• CHROMATIC ABERRATION เห็นแสงสีรุ้งเมื่อมองผ่านเลนส์

ในการทำแว่นตาแต่ละคู่ ทุกๆครั้งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ตำแหน่ง Optical Center ของเลนส์ ให้ตรงกับจุดกึ่งกลางตาดำของตาแต่ละข้าง เพื่อให้ visual axis หรือแนวการมองของคนไข้ กับแนว Optical axis ซึ่งเป็นแนวเส้นตรงที่ลากผ่าน Optical center และตั้งฉากกับเลนส์ เพื่อให้แสงเกิดการโฟกัสที่แนวเดียวกัน
โดยการ fitting มาร์คหาตำแหน่งของ Pupillary Distance หรือ PD เป็นตำแหน่งของระยะห่างระหว่างรูม่านตาของตาทั้งสองข้าง และ ตำแหน่ง Fitting Height หรือ FH เป็นตำแหน่งสูงต่ำของรูม่านตาในแต่ละข้าง ซึ่งเมื่อเรามองผ่านเลนส์ ในตำแหน่งของ Optical Center ของเลนส์ เราก็จะเห็นภาพที่ดีที่สุดและตรงกับค่าสายตาของเรามากที่สุดของแผ่นเลนส์นั้น
แต่เมื่อเรามองไปที่บริเวณอื่นที่ไม่ใช่ตำแหน่ง Optcal Center ของเลนส์ หรือ visual axis วิ่งผ่านเลนส์แบบทำมุม จะทำให้เกิด Aberration หรือความคลาดเคลื่อนของภาพ ได้หลายประเภท ที่จะทำให้ภาพนั้นมีคุณภาพที่ไม่ดีเท่าที่ควร
Aberration หรือความคลาดเคลื่อนของภาพ มีด้วยกันทั้งหมด 6 ประเภท คือ
1. Chromatic Aberration
2. Spherical Aberration
3. Astigmatism Aberration
4. Coma
5. Curvature of field
6. Distortion
ในวันนี้เราจะมาทำความเข้าใจในเรื่องของ Aberration ชนิดแรกกันก่อน ก็คือ Chromatic Aberration
• CHROMATIC ABERRATION หรือความคลาดเคลื่อนของสี
เกิดจาก Spectum ของสีไม่ได้ focus เป็นจุดจุดเดียวกัน หรือ out of focus image เมื่อวิ่งผ่านเลนส์ จะเกิดการกระจายสีของแสงสีขาว ทำให้คนไข้มักจะเห็นเป็นแสงสีรุ้งอยู่รอบๆวัตถุที่มอง
Chromatic Aberration จะขึ้นอยู่กับวัสดุของเลนส์ ซึ่งวัสดุแต่ละชนิดมีดัชนีหักเหที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับความยาวคลื่นของแสงแต่ละสี ทำให้ความยาวโฟกัสจึงแตกต่างกันในแต่ละความยาวคลื่น โดย คลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นสั้น จะโฟกัสก่อน
ตัวอย่างเช่น
แสงสีน้ำเงิน มีความยาวคลื่นอยู่ที่ประมาณ 435 - 500 นาโนเมตร
แสงสีแดง มีความยาวคลื่นอยู่ที่ประมาณ 630 - 750 นาโนเมตร
แสงสีน้ำเงินจะหักเหมากกว่าแสงสีแดงเมื่อเดินทางผ่านเลนส์
ดังนั้นแสงสีน้ำเงินจึงโฟกัสก่อนแสงสีแดง เพราะ มีความยาวคลื่นที่สั้นกว่า
ทำให้ความยาวโฟกัสของแสงสีน้ำเงินสั้นกว่าแสงสีแดง
Chromatic Aberration เกิดจากดัชนีหักเหแสงของวัสดุเลนส์ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับความยาวคลื่น ซึ่งทำให้เกิดคำที่เรียกว่า “ Abbe Value “ ของวัสดุเลนส์ หรือเรียกง่ายๆว่า ค่าความใส
Hight Abbe Value = Low Chromatic Aberration
ยิ่ง index ต่ำ หรือดัชนีหักเหต่ำ Abbe Value หรือค่าความใสยิ่งสูง เมื่อค่าความใสสูงทำให้ขอบของภาพมีความชัดชึ้น
เช่น วัสดุ Polycarbonate มี index 1.586 Abbe Value 30 ,
วัสดุ CR 39 มี index 1.498 Abbe Value 58
ดังนั้น Polycarbonate จะมี Chromatic Aberration ที่มากกว่า CR39
โดยวิธีการลด Chromatic Aberration สามารถทำได้โดยการ
1. เปลี่ยน Material ให้มี Abbe Value สูงขึ้น แต่ในกรณีที่คนไข้มีค่าสายตาสูงๆ แล้วมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เลนส์ย่อบางที่มี Index มากขึ้นเพื่อให้เลนส์บางลง ก็ควรจะอธิบายให้คนไข้เข้าใจถึงความคลาดเคลื่อนของสีนี้ด้วย
2. Fitting Optical Centre ให้ตรงกับตำแหน่ง PD และ SH
3. การเคลือบ Coat Antireflection มีผลช่วยให้ Chromatic Aberration น้อยลงได้
แต่ Chromatic Aberration ก็ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว ในทางคลินิกทัศนมาตร สามารถนำการคลาดเคลื่อนของสี หรือ Chromatic Aberration นี้ไปประยุกต์ใช้ประโยชน์ คือการตรวจ Duochrome Test ซึ่งใช้ในการหา Best Spherical ในการทำ Refraction ได้ค่ะ
Content by Worada Saraburin , OD.
Facebook Page : Vorada Optometry
Phone : 065-9499550
โฆษณา