21 มี.ค. 2023 เวลา 03:15 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

Shazam! Fury of the Gods (2023) – จุดเดือดของทวยเทพ

ปฐมกาลของจักรวาลดีซีกำลังจะเริ่มต้นใหม่ เป็นชั่วขณะเดียวกันกับที่สัญญาณของหนังซูเปอร์ฮีโร่เริ่มรวยริน และเหมือนว่าจะไม่ได้รับความนิยมเฉกเช่นแบบในช่วงปีก่อน ๆ แม้ปีที่แล้วจะมี Black Adam แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก จนมาถึงเรื่องราวภาคต่อของหนังฮีโร่ใหญ่ใจเด็ก แต่มาพร้อมพลังดุจเทพเจ้า ที่ครั้งนี้ต้องรับมือกับ “เทพ” จริง ๆ อย่าง Shazam! Fury of the Gods
Shazam! Fury of the Gods เล่าเรื่องของ บิลลี่ แบทสัน และเหล่าพี่น้อง ที่ได้แบ่งปันพลังเทพเจ้า และต่างทำหน้าที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่ในเมืองฟิลาเดลเฟีย แต่ด้วยผลงานที่ยังไม่น่าประทับใจนัก ทำให้พวกเขาถูกตีตราในฐานะฮีโร่ผู้ทำลาย ขณะเดียวกัน เฮสเพอร่า และ คาลิปโซ่ ธิดาแห่งแอตลาส วางแผนมาเพื่อจะทวงคืนพลังเทพเจ้าคืน บิลลี่ จึงต้องหาทางเผชิญหน้ากับเป้าหมายของทั้งสอง ที่อาจจะส่งผลต่อโลกมนุษย์ที่พวกเขาอยู่
ตัวหนังเปิดประเดิม ด้วยการให้เราได้รู้จัก พี่น้องธิดาแห่งแอตลาส ผ่านเป้าหมายและพลังที่ทั้งสองมีในฉากเปิด ก่อนที่จะพาเราไปหาเหล่าพี่น้องของบิลลี่ แบทสัน หลังได้รับพลังจากภาคแรก และเริ่มเติบโต ด้วยการแอบทำหน้าที่ฮีโร่ผู้พิทักษ์ (และทำลาย) ในเมืองฟิลาเดลเฟีย ตัวหนังจึงแทรกมาด้วยอารมณ์ขันพลังวัยรุ่นตลอดทั้งเรื่อง ก่อนที่ฝั่งบิลลี่ จะต้องเผชิญหน้ากับ ความโกรธเกรี้ยวของเทพเจ้า ที่ประดังมาพร้อมกับฉากบู๊ ที่ยกระดับความวินาศสันตะโรขึ้น
ในโลกภาพยนตร์ยุคปัจจุบัน ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวซูเปอร์ฮีโร่มากมายหลายค่าย Shazam! ถือเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ไม่กี่เรื่อง ที่มาพร้อม “หัวใจ” ของการเล่าที่แสนจะง่ายดาย ถึงแม้มันจะไม่ได้ทะเยอทะยาน หรือยิ่งใหญ่เทียบเท่าหนังฮีโร่เรื่องอื่น ๆ แต่ก็เป็นแก่นหลักที่มีเลือดเนื้อและหัวจิตหัวใจที่เป็นมนุษย์มนา อย่างการให้ตัวเอกเป็นเพียงวัยรุ่นที่ต้องเติบโต และเผชิญหน้าปมในใจ เพื่อเป็นการก้าวข้ามพ้นวัยอย่างแท้จริง พลางใช้พลังเทพเจ้าของชาแซม เป็นภาพสะท้อนของความรับผิดชอบ หรือทางออกในการเอาชนะทางอารมณ์ของตนเอง
ส่วนสำหรับ Fury of the Gods ก็ยังคงเดินย้ำรอยตามแนวเดิม แต่มาพร้อมศัตรูตัวที่ฉกาจและเหนือระดับกว่าภาคแรก ด้วยเป้าหมายที่ใหญ่และดูเป็นภัยคุกคามระดับโลก การรับมือกับเฮสเพอร่าและคาลิปโซ่ จึงดูน่าหวาดหวั่นกว่าแธดเดียส ซิวาน่า หลายขุม ขณะเดียวกันที่เหล่าพี่น้องซาแชม พยายามหาทางทำหน้าที่เป็นฮีโร่ ในแบบที่บิลลี่วาดหวังและวางไว้ ในฐานะหัวหน้าทีม แต่ทุก ๆ คน ก็ต่างมีที่ทางที่ต้องเติบโตในรูปแบบของพวกเขาเอง
น่าสนใจที่ภาคนี้นั้น บิลลี่ ไม่ได้มีปมในใจขัดแย้งเทียบเท่าภาคแรก และหนังก็ใช้เวลาส่วนหนึ่ง ไปกับการแนะนำวายร้ายประจำภาคอย่าง เฮสเพอร่าและคาลิปโซ่ ถึงเป้าหมายที่พวกเธอวางไว้ว่าจะล้างแค้น ฉาบด้วยการแสดงเยี่ยงนางพญาคุมเกมของเดม เฮเลน มิร์เรน ที่น่าเกรงขาม กับ ลูซี่ หลิว ที่โปรยความพยาบาท ผ่านอำนาจของความโกลาหลได้อยู่หมัด
กระนั้นเอง หนังก็ให้เวลากับตัวละครรายล้อมบิลลี่ ได้พัฒนาตัวตนและเติบโตอยู่ไม่น้อย ทั้ง เฟรดดี้ ที่เขาเหมือนจะได้เจอหวานใจคนใหม่ อย่าง แอน (ราเชล เซกเลอร์) และเหล่าก๊วนพี่น้อง แมร์รี่, ยูจีน, เปโดร หรือกระทั่ง น้องเล็กอย่าง ดาร์ลา เองก็ตาม ก็ต่างมีช่วงเวลาได้พัฒนา ผ่านช่วงเวลาเล็ก ๆ น้อยภายในเรื่อง หนังจึงมาพร้อมมุกตลกที่ชวนเรียกรอยยิ้ม และการรับมือวายร้ายทั้งสองสาวในท่าทีที่จริงจังและดุดันมากขึ้น แต่กระนั้น มันก็ยังไม่ทิ้งลายความขี้เล่นในแบบที่ บิลลี่ แบทสัน เป็น
อย่างไรก็ตาม เรารู้สึกว่าหนังมีหัวจิตหัวใจที่เข้มแข็ง เฉกเช่น ตัวละครของบิลลี่ ที่แบกรับความรับผิดชอบในฐานะฮีโร่ที่พ่อมดได้คัดเลือกมา แต่กระนั้น ในหนังภาคนี้ กลับไม่ได้ทำให้เรารู้สึกถึงการก้าวข้ามผ่านพ้นวัยได้แบบที่ภาคแรกทำได้
อาจจะเพราะปมปัญหาด้านมิติตัวละครอาจจะเบาบาง นอกเหนือจากการทำหน้าที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่จริง ๆ และถึงแม้ มันจะมาพร้อมบทสรุปที่คาดไม่ถึงในห้วงเวลาแรก แต่ผลพวงทางด้านอารมณ์ในตอนท้าย ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกคล้อยตามไปได้อย่างที่มันควรจะเป็น
ถึงแม้ตัวหนังจะประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการคงเอกลักษณ์บุคลิกของชาแซม ให้เป็น “ฮีโร่ใหญ่ใจเด็ก” ที่มาพร้อมลีลาท่าทางที่พร้อมสร้างเสียงหัวเราะได้ทุกเมื่อ แต่เมื่อถึงคราวจวนตัว เรากลับไม่ได้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปแบบที่มันควรจะเป็นก็ตาม แต่ด้วยเนื้อหาเรื่องราว เมื่อมาถึงบทสรุป มันก็ยังช่วยตอกย้ำคุณค่าและความหมายของ “ครอบครัว” ในรูปแบบที่ไม่ต้องส่งผ่านทางสายเลือด
สรุปแล้ว Shazam! Fury of the Gods คือภาคต่อหนังซูเปอร์ฮีโร่ ที่มาพร้อมแนวทางและกลิ่นอายแบบภาคแรก ที่ถึงแม้จะยกระดับวายร้ายให้ระดับเทพเทียบเท่า กับฉากบู๊แอ็คชั่นวินาศสันตะโรและงานภาพก้าวล้ำขึ้น แต่ก็ยังคงอยู่ในสเกลที่ไม่ได้เอะอะมะเทิง แต่มาพร้อมอารมณ์ขันพลังวัยรุ่นตลอดทั้งเรื่อง กระนั้นเอง แม้เรื่องราวจะไม่ได้มาพร้อมแก่นก้าวข้ามพ้นวัยที่เข้มข้นแบบภาคก่อน แต่ก็มันยังคงไว้ซึ่งฮีโร่ใหญ่ใจเด็ก และตอกย้ำความหมายของครอบครัวได้ค่อนข้างอบอุ่นเลยทีเดียว
3.5 / 5
Shazam! Fury of the Gods (2023)
Directed by David F. Sandberg
Written by Henry Gayden & Chris Morgan
Based on Characters by DC

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา