Fact #6 : แผนลับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จะใช้ค้างคาวเป็นอาวุธ
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสหรัฐฯ มักจะมองหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อเอาชนะศัตรู แผนดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการพัฒนาอาวุธลับสุดยอดที่เรียกว่าระเบิดค้างคาว
แนวคิดนี้เรียบง่ายแต่แยบยล นั่นคือการติดระเบิดเพลิงขนาดเล็กเข้ากับค้างคาวหางอิสระเม็กซิกันและปล่อยพวกมันไปทั่วเมืองต่างๆ ในญี่ปุ่น แนวคิดคือค้างคาวจะอาศัยอยู่ตามอาคารและโครงสร้างต่างๆ ทั่วเมือง และระเบิดจะจุดไฟ ทำให้เกิดการทำลายล้างเป็นวงกว้าง
แผนนี้คิดขึ้นโดยศัลยแพทย์ทันตกรรมชื่อ Lytle S. Adams ผู้ซึ่งได้สังเกตเห็นค้างคาวเกาะอยู่ในถ้ำในช่วงพักร้อนที่ Carlsbad Caverns ในนิวเม็กซิโก เขาเสนอแนวคิดนี้ต่อทำเนียบขาวในปี 2485 และได้รับการอนุมัติอย่างรวดเร็ว
ระเบิดค้างคาวได้รับการออกแบบให้มีระเบิดเพลิงขนาดเล็กที่ติดอยู่กับค้างคาวแต่ละตัว จากนั้นค้างคาวจะถูกปล่อยออกจากกระป๋องที่ติดอยู่กับปลอกระเบิด ซึ่งจะกระโดดร่มลงกับพื้นหลังจากปล่อยค้างคาว แนวคิดคือค้างคาวจะอาศัยอยู่ตามอาคารและโครงสร้างต่างๆ ทั่วเมือง และระเบิดจะจุดไฟ ทำให้เกิดการทำลายล้างเป็นวงกว้าง
กองทัพอากาศสหรัฐได้ทำการทดสอบระเบิดค้างคาวซึ่งได้ผลที่น่าประทับใจ ในการทดสอบครั้งหนึ่ง ไม้แขวนเสื้อถูกทำลายทั้งหมดพร้อมกับอาคารอื่นๆ อีกหลายแห่ง อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ถูกยกเลิกในที่สุดในปี 2487 ก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ในการต่อสู้ได้
มีหลายเหตุผลที่ว่าทำไมระเบิดค้างคาวถึงไม่เคยถูกใช้ในการต่อสู้ ประการแรกคือความจริงที่ว่าสงครามกำลังใกล้เข้ามา และสหรัฐฯ ได้พัฒนาอาวุธอื่นๆ แล้ว เช่น ระเบิดปรมาณู อีกเหตุผลหนึ่งก็คือระเบิดค้างคาวถูกมองว่าเป็นหายนะทางมนุษยธรรมที่อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากอาจทำให้เกิดไฟไหม้ลุกลามและพลเรือนบาดเจ็บล้มตายได้
แม้จะล้มเหลว แต่ระเบิดค้างคาวยังคงเป็นเชิงอรรถที่น่าสนใจในประวัติศาสตร์การทหาร มันแสดงให้เห็นความยาวที่นักยุทธศาสตร์การทหารจะไปหาวิธีการใหม่และนวัตกรรมเพื่อให้ได้เปรียบในการทำสงคราม นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการพิจารณาอย่างรอบคอบและการประเมินอาวุธที่มีศักยภาพและผลที่ตามมา
โดยสรุป ระเบิดค้างคาวเป็นอาวุธที่น่าสนใจและเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แม้ว่าจะไม่เคยใช้ในการต่อสู้ แต่ก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์การทหารและเป็นเครื่องเตือนใจถึงความยาวที่เราจะไปถึงชัยชนะ
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
