“Quiet Luxury” เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับความเรียบง่ายโก้หรูและความยั่งยืนของเสื้อผ้าที่สวมใส่ มากกว่าจะสนใจกับ “สินค้าแบรนด์เนม” ที่คนทั่วไปให้ค่าและเป็นสิ่งกำหนดสถานะทางสังคม
เทรนด์แฟชั่นมักจะวนไปวนมาเสมอ อะไรที่เคยได้รับความนิยมมาก่อน ก็สามารถกลับมาฮิตได้ในปัจจุบัน รวมถึงตอนนี้ยังมีแฟชั่น “ไมโครเทรนด์” ต่าง ๆ ที่ฮิตเพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าว อยู่แค่ไม่กี่เดือนแล้วก็จางหายไป
ดังนั้นในปัจจุบันมีแฟชั่นที่ได้รับความนิยมอยู่มากมาย ทั้งกระแสหลักและกระแสรอง ทำให้เกิดการสร้างสินค้าแฟชั่นขึ้นมามากมาย ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการผลิตเสื้อผ้าตามความต้องการของผู้บริโภค อันทำให้เกิดปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม และเกิดคำถามต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นถึงเรื่อง “ความยั่งยืน”
ขณะที่ผู้บริโภคและเหล่าแฟชันนิสตาต้องเสียเงินจำนวนมากไปกับการซื้อเสื้อผ้าให้ครบตามเทรนด์แฟชั่น และคอลเล็คชันต่าง ๆ จากสินค้าแบรนด์ลักชัวรี แต่ในปัจจุบันที่คนรุ่นใหม่ใส่ใจกับปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ขึ้นมาเรียกว่า “Quiet Luxury” ไม่ง้อสินค้าหรูหราที่แสดงถึงสถานะหรือชนชั้นทางสังคม แต่ให้ความสำคัญกับมรดกทางวัฒนธรรม คุณภาพ และงานฝีมือแทน
🥼“Quiet Luxury” คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ
1
Quiet Luxury เป็นแนวคิดที่ให้ความสำคัญกับความเรียบหรู สง่างาม และความยั่งยืนมากกว่าการอวดร่ำอวดรวย ประโคมแบรนด์เนมใส่เข้าร่าง เพื่อให้คนได้รู้ว่าใส่ของแท้ของแพงจากการเห็นโลโก้ของแบรนด์เหล่านั้นที่อยู่บนตัว ซึ่งปรกติแล้วสินค้าแบรนด์เนมมักถูกเรียกว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เนื่องจากสินค้าในแต่ละคอลเลคชันมีระยะเวลาอยู่ได้แค่ได้ไม่กี่เดือน พอเข้าฤดูกาลใหม่ คอลเลคชันใหม่ก็มาแทนที่ ทำให้ใส่แค่ไม่กี่ครั้ง เสื้อผ้าเหล่านี้ลงเอยไปอยู่ในตู้เสื้อผ้า
อีกสาเหตุที่ทำให้เทรนด์ Quiet Luxury ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเพราะพฤติกรรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปสู่การบริโภคเชิงสัญญะมากยิ่งขึ้น และให้ความสำคัญกับความพึงพอใจส่วนตัวอย่างลึกซึ้ง อีกทั้งไม่ยอมให้สังคมมากำหนดสถานะของพวกเขาผ่านโลโก้สินค้า
ผู้ผลิตสินค้าในเทรนด์ Quiet Luxury จะผลิตเสื้อผ้าโดยคำนึงถึงอายุการใช้งานที่ยืนยาวด้วยวัสดุธรรมชาติ เช่น หนังเทียมที่ยั่งยืน (ผลิตจากพืชและผลไม้) ผ้าไหม ผ้าขนสัตว์ และผ้าฝ้าย แทนที่วัสดุสังเคราะห์ที่นิยมใช้ในสินค้าแบรนด์เนม เช่น ไนลอนและโพลีเอสเตอร์ ถึงเสื้อผ้าเหล่านี้จะไม่ได้มาจากแบรนด์ระดับไฮเอนด์ แต่วัสดุคุณภาพสูง และความปราณีตในการผลิตช่วยทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น
อีกแบรนด์ที่มีชื่ออย่างมาก คือ “The Row” ของคู่ฝาแฝด แมรี่-เคท และ แอชลีย์ โอลเซน ที่ออกแบบสินค้าด้วยความเรียบง่าย สมกับนิยามที่ว่า น้อยแต่มาก เรียบแต่โก้ ไฮแฟชั่น เหมาะสำหรับใส่ในทุกโอกาส ไม่ได้ดูฉูดฉาดมากจนเกินไป แถมยังไม่มีโลโก้ของแบรนด์ในเสื้อผ้าให้รกหูรกตา แต่ถึงกระนั้นไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าถึงสินค้าแบรนด์นี้ได้ เพราะเสื้อชั้นในของแบรนด์นี้ มีราคาสูงถึง 600 ดอลลาร์
🥼ใช้งานได้นานแต่ไม่จำเป็นต้องแพง
ราคาของเสื้อผ้าที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูงนั้นมีราคาแพงไม่ใช่ย่อย ดังนั้นการซื้อเสื้อผ้ามือสองตามตลาดนัดจตุจักร หรือ ตลาดปัฐวิกรณ์ก็เป็นตัวเลือกที่ดี ทั้งราคาถูกและแถมยังได้เสื้อผ้าถูกใจ เสื้อผ้ามือสองไม่ได้หมายความจะต้องตกเทรนด์อยู่เสมอ เพราะมีเสื้อผ้าหลายแนวที่อยู่เหนือกาลเวลา อย่างเช่น เสื้อผ้าสีดำที่สามารถแต่งได้หลากหลายโอกาส แถมจับคู่ได้กับเสื้อผ้าแบะเครื่องประดับได้หลากหลายแนว แต่อาจจะต้องเสียเวลาค้นหาสักหน่อย แล้วคุณอาจจะเจอ “ของดี” เป็นเพชรในตม ที่หลบซ่อนอยู่ในกองสินค้าเหล่านั้น
1
การเลือกสินค้ามือสอง นอกจากจะต้องดูว่าเป็นเสื้อผ้าที่มีไซส์เหมาะสมกับตัวคุณหรือไม่ ยังจะต้องดูว่า ตะเข็บหลุดลุ่ยหรือไม่ รอยเย็บเท่ากันไหม มีรอยขาดหรือมีคราบเปรอะหรือไม่
นอกจากนี้ คุณยังสามารถนำเอาเสื้อผ้าเก่าของพ่อแม่มามามิกซ์แอนด์แมทช์ใกับเสื้อผ้าของคุณได้อีกด้วย หรือจะลองซื้อเสื้อผ้าสไตล์มินิมอลจากร้านค้าในช้อปปิ้งออนไลน์หรือตามตลาดนัดก็ได้เช่นกัน เพราะหัวใจสำคัญของเสื้อผ้านั้น ไม่จำเป็นต้องแพง แต่ต้องสามารถแสดงตัวตนของผู้สวมใส่ได้อย่างดี
อ่านต่อ:
17 ถูกใจ
16 แชร์
10K รับชม
แสดงความคิดเห็นของคุณ...