แนะนำโซลูชัน AI ยอดฮิตที่ตอบโจทย์ธุรกิจแต่ละประเภทในไทย
วันนี้ AIGEN จะพามาทำความรู้จักกับโซลูชัน AI สำหรับธุรกิจว่าสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับธุรกิจประเภทต่างๆในรูปแบบใดได้บ้าง เพื่อให้ธุรกิจได้นำเป็นไปไอเดียและริ่เริ่มใช้กับธุรกิจของตนเอง ให้ธุรกิจก้าวทันกับสภาพแวดล้อม และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปเพื่อที่จะช่วยธุรกิจในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับธุรกิจได้นับตั้งแต่วันนี้
ตัวอย่างการนำโซลูชัน AI ไปใช้งานกับแต่ละประเภทธุรกิจ
1. ธุรกิจการเงิน และธนาคาร
โซลูชัน AI ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่ลูกค้า และบริษัทสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงิน โดย AI ที่นำมาใช้กับธุรกิจการเงิน และธนาคารมีในหลากหลายรูปแบบตั้งแต่แชทบอทจนถึงการตรวจจับการฉ้อโกง และการทำงานแบบอัตโนมัติ โดยรายงานของ Insider Intelligence พบว่าสถาบันการเงินกว่า 80% เล็งเห็นถึงประโยชน์ของการนำ AI มาใช้กับธุรกิจ ตัวเร่งที่สำคัญที่จะทำให้สถาบันทางการเงินต่างๆนำโซลูชัน AI เข้ามาใช้งานคือความก้าวหน้าของเทคโนโลยี
การเปิดรับเทคโนโลยีของผู้ใช้งานที่เพิ่มสูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงกฏระเบียบต่างๆ โดยสถาบันการเงินที่นำโซลูชัน AI เข้ามาใช้งานจะทำให้กระบวนการทำงานคล่องตัวมากขึ้น และยกระดับการสร้างประสบการณ์การให้บริการลูกค้าให้สามารถเข้าถึงบริการทางด้านการเงินได้ 24 ชั่วโมง โดยโซลูชัน AI ที่ธุรกิจการเงิน และธนาคารสามารถนำมาใช้งานได้มีดังต่อไปนีั
AI กับการประเมินเครดิต
เทคโนโลยี AI ทำให้สถาบันการเงินสามารถประเมินเครดิตของผู้ขอสินเชื่อได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำได้โดยมีค่าใช้จ่ายน้อยลง และพิจารณาจากปัจจัยที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่ใช้ข้อมูลที่ดีขึ้น และมีข้อมูลสำรอง back up ในการตัดสินใจ การให้คะแนนเครดิต หรือ credit scoring
โดย AI นั้นใช้หลักในการพิจารณาที่มีความซับซ้อนกว่าเมื่อเทียบกับการให้คะแนนเครดิตในรูปแบบเดิม โดยระบบ AI ช่วยให้ผู้ให้บริการสินเชื่อสามารถแยะแยะความแตกต่างผู้สมัครขอใช้บริการสินเชื่อที่มีความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้สูง กับผู้สมัครที่มีเครดิตที่ดี แต่ไม่มีประวัติเครดิตที่เพียงพอ
เป้าหมายอีกหนึ่งอย่างของการนำ AI มาใช้ในการประเมินคะแนนเครดิตคือ AI หรือการใช้คอมพิวเตอร์นั้นไม่ใช้อคติในการตัดสินใจเหมือนกับการใช้พนักงานในการพิจารณา ธนาคารดิจิทัล และแอปพลิเคชันในการปล่อยสินเชื่อใช้อัลกอริทึ่มของ Machine learning ในการประเมินข้อมูลทางเลือก หรือ Alternative data เช่น ข้อมูลการชำระค่าสาธารณูปโภคต่างๆ เพื่อประเมินความสามารถในการกู้ยืมเงินของผู้ขอใช้สินเชื่อ และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินได้แบบรายบุคคล
AI กับการป้องกันการฉ้อโกง
หลายปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันเทคโนโลยี AI ประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับการฉ้อโกงทางการเงิน และอนาคตดูเหมือนจะสดใสขึ้นทุกปีเนื่องจาก machine learning ได้พัฒนาตามอาชญกรไซเบอร์ได้ทัน
เทคโนโลยี AI ใช้ได้ผลเป็นอย่างมากโดยเฉพาะกับการป้องกันการทุจริตทางบัตรเครดิตซึ่งมีการเติบโตขึ้นเป็นอย่างมากในไม่กี่ปีที่ผ่านมาจากการเติบโตของ e-commerce และการทำธุรกรรมออนไลน์ ระบบการป้องกันการฉ้อโกงจะวิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า สถานที่ที่มีการใช้จ่าย และพฤติกรรมการซื้อของ และกระตุ้นให้กลไกระบบรักษาความปลอดภัยทำงานเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างที่ดูผิดปกติ และขัดแย้งกับแพทเทิร์นการใช้จ่ายประจำ
ธนาคารเองก็ได้นำ AI มาช่วยในการเปิดเผย และป้องกันอาชญากรรมทางการเงินประเภทอื่นๆ นั่นก็คือการฟอกเงิน โดยที่ระบบคอมพิวเตอร์จะตรวจจับกิจกรรมทางการเงินที่น่าสงสัย และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตรวจสอบถึงแผนการฟอกเงิน ซึ่ง AI สามารถลดภาระงานในการตรวจสอบได้ถึง 20%
AI กับกระบวนการทำงานแบบอัตโนมัติ
ผู้นำในอุตสาหกรรมที่มองการณ์ไกลมักจะมองหาการนำระบบ AI มาใช้ในปรับกระบวนการทำงานให้เป็นอัตโนมัติมากขึ้น เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
AI สำหรับการประมวลผลเอกสารแบบอัตโนมัติทำให้หน้าที่งานที่เดิมกินเวลาการทำงานเป็นจำนวนมาก และทำให้ค่าใช้จ่ายโอทีเพิ่มสูงขึ้นสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ด้วยเทคโนโลยี AI ทำให้ซอฟต์แวร์ AI-Powered OCR สามารถประมวลผลและตรวจสอบข้อมูล และสร้างเป็นรายงานตามตัวแปรที่กำหนด รวมถึงรีวิวเอกสาร และดึงข้อมูลจากเอกสารประเภทต่างๆได้แบบอัตโนมัติ เช่น ฟอร์มการสมัคร บัตรประชาชน สัญญาต่างๆ เป็นต้น
2. ธุรกิจประกัน
ธุรกิจประกันเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้มีการนำ AI เข้ามาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับธุรกิจในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นประเมินความเสี่ยง ป้องกันการฉ้อโกง และลดข้อผิดพลาดในการทำงาน ทำให้ผู้ให้บริการประกันมีตัวช่วยที่ดีที่ช่วยในการขายประกันที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละคน รวมถึงในมุมของลูกค้าเองก็ได้ประโยชน์จากการที่บริษัทประกันนำโซลูชัน AI มาใช้งาน ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีเยี่ยม และกระบวนการเคลมที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว
AI กับขั้นตอนการเคลมที่รวดเร็ว
บริษัทประกันมีหน้าที่ดำเนินการช่วยเหลือลูกค้าในการเคลมประกันที่เป็นไปตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่การเข้าถึงการเคลมประกันไม่ใช่เรื่องที่ง่าย พนักงาน หรือตัวแทนประกันจำเป็นต้องตรวจสอบเงื่อนไขหลายอย่าง และรวบรวมทุกรายละเอียดเพื่อกำหนดว่าลูกค้าจะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความพยายาม และอุตสาหะเป็นอย่างมาก ซึ่งโซลูชัน AI สามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้
ห่วงโซ่การจัดจำหน่ายในธุรกิจประกันนั้นมีความคดเคี้ยวและซับซ้อน กลุ่มของคนกลางที่ทำการตรวจสอบข้อมูลระหว่างผู้เอาประกัน กับบริษัทประกันทำให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้ และงานที่ต้องทำแบบแมนนวลทำให้กระบวนการทำงานล่าช้า แต่ด้วยโซลูชัน AI สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
ด้วยอัลกอริทึ่มของ AI สามารถลดเวลา และจำนวนข้อผิดพลาดของการส่งต่อข้อมูลจากแหล่งข้อมูลหนึ่งไปยังอีกทีหนึ่งได้ เพียงแค่ล็อกอินเข้าไปในระบบ และอัพโหลดเอกสารที่เป็นไฟล์ PDF เข้าไป บริษัทประกันสามารถลดเวลาในการกรอกข้อมูลเข้าไปในระบบ และทำให้ข้อมูลมีความแม่นยำมากขึ้นด้วยโซลูชัน AI ประมวลผลเอกสารแบบอัตโนมัติ
3. ธุรกิจค้าปลีก
ธุรกิจค้าปลีกเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ก้าวทันกับพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนแปลง การนำโซลูชัน AI เข้ามาใช้งานจะทำให้ผู้ค้าปลีกสามารถยกระดับการสร้างประสบการณ์กับลูกค้า นำเสนอบริการและตอบรับการความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจในยุคของเทคโนโลยี AI และ Big data
เมื่อความต้องการในการพัฒนาประสบการณ์การให้บริการลูกค้าแบบรายบุคคลเติบโตมากขึ้น ธุรกิจจึงได้นำโซลูชัน AI มาใช้งานเพื่อช่วยในการเติมช่องว่างในส่วนนี้ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ได้ยกระดับให้การทำงานในองค์กรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะงานในด้านบริการ การนำแชทบอทมาใช้กับงานการให้บริการลูกค้าถือเป็นแนวหน้าในการเปลี่ยนแปลงนี้
แต่ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น machine learning และระบบเสียงตอบกลับอัตโนมัติก็ได้สร้างตัวอย่างใหม่สำหรับสิ่งที่ลูกค้า และพนักงานคาดหวัง และ AI จะกลายเป็นเทคโนโลยีที่มีความสำคัญสำหรับธุรกิจบริการในอนาคต
AI แชทบอทในการให้บริการลูกค้า
หนึ่งในรูปแบบที่พบเห็นในการนำโซลูชัน AI มาใช้กับงานบริการบ่อยที่สุด คือแชทบอท ธุรกิจได้มีการนำแชทบอทมาใช้เพื่อจัดการกับคำถามที่ลูกค้ามักจะถามบ่อยๆ เช่น วันจัดส่งสินค้า ยอดค้างชำระ สถานะคำสั่งซื้อ หรือข้อมูลอะไรก็ตามที่สามารถดึงจากระบบข้อมูลภายในขององค์กรได้
AI มีศักยภาพในการปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐได้เป็นอย่างมาก และช่วยตอบสนองความต้องการของประชาชนในรูปแบบใหม่ ตั้งแต่การจัดการจราจร การส่งมอบบริการด้านสุขภาพ ไปจนถึงการประมวลผลแบบฟอร์มภาษี รวมถึงการนำโซลูชัน AI ไปประยุกต์ใช้กับหน่วยงานภาครัฐนั้นกว้างขวางและเติบโตมากขึ้น
พนักงานในหน่วยงานภาครัฐได้ใช้ AI เพื่อช่วยพวกเขาในการจ่ายเงินสวัสดิการ และการตัดสินใจด้านการย้ายถิ่นฐาน ตรวจจับการฉ้อโกง วางแผนโครงการโครงสร้างพื้นฐานใหม่ ตอบคำถามประชาชน ตัดสินการพิจารณาคดีประกันตัว พิจารณาคดีการดูแลสุขภาพ และสร้างเส้นทางการทำงานของโดรน