Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Main Stand
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
21 มี.ค. 2023 เวลา 11:30 • กีฬา
สมชาย มากอง เด็กเรียนไม่จบ สู่แข้งคนตาบอดทีมชาติไทย
สมชาย มากอง เด็กเรียนไม่จบ สู่แข้งคนตาบอดทีมชาติไทย และพนักงานเทรนเนอร์ปัญญาประดิษฐ์
“ผมเคยทำให้พ่อกับแม่ร้องไห้เพราะเรียนไม่จบ แต่ตอนที่ผมบอกเขาว่าติดทีมชาติไทย แทนที่เขาจะร้อง ผมกลับร้องไห้เอง”
‘ปอง’ สมชาย มากอง มิดฟิลด์วัย 22 ปีของแข้งคนตาบอดทีมชาติไทย เปิดใจผ่านโทรศัพท์ หลังจากเราติดต่อไป เพราะได้ข้อมูลมาว่าเขาคือหนึ่งใน 4 แข้งหน้าใหม่ของทัพนักเตะคนตาบอดที่มีจุดพลิกผันในชีวิตมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก
เด็กชายจากจังหวัดนครพนม ไม่ได้ตาบอดสนิทตั้งแต่เกิด ในวัยเด็กเขาเคยมองเห็นทุกสิ่งอย่างชัดเจน เตะฟุตบอลสนุกสนานกับเพื่อนแถวบ้าน รับรู้ว่าทุกสรรพสิ่งบนโลกใบนี้มีหน้าตาอย่างไร กระทั่งวันหนึ่งหลังจากประสบอุบัติเหตุตาของเขาก็ค่อย ๆ มืดดับลง
แม้จะมีขีดจำกัดเรื่องการมองเห็น แต่ครอบครัวของปองประกอบด้วย พ่อ แม่ และพี่สาว ก็เป็นเสมือนดวงตาที่คอยนำพาปองไปสู่การศึกษาที่ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ในชั้นประถม ปองเคยเป็นนักกีฬายูโด เนื่องจากที่โรงเรียนมีการสนับสนุนให้โค้ชเข้ามาสอนวิชานี้โดยเฉพาะ และ ด.ช.สมชาย มากอง ก็คัดตัวติดไปแข่งชิงแชมป์ประเทศไทยถึง 2 ครั้ง ก่อนจะถูกชักชวนให้ไปคัดเข้าทีมชาติ
“ผมรู้จักยูโดก่อนดนตรีและฟุตบอลอีกครับ ตอนโค้ชมาสอนที่โรงเรียนครั้งแรกก็ชอบเลย รักกีฬานี้มาก แต่ตอนไปคัดทีมชาติ ครั้งแรกผมคัดผ่าน พอเข้าไปรอบที่ 2 คัดไม่ผ่านเพราะลงรุ่นน้ำหนักผิดรุ่น เสียใจมาก จุดนี้เลยทำให้ผมถอดใจจากยูโดแล้วหันมาเอาดีด้านดนตรี”
ปองเข้ารับการศึกษาต่อที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ จ.ร้อยเอ็ด ในสาขาวิชาดนตรีสากล เส้นทางดูไปได้สวยเพราะเขาสามารถหารายได้เสริมจากการเล่นดนตรีตามร้านอาหารหรือเล่นเปิดหมวก กระทั่งเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อคือชั้น ม.6 เด็กหนุ่มเริ่มสับสนว่าชีวิตตัวเองควรไปต่ออย่างไรและเส้นทางไหน เพราะเริ่มรู้สึกว่าดนตรีไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากจะใช้เลี้ยงชีพ ประกอบกับช่วงนั้น โควิด-19 เริ่มระบาดหนักจนไม่สามารถไปเรียนได้ตามปกติ การจะออกไปเล่นดนตรีเปิดหมวกก็ทำไม่ได้
จากคนที่ดูเหมือนจะเพียบพร้อมด้วยพรสวรรค์ทั้งด้านยูโดและดนตรีสากล ปองกลายเป็นเด็กหนุ่มที่จับทิศทางชีวิตของตัวเองไม่ได้ เขากลับไปอยู่บ้านเฉย ๆ ไม่ไปเรียน ไม่มีอาชีพเสริมเพราะโควิด-19 อาศัยพ่อแม่เลี้ยงดูไปวัน ๆ กระทั่งวันหนึ่งบุพการีถึงขั้นหลั่งน้ำตาเพราะคิดไม่ตกกับเรื่องอนาคตของลูกชาย
“เขาร้องไห้แล้วพูดกับผมว่า เรียนไม่จบแล้วจะทำอะไรกิน เขาหมดเงินกับการส่งเสียผมไปเยอะแล้ว”
“ผมไม่ได้น้อยใจพ่อแม่เลย เพราะผมรู้ว่าผมผิด แต่ก็ไม่ได้บอกเขาว่าเรากำลังสับสนกับชีวิตเราอยู่
ตอนนั้นก็มีปรึกษาพี่สาวบ้าง แล้วก็เริ่มหาช่องทางในการทำอาชีพเสริม”
ในจังหวะเดียวกันนั้น ประคอง บัวใหญ่ กัปตันทีมชาติไทยชุดปัจจุบัน ซึ่งเคยเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนของปองก็ชักชวนให้ไปคัดทีมชาติ
“ตอนนั้นผมออกมาเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนที่ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อจะได้ไปเล่นดนตรีเปิดหมวกหาเงินครับ พี่ประคองก็เลยมาชวนไปคัดทีมชาติที่กรุงเทพฯ ผมก็เก็บกระเป๋าเข้าไปคัดตัวเลย”
จากเด็กที่เคยเล่นฟุตบอลเพื่อความสนุก ไม่รู้เรื่องของแท็กติกหรือเทคนิคใด ๆ นั่งรถเข้ากรุงเทพฯ เพื่อไปคัดตัวทีมชาติ และได้รับข่าวดีว่าเขามีของดีในตัวพอที่จะติดทีมฟุตบอลชายหาดทีมชาติไทยได้
“ตอนนั้นผมดีใจมาก ๆ เลยครับ คือผมรู้สึกดีที่พอมาคัดตัวแล้วก็รู้ว่าเราก็เล่นฟุตบอลได้ ถึงจะไม่เคยฝึกเทคนิคอะไรมาก่อน แต่ยังไม่ได้บอกครอบครัวนะครับ ผมเข้าแคมป์เก็บตัวไปแล้วหนึ่งเดือนถึงโทรกลับไปบอกที่บ้าน เพราะกลัวว่าถ้ารีบบอกแล้วตัวเองทำไม่ได้แล้วจะทำให้เขาเสียใจอีกเลยรอก่อน พอเข้าไปฝึกซ้อมแล้วมั่นใจว่าทำได้ถึงโทรไปบอกที่บ้านครับ”
นี่จึงเป็นที่มาของประโยคที่ว่า
“ผมเคยทำให้พ่อกับแม่ร้องไห้เพราะเรียนไม่จบ แต่ตอนที่ผมบอกเขาว่าติดทีมชาติไทย แทนที่เขาจะร้อง ผมกลับร้องไห้เอง”
น้ำตาที่ครอบครัวมองไม่เห็นมาจากความภาคภูมิใจในตัวเองที่สามารถปลดล็อกความคิดที่ว่าตัวเองเป็นคนไม่มีหลักและมองหาทิศทางชีวิตไม่เจอ แต่ฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติไทยทำให้เขาสามารถตอบได้แล้วว่า หลังจากนี้เขาคือพ่อค้าแข้ง และจะอยู่กับทีมชาติไปจนกว่าร่างกายจะไม่ไหวหรือไม่เป็นที่ต้องการของทีมแล้ว
“ชีวิตหลังจากติดทีมชาติเหรอครับ ก็ดีขึ้นมาก ๆ เลยครับ สำหรับตัวผมมันอาจจะไม่เท่าไร แต่กับพ่อแม่ผมเขาก็คุยกับคนแถวบ้านได้แล้วครับว่าลูกเป็นนักฟุตบอลคนตาบอดทีมชาติไทย (หัวเราะ) มันเป็นคุณค่าทางใจน่ะครับ เวลาใครถามถึงเราเขาก็ตอบได้อย่างมีความสุข บรรยากาศในบ้านมันก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก ๆ ครับ”
ปองเล่าต่อว่าเขาสามารถส่งเงินช่วยจุนเจือที่บ้านได้แล้วเพราะนอกจากการเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยก็ยังทำอาชีพเสริมในช่วงว่างเว้นจากการซ้อมและการแข่งขันด้วย
“ช่วงที่ไม่มีแข่งผมกับพี่ ๆ ในทีมก็จะซ้อมกันเช้าถึงเย็นทุกวันจันทร์ถึงเสาร์ครับ วันอาทิตย์ผมว่างก็จะไปทำงานเสริมคืออาชีพเทรนเนอร์ AI หรือคนฝึกและป้อนคำสั่งให้กับปัญญาประดิษฐ์ อย่างพวกหุ่นยนต์ดูดฝุ่น ก็ได้เงินจาก 2 ทางครับ”
แม้ 1 ปีที่ติดทีมชาติ ปอง หรือ สมชาย มากอง จะยังไม่เคยลงเล่นในแมตช์อย่างเป็นทางการ แต่เขาก็มีความสุขที่ได้อยู่กับรุ่นพี่ที่ยินดีต้อนรับ และช่วยกันติววิชาการเป็นนักเตะคนตาบอดให้เต็มที่แบบไม่มีหมกเม็ด
“พี่ ๆ ใจดีมากครับ ทุกคนช่วยสอนผมเรื่องเทคนิค ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าฟุตบอลคนตาบอดจะต้องคอยยกแขนป้องกันเวลาเข้าปะทะเพื่อไม่ให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ เพราะฟุตบอลปกติใช้แขนก็จะเท่ากับฟาวล์ แต่ฟุตบอลคนตาบอดเราต้องเน้นเรื่องนี้ครับ ต้องรับให้ดีและไม่ให้ตัวเองเจ็บด้วย”
แข้งวัย 22 ปี บอกอีกว่าตอนนี้เขาตั้งเป้าจะมีชื่อติดทีมชาติไทยไปลุยศึกอาเซียน พาราเกมส์ (ซีเกมส์สำหรับผู้พิการ) ที่ประเทศกัมพูชา ในดือนมิถุนายนนี้ให้ได้ก่อน หากมีชื่อติดก็จะพิสูจน์ตัวเองในรายการนี้ว่าดีพอที่จะช่วยทีมชาติไทยไปลุยอีก 2 ศึกใหญ่คือ ศึกฟุตบอลคนตาบอดชิงแชมป์โลก ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ และเอเชียนพาราเกมส์ ที่ประเทศจีน
ปองฝากถึงทุกคนที่ได้อ่านเรื่องราวของเขาด้วยว่า “ชีวิตท้อได้แต่อย่าถอยครับ ผมบอกตัวเองแบบนี้มาตลอด”
การสู้ไม่ถอยของปองไม่เพียงแต่ทำให้เขากลายมาเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงขับเคลื่อนให้เขาตัดสินใจกลับไปสมัครเรียนมัธยมปลายใหม่อีกครั้ง
ดังนั้น … การปลุกใจตัวเองซ้ำ ๆ ว่าชีวิตต้องมีช่วงที่ล้มและลุกอาจไม่ได้ทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จสูงสุดเสมอไป แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ทุกคนได้เริ่มต้นใหม่ และนำไปสู่หนทางที่ดีกว่าเสมอ
เรื่อง - กุลญา กระจ่างกุล
ภาพ - ปรินญา คงปันนา
บันทึก
4
4
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย