19 มี.ค. 2023 เวลา 08:13 • กีฬา

มาเตโอ เรเตกี:ศูนย์หน้าดาวรุ่งที่อิตาลีอยากได้มาแก้ปัญหา"ยิงนกตกปลา"| Main Stand

หากกล่าวถึง “ทีมชาติอิตาลี” ในยุคปัจจุบัน มักอาภัพกับตำแหน่งศูนย์หน้าอย่างน่าเหลือเชื่อ ไม่ว่าพ่อค้าแข้งเหล่านั้นจะโชว์ฟอร์มสุดสะเด่ากับสโมสรขนาดไหนก็เป็นอันต้องมาดับสนิท เพราะกองกลางแม้จะเทพขนาดไหน จ่ายไปให้อย่างงาม แต่กลับล่อตาข่ายไม่ค่อยเป็นเสียเฉย ๆ ซ้ำร้ายศูนย์หน้าที่ไม่ค่อยจะยิงได้นั้นยังมีบางรายประสบปัญหาอาการบาดเจ็บกันระงมอีกด้วย
ดังนั้น โรแบร์โต้ มันชินี่ และสมาพันธ์ฟุตบอลอิตาลี จึงไม่มีทางเลือกในการที่ต้องไปสรรหา “ศูนย์หน้าอนาคตใหม่” ในที่อื่น ๆ นอกเหนือจากเซเรีย อา และละแวกใกล้เคียงที่อยู่ในฟอร์มร้อนแรงมากพอที่จะมากู้วิกฤตการ “ยิงนกตกปลา” ของพลพรรคอัซซูรี่ให้จงได้
1
และหวยได้ไปออกที่ “มาเตโอ เรเตกี (Mateo Retegui)” ศูนย์หน้าวัยรุ่นสายแทงก์เชื้อชาติอาร์เจนตินา โดยเขามีเชื้อสายอีตาลีมาจากทางมารดา เป็นแข้งที่ โบคา จูเนียร์ส ปล่อยยืมไปที่ ติเกร (Club Atlético Tigre) และกำลังทำผลงาน “สุดตึง” นำดาวซัลโวแบบหล่อ ๆ อยู่อีกด้วย
ร่วมติดตามวิถีแห่งการค้าแข้งของชายที่อิตาลีฝากความหวังไว้ไปพร้อมกับ Main Stand
เล่นฮอกกี้ไปก่อน ผมจะเตะบอล
1
มาเตโอ เรเตกี เกิดวันที่ 29 เมษายน 1999 ณ เมืองซานแฟร์นันโด เด ลา บูเอนา วิสทา (San Fernando de la Buena Vista) เมืองหลวงของเทศบาลซานแฟร์นันโด พาร์ทิโด (San Fernando Partido) ทางตอนเหนือของกรุงบัวโนสไอเรสไปประมาณ 20 กิโลเมตร (ราว ๆ ขับรถจากกรุงเทพฯ ไปนนทบุรี) หรืออาจกล่าวได้ว่าเรเตกีนั้นเป็นชาว “ปริมณฑล” ก็ย่อมได้
คุณพ่อของเขา คาร์ลอส โฆเซ่ เรเตกี (Carlos José Retegui) หรือที่รู้จักในนาม “เอล ชาปา (El Chapa)” ถือได้ว่าเป็นนักกีฬาฮอกกี้ทีมชาติอาร์เจนตินาและโค้ชระดับตำนานของพลพรรค “โลส เลโอเนส (Los Leones)” อีกด้วย โดยที่คุณแม่ของเขา มารีญา กรันโดลี (Maria Grandoli) เป็นชาวอาร์เจนตินาเชื้อสายอิตาลี
ถึงแม้ว่าเขาจะคลุกคลีอยู่กับกีฬาหวดลูกพัคมาตั้งแต่จำความได้ แต่ในส่วนลึกของจิตใจเขากลับชื่นชอบฟุตบอล โดยมีพี่สาวเล่นฮอกกี้อยู่อีกคน
เรียกได้ว่าพ่อกับแม่พยายามโน้มน้าวให้หันมาเล่นฮอกกี้เท่าไรก็ไม่เป็นผล แถมในภายหลังเขายังได้เปิดเผยถ้อยคำที่โน้มน้าวให้คุณพ่อใจอ่อน ยอมให้เขาเป็นพ่อค้าแข้งไว้กับ Diario Olé สื่อออนไลน์ท้องถิ่นของบัวโนสไอเรส ความว่า
“นี่ผมกำลังเติมเต็มความฝันของพ่ออยู่นะครับ ... คือผมรู้มาเสมอว่าพ่อผมเขาอยากเล่นฟุตบอลมาตลอด แต่ก็ไม่ได้ผิดอะไรที่พ่อผมหันไปเล่นฮอกกี้แทน และแน่นอนว่าพ่อของผมตอนนี้อยู่บนจุดสูงสุดของฮอกกี้ในประเทศเรียบร้อย พ่อผมคงตื้นตันและมีความสุขกับความสำเร็จนี้ครับ เหรียญทองโอลิมปิกก็คว้ามาแล้ว (ได้ในฐานะเฮดโค้ชทีมชาติอาร์เจนตินา ที่ริโอ ปี 2016)”
1
โดยเมื่อถึงวัยย่าง 12 ปี เขาได้ไปคัดตัวกับ ริเวอร์เพลท สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งเมืองหลวง แน่นอนว่าแม้คุณพ่อจะเป็นฮีโร่ของชาวอาร์เจนตินาทั้งชาติ แต่ก็ไม่ได้มีอภิสิทธิ์เป็น “เด็กเส้น” เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก แต่ด้วยความที่อยู่ในครอบครัวกีฬาที่ได้รับการฝึกฝนมาแบบถูกทาง ทำให้เขาได้เข้าร่วมกับอคาเดมีแห่งนี้
กระนั้นการที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนติดทีมเยาวชนของสโมสรใหญ่คับประเทศ โดยปกติครอบครัวอื่น ๆ อาจมีการปิดซอยฉลองหรือขึ้นป้ายไวนิล แต่ไม่ใช่กับเรเตกี เพราะเขาโดนคุณแม่สวดยับว่าเหตุใดจึงไม่ไปคัดตัวกับ โบคา จูเนียร์ส นั่นเพราะ คุณแม่ของเขาเป็นแฟนคลับของพลพรรค “ฟ้าทอง” ส่วนคุณพ่อไม่ได้ว่าอะไร เพราะเป็นแฟนคลับของริเวอร์เพลท และตัวเขาก็เป็นแฟนบอลทีมนี้เช่นกัน ทำให้มีความไม่ลงรอยกันเล็กน้อยในครอบครัว (ก่อนที่พ่อแม่เขาจะหย่ากันจริง ๆ ในปี 2011)
แต่ในช่วงนั้น ริเวอร์เพลท ถือว่าตกต่ำอย่างมาก นับตั้งแต่การร่วงตกชั้นไปอย่างน่าเหลือเชื่อในฤดูกาล 2011 และเมื่อกลับขึ้นมาก็ไม่อาจทาบผลงานที่เคยทำไว้ได้จนหมดราศีของทีมใหญ่ไปสิ้น ประกอบกับฟอร์มการเล่นของเรเตกีที่ดูจะออกแนว “ลูกไม้ไกลต้น” ทำให้เขาโดนคัดทิ้งไปโดยปริยายในปี 2016
อย่างไรเสีย สิ่งที่เหลือเชื่อมากไปกว่านั้นคือไม่กี่เดือนต่อมาก่อนเริ่มฤดูกาล 2016 เขากลับได้รับเลือกให้ไปเข้าร่วมกับอคาเดมีของ โบคา จูเนียร์ส ไปแบบเหลือเชื่อ แม้คุณพ่ออาจจะมีมองค้อนเล็กน้อย แต่เขากล่าวว่า
“ต่อให้พ่อผมจะเป็นแฟนคลับของริเวอร์เพลท แต่ไม่ได้น่ากังวลอะไร พ่อผมแฮปปี้มากในวันที่ผมได้เข้าไปอยู่ที่นั่น (โบคา จูเนียร์ส) พ่อเห็นว่าเสื้อที่ผมใส่ (ชุดฟ้า-ทอง) ก็คือชุดนักเรียนดี ๆ นี่เอง”
และด้วยการย้ายมาสวมอาภรณ์ฟ้าทองนี้เองทำให้คุณแม่ปีติอย่างมากและตามไปรับไปส่งที่เก็บตัวตลอดแม้จะไกลบ้าน โดยในช่วงแรก ๆ เขาโดนโยกให้ไปเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรุก แต่เพราะการฝึกฝนนอกอคาเดมีมาช้านานทำให้ร่างกลายของเขามีความแข็งแกร่งกว่าเพื่อนร่วมรุ่น ประกอบกับส่วนสูงที่มากกว่าค่าเฉลี่ยของแข้งเยาวชนละตินอเมริกา เขาจึงค่อย ๆ เขยิบขึ้นมาเล่นในตำแหน่งริมเส้นและหน้าเป้าไปตามลำดับ
และเมื่อทุกอย่างลงตัว ในฤดูกาล 2017-18 ในวัย 17 ปี เรเตกีก็ได้ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของโบคา จูเนียร์ส ได้ กระนั้นแม้จะได้ยกระดับขึ้นมา แต่ส่วนมากเขาก็มักต้องนั่งบนม้านั่งสำรองเสียเป็นส่วนใหญ่ตามประสาดาวรุ่ง
ก่อนที่เขาถือว่าได้รับความไว้วางใจจากทั้งสโมสรและโค้ชอย่างเต็มที่ในเวลาต่อมา
ผมนี่เด็กต็อตตินะครับ
1
17 พฤศจิกายน 2018 ในแมตช์ที่ โบคา จูเนียร์ส เฉียนชนะ พาโทรเนโท ไป 1-0 เหมือนเป็นเพียงการแข่งขันเกมลีกธรรมดา ๆ ในแมตช์เดย์หนึ่ง แต่เป็นสิ่งที่มหัศจรรย์สำหรับเรเตกีอย่างมาก เพราะเขาได้รับการเรียกจากม้านั่งสำรองให้ลงมาชิมลางในลีกระดับอาชีพเป็นครั้งแรกในชีวิต
และที่สำคัญกว่านั้น คนที่เขาเปลี่ยนตัวลงไปสัมผัสสองมือด้วยคือ คาร์ลอส เตเวซ ศูนย์หน้าระดับตำนานของสโมสร ไอดอลของกองหน้าวิถีอาร์เจนตินาทั้งปวง เรียกได้ว่า Exclusive แบบสุด ๆ เพราะแท้จริงนั้นเรเตกีได้รับการคาดหวังจากสโมสรว่าจะขึ้นมาเป็นอนาคตแทนที่ศูนย์หน้ารายนี้ที่โรยราลงทุกวันและรอแขวนสตั๊ดในเร็ว ๆ นี้
ซึ่งหลังจากแมตช์นี้ เขาได้รับการส่งลงสนามเรื่อย ๆ เป็น 11 คนแรกบ้างเป็นสำรองบ้าง หรือแม้กระทั่งไม่มีชื่อและต้องนั่งเชียร์ทีมข้างสนามบ้าง แต่เป็นในฟุตบอลถ้วยในประเทศเป็นส่วนใหญ่
จนในที่สุด เขาจึงได้รับการมอบหมายให้ไปเสริมกระดูกอีกขั้นที่ เอสตูเดียนเตส (Estudiantes de La Plata) สโมสรร่วมลีก
“เขา (โบคา จูเนียร์ส) ส่งผมมา และผมก็ได้มายืนอยู่ที่นี่ (ลา พลาตา ที่ตั้งของเอสตูเดียนเตส) ผมจะทำสิ่งใดก็ตามแต่ในสนามที่จะทำให้ทีมชนะ ผมพร้อมถวายหัวให้อาภรณ์ (แดง-ขาว) นี้อย่างเต็มที่” เรเตกี ได้ลั่นวาจาในวันที่มาเหยียบถิ่น เอสตาดิโอ ฆอร์เก ลูอิซ เฮอร์ชี่ (Estadio Jorge Luis Hirschi) ครั้งแรก
แน่นอนว่าเหมือนเป็นสูตรสำเร็จของนักเตะดาวรุ่งที่ถูกปล่อยยืมตัว ที่มักทำผลงานได้ดี เขาทำได้ 5 ประตูจาก 44 แมตช์ ตลอดฤดูกาลครึ่ง ซึ่งถือว่าไม่ขี้ริ้วขี้เหร่ และไม่แน่ใจว่า โบคา จูเนียร์ส เกรงกลัวว่าจะเป็นการยื่นดาบให้คู่แข่งโดยตรงหรือไม่ เพราะในฤดูกาลต่อมากลับส่งเรเตกีไปอยู่กับ ตันเญเรส (Talleres de Córdoba) ทีมระดับท้ายตารางของลีกยืมตัวไปแทน
และในฤดูกาล 2020-21 กับตันเญเรสนี้เองที่เรียกได้ว่าเขาอัปเลเวลเพชฌฆาตได้อย่างถึงเครื่อง 6 ประตู 4 แอสซิสต์ จาก 44 แมตช์ คือสถิติเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล พร้อมกับส่งให้เขากลายเป็นศูนย์หน้าที่มีสกิลในการแอสซิสต์ไปด้วยในตัว โดยไม่ได้ยืนจังก้ารอยิงเพียงอย่างเดียว
และด้วยฟอร์มสุดสะเด่ากับพลพรรค “สิงห์ที่ราบลุ่ม” และ “จอมสังหาร” ที่ผ่านมา ทำให้ CT10 Management เอเยนต์ค้านักฟุตบอลชื่อดังที่มีคนก่อตั้งชื่อว่า ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ตำนานเจ้าชายแห่งกรุงโรม ทาบทามให้เขาจรดปากกาให้บริษัทดูแลและจัดการผลประโยชน์ทุกอย่างให้ ซึ่งตรงนี้สำหรับเรเตกีถือว่าเป็นเรื่องมหัศจรรย์ในชีวิตอย่างมาก ดังที่เขาได้เปิดเผยกับ TyC Sports สื่อท้องถิ่นของอาร์เจนตินา ความว่า
“โคตรภูมิใจและดีใจเลยครับที่เขา (ต็อตติ) ให้ความสนใจในฟอร์มการเล่นของผม ผมได้เขามาเป็นเอเยนต์ เขารู้หมดเลยไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัวผม รู้ด้วยว่าพี่สาวผมเล่นฮอกกี้ รู้ลึกอีกว่ามีวิธีการเล่นแบบไหน ผมล่ะเหลือเชื่อจริง ๆ”
แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงไหน แต่ก็ไม่เคยได้โอกาสจากโบคา จูเนียร์ส เพราะสโมสรไม่เคยแยแสใด ๆ จนเขาต้องนั่งตบยุงกว่าครึ่งปี ทั้งยังต้องการที่จะปล่อยยืมเจ้าตัวไปเก็บประสบการณ์อยู่เรื่อย ๆ ทั้งที่เขากำลังเลยวัยดาวรุ่งไปแล้ว โดยสถานีต่อไปของเขาคือ ติเกร ทีมน้องใหม่ของลีกสูงสุดอาร์เจนตินา
แต่ใครเลยจะรู้ การลดระดับลงไปโม่แข้งยังติเกรของเรเตกีจะเป็นเหมือนการพุ่งใส่แทรมโบลีน คือลงต่ำเพื่อทะยานฟ้าให้สูงขึ้นอย่างเหลือเชื่อ
อนาคตใหม่แห่งอัซซูรี่ ?
ฤดูกาล 2022 พลพรรค “ชาวเหนือ” ได้เป็นน้องใหม่ที่โชว์ฟอร์มเหนือสมชื่อ โดยเฉพาะการเล่นรายบุคคลของนักเตะ ไม่ว่าจะเป็น ฟาคุนโด โคลิดิโอ (Facundo Colidio) เพลย์เมกเกอร์ดาวรุ่ง ที่ยืมมาจากอินเตอร์ มิลาน โดยจัดไป 6 แอสซิสต์ บลาส นูนเญซ (Blas Esteban Armoa Núñez) ปีกสายจรวดทางเรียบ ที่ยิงไป 8 ประตู แต่ที่สะเด่าที่สุดก็หนีไปไม่พ้นศูนย์หน้าเจ้าของฉายา “เอล ชาปิโต (El Chapito)” คนนี้
19 ประตู จาก 27 แมตช์ ที่ลงแข่งขันในเกมลีก ส่งผลให้เขาคว้ารางวัลดาวซัลโวไปได้แบบเดี่ยว ๆ โดยประตูสำคัญคือการตะบันใส่ โบคา จูเนียร์ส ไป 2 เม็ด ในเกมที่บุกไปแพ้ 5-3 ถึงถิ่น ลา บอมโบเนรา (La Bombonera) ชนิดที่เกือบกดแฮตทริคได้เสียด้วยซ้ำ (ที่ละตินอเมริกา แข้งยืมตัวสามารถลงปะทะทีมต้นสังกัดได้)
รวมถึงมีช่วงเวลาหนึ่งที่เขาตะบัน 4 แมตช์ติดต่อกัน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการยิงประตูสำคัญเพื่อเซฟแต้มให้แก่ติเกรแทบทั้งสิ้น อีกทั้งยังมีส่วนสำคัญในการพาติเกรเข้าชิง โคปา เดอ ลา ลีกา (Copa de la Liga Profesional : คล้าย ๆ คาราบาว คัพ) กับสโมสรโบคา จูเนียร์ส แต่น่าเสียดายที่ติเกรพ่ายแพ้ไป 0-2 แต่ก็ยังได้รางวัลปลอบใจเป็นการพาติเกรจบตารางคะแนนลำดับที่ 8 ได้ไปลุย โคปา ซูดอเมริกานา (ยูโรปาลีก ของละตินอเมริกา) แทน
ซึ่งมาถึงจุดนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ เอล ชาปิโต นั้นแทบจะเป็นเทพนิยายของเขาเลยทีเดียว และเมื่อผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ โบคา จูเนียร์ส แทบจะกวักมือเรียกเขากลับในทันที แต่กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว เพราะสัญญาเดิมที่ระบุไว้คือ ติเกรสามารถขยายการยืมได้ไปจนถึงฤดูกาล 2023 และแน่นอนว่าไม่มีใครบ้าพอจะกลับไป หากกำลังฟอร์มแจ่มแบบสุด ๆ กับทีมปัจจุบัน
และการตัดสินใจดังกล่าวเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด 6 ประตู จาก 7 แมตช์ ในเกมลีก คือสิ่งที่โคตรเหลือเชื่อของเขาในฤดูกาล 2023 นี้ ซึ่งติเกรยิงไปทั้งหมด 8 ประตู เท่ากับว่า เอล ชาปิโต ถือเป็นศูนย์หน้าระดับเครื่องจักรผลิตสกอร์ที่ติเกรขาดไม่ได้เลยทีเดียว
ด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ จึงไม่แปลกใจหาก โรแบร์โต มันชินี่ จะเดินเรื่องไปที่สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี หรือ FIGC ในการโน้มน้าวให้เขาบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาสวมอาภรณ์สีฟ้าของพลพรรคอัซซูรี่ ในการสู้ศึก ยูโร 2024 รอบคัดเลือก ซึ่งเรเตกีก็ตกปากรับคำเชิญแล้ว เหลือแค่ว่าจะได้ลงสนามหรือไม่เท่านั้น
ด้วยวัย 23 ปีของเขา ถือได้ว่าหนทางยังอีกยาวไกลบนถนนสายฟุตบอล และที่สำคัญเขายังไม่เคยได้สัมผัสการเล่นในลีกโลกตะวันตกอย่างจริงจัง ตรงนี้ถือว่าเป็นคำถามที่แฟนบอลลูกหลานชาวโรมันตั้งคำถามแบบท่องเอาไว้ในใจว่า จะไหวหรือไม่กับคลาสบอลอีกขั้น การตัดสินใจของเรเตกีเท่านั้นคือคำตอบ
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา