ส่วนมากจะเป็นช่วงสูงวัยแล้ว
นักจิตวิทยาบอกว่า ช่วงอายุ 40-64 ปี เป็นช่วงอายุที่ความคิดสร้างสรรค์+ประสบการณ์+ความต้องการของมนุษย์ที่ต้องการทำให้ชีวิตดีขึ้น 3สิ่งนี้ผสมกัน ทำให้เกิดการคลิก การลงตัวแบบจิ๊กซอว์ หรือช่วงเวลาที่เรียกว่า "aha moment" ได้อย่างประหลาด
แล้วถ้าเราเป็น late bloomers จะอยู่รอดยังไงในชีวิตที่มีแบบแผนให้เดินตาม มีความกดดันจากคนรอบข้าง และความที่จะต้องต่อสู้กับความคิดตัวเองอีก?
Keyword ตรงนี้คือ "ประสบการณ์" ในเมื่อ "อยากรู้" หลายอย่าง คนที่เดินซิกแซกจะมีขีดความสามารถในการเรียนที่สูงมาก มี insights ในเรื่องราวต่างๆมากกว่าผู้อื่น เพราะชีวิตคือการทดลอง คือ experiment ถ้าจะสร้างโอกาสให้ bloom ได้ การเก็บประสบการณ์ให้เยอะที่สุด คือเรื่องสำคัญ
บางคนมีโอกาสเก็บประสบการณ์ตอนยังเด็ก (ถือว่าโชคดีมาก) แต่บางคนก็เพิ่งได้เริ่มตอนอายุเยอะ Keyword ที่สำคัญอีกอย่างคือ "หยุดการเปรียบเทียบ" กับสปีดของผู้อื่น เพราะถ้าไม่หยุดโอกาสจะไปต่อถึงจุด bloom อาจจะยากเพราะยอมแพ้ไปซะก่อน ลองนึกถึงตอนที่เราทำหลายอย่างแล้วมีความสุขได้ในสปีดของเราเอง late bloomers ต้องจำไว้เสมอ ว่าเราทำได้ดีที่สุดในสปีดของเราเอง ช่างแบบแผน ช่างความกดดันจากคนรอบข้าง
และ Keyword ที่ 3 คือ หมั่นรดน้ำด้วย small wins, small changes ความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ ที่ทำให้เรามีพลังไปต่อได้ เพราะการต่อสู้กับความคิดตัวเอง ความกดดันตัวเองจะทำให้เราสะดุดระหว่างทางแน่นอน ถ้าเรารดน้ำเติมความสำเร็จระหว่างทางให้กับสิ่งที่เราทำได้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะของมัน late bloomers จะบาน ผลิดอกออกผลได้ดีกว่าใคร
เพราะประสบการณ์ ความเข้าใจตัวเอง การผ่านการทดลอง การ reflect ตัวเอง ความหลากหลายทั้งหมดคือสิ่งที่จะทำให้ late bloomers อยู่ในจุดที่ควรจะเป็นได้
ขนาด JK Rowling ยังแวะซ้ายแวะขวามาหลายปี แวะไปเป็นเลขา เป็นนักวิจัย ครูสอนรร อนุบาล จนมา bloom อย่างสวยงามกับอาชีพนักเขียนนิยายแฟนตาซี ที่ตอนนี้เป็นมากกว่าแค่นักเขียนแล้ว ล่าสุดยังมี Michelle Yeoh ที่ได้รับรางวัลออสการ์ตอนอายุ 60 ทั้งที่อยู่ใน Hollywood มาหลายปี รับบทเล็กใหญ่มาก็หลายเรื่อง เกือบจะได้รับบทเอกแต่ก็ไม่ถึงที่สุด จนมาลงตัวตอนอายุ 60 และนักแสดงสมทบฝ่ายชายเองก็ได้รับรางวัลตอนอายุ 50 ถือเป็นข่าวที่ทำให้ late bloomers ได้ใจชื้นกันไม่น้อยเลย
สุดท้าย การประสบความสำเร็จเร็วอาจไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต โดยเฉพาะถ้ามันไม่ใช่สิ่งที่มีความหมายต่อเรา หรือสร้างความหมายให้กับชีวิตเรา คนเราวิ่งไปถึงจุดหมายด้วยวิธีที่ต่างกัน การทดลองใช้ชีวิตก็เป็นหนึ่งในวิธีเหล่านั้น
อย่ารู้สึกผิดที่วิ่งซ้ายขวา สปีดไม่ทันเพื่อน แต่ควรจะรู้สึกผิดเมื่อพยายามฝืนตัวเองให้วิ่งไปในสปีดเดียวกับเพื่อน แล้วรู้สึกเสียดายทีหลังที่ไม่ได้ทำอะไรที่อยากทำ
แวะหลายที่ ใครจะว่าหลงทางแล้วยังไงล่ะ ถ้าไม่รู้ว่าจุดมุ่งหมายคืออะไร ก็ไม่แปลว่าหลงถูกไหม
Don't let anyone tell you that you have past your prime time
Michelle Yeoh, Oscar 2023
#เคยคิด 16 Mar 2023
ข้อมูลอ้างอิงจาก Harvard Business Review, Globis Insight, thesimpleluxuriouslife
ขอบคุณรูปภาพจาก lawofattractionlive และ startupethics
โฆษณา