31 มี.ค. 2023 เวลา 11:35

10 ตำนานเรื่องผีสุดหลอนที่คุณอาจไม่เคยได้ยินมาก่อน

แม้ว่าคุณจะไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ แต่ก็มีบางอย่างที่น่าสนใจอย่างประหลาดเกี่ยวกับเรื่องผีที่น่าขนลุกหรือสิ่งมีชีวิตในตำนานโบราณ ตำนานบางเรื่องได้กลายเป็นเรื่องโด่งดังอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ตำนานที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักแต่ก็กลับน่ากลัวมากเช่นกัน ในคลิปนี้ คุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับผีที่อาจจะทำให้คุณขนลุก และตำนานที่น่ากลัวจากประเทศต่างๆ ก็ขอฝากทุกท่านติดตาม กดไลค์ กดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนบทความต่อไปกันด้วยนะคะ
1 The Lumberjack Ghost จากประเทศแคนาดา
ในช่วงปลายทศวรรษ1800 พ่อครัวชาวไอริสมีชื่อว่าไรอัน เขาเดินทางไปนิวบรันสวิก ประเทศแคนาดา เพื่อทำงานเป็นพ่อครัวที่แค้มตัดไม้ใกล้กับแม่น้ำดันการ์วอน หน้าที่อย่างหนึ่งของเขาคือการปลุกทุกคนให้ตื่นเพื่อรับประทานอาหารเช้า โชคไม่ดีที่หัวหน้าค่ายเป็นคนอารมณ์ร้าย เขาเรียกร้องให้ไรอั้นมอบเงินออมทั้งชีวิตที่เขาเก็บไว้เพื่อช่วยกองทุนค่าย แต่ไรอั้นปฏิเสธ เจ้านายจึงส่งคนที่เหลือออกไปล่าสัตว์แต่เช้าตรู่ในเช้าวันหนึ่ง
ในขณะที่หัวหน้าค่ายอยู่กับไรอั้น พวกคนงานกลับมาพบว่าไรอั้นเสียชีวิตและเงินของเขาหายไป เจ้านายแกล้งทำเป็นว่าไรอั้นเสียชีวิตอย่างกระทันหันจึงสั่งให้คนฝังศพในหลุมฝังศพตื้นๆ ในป่า ในไม่ช้าไรอั้นก็เริ่มหลอกหลอนแคมป์ด้วยเสียงโห่ร้องและเสียงกรีดร้องที่ดังด้วยความหวาดกลัว พวกผู้ชายจึงรีบออกจากค่าย รวมทั้งหัวหน้า และไม่กลับมาอีกเลย หลายทศวรรษให้หลัง ผู้คนอ้างว่าได้ยินเสียงร้องของไรอั้นดังก้องไปทั่วป่าใกล้แม่น้ำดันการ์วอน
2 The Strzyga ประเทศโปแลนด์
Strzyga เป็นสัตว์ร้ายในตำนานสลาฟที่น่าสะพรึงกลัว มันมีสองวิญญาณ ฟันสองชุด และหัวใจสองดวง ตำนานเล่าว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เริ่มต้นจากการเป็นมนุษย์ แต่ถูกขับออกจากบ้านเพราะได้กระทำความชั่วร้าย เมื่อพวกเขาตายอย่างโดดเดี่ยว วิญญาณดวงหนึ่งของพวกเขาจะไปสู่ชาติหน้า ในขณะที่อีกดวงหนึ่งจะคงอยู่และกลายเป็นปีศาจปีศาจ มันจึงต้องกินสิ่งมีชีวิตเพื่อความอยู่รอด แม้ว่าเลือดสัตว์จะดีในตอนแรก แต่ไม่นานพวกมันก็ต้องการอะไรที่ดีมากกว่านี้ นั่นคือเลือดมนุษย์!
ตามตำนาน พวกมันมักจะมุ่งเป้าไปที่คนที่เคยทำผิดกับพวกมันใน "ชาติก่อน" มันจะดูดเลือดพวกเขาก่อนที่จะกินอวัยวะภายใน เชื่อกันว่ามีหลายวิธีในการป้องกันไม่ให้ Strzyga กลายเป็นปีศาจหลังจากตาย
วิธีหลักคือการตัดหัวและเผาศพ อย่างไรก็ตาม ตำนานสลาฟนี้มีวิธีที่บ้าคลั่งกว่าในการกำจัดปีศาจ เช่น ตบศพด้วยมือซ้าย ทิ้งสิ่งของเล็กๆ ไว้ในหลุมฝังศพของสะตริซก้า เพื่อให้มันนับ และฝังศพคว่ำหน้า ตัดเส้นเอ็นที่ขาของมัน ดังนั้นหากคุณพบใครบางคนที่มีหัวใจสองดวง จงทำดีกับพวกเขา ไม่อย่างนั้นก็พกขวานคมกริบและไม้ขีดไฟสักกล่อง!
3 Lady Koi Koi จากประเทศไนจีเรีย
ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ครูคนใหม่ที่มีใบหน้าและหุ่นที่สวยงามมาถึงโรงเรียนประจำในไนจีเรีย เด็กๆ ตั้งฉายาให้เธอว่า ก้อยก้อย ที่เรียกแบบนี้เพราะว่ามาจากเสียงรองเท้าส้นสีแดงขณะเดิน โชคไม่ดีที่เธอใจร้ายกับนักเรียนของเธอและตีพวกเขาบ่อยครั้ง เด็กๆ ไปรายงานเรื่องราวของเลดีก้อยก้อยกับครูใหญ่ แต่ครูใหญ่กลับไม่เชื่อ แม้ว่าเธอจะทุบตีนักเรียนคนหนึ่งจนต้องเข้าโรงพยาบาลก็ตาม ในที่สุดนักเรียนก็ตัดสินใจที่จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง และเริ่มโจมตีเธอ
ในคืนหนึ่ง พวกเขาปิดปากเธอ เปิดกระสอบคลุมร่างของเธอ และทุบตีเธอจนเธอหยุดเคลื่อนไหว จากนั้นพวกเขาก็นำร่างของเธอไปทิ้งที่นอกประตูโรงเรียนโดยหวังว่าจะโทษว่าเป็นคนร้ายที่ทำ ไม่นานนักเรียนที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม Lady Koi Koi ก็หายไปทีละคน และในที่สุด โรงเรียนประจำก็ปิดตัวลง เรื่องราวของ Lady Koi Koi แพร่กระจายไปยังโรงเรียนอื่น ๆ และใช้เวลาไม่นานนัก นักเรียนก็เริ่มได้ยินเสียง “ Koi Koi Koi”
สิ่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ตำนานกล่าวว่าเธอหลอกหลอนในห้องโถงของโรงเรียนเพื่อมองหาเด็กคนใดคนหนึ่งเพื่อทรมานและเฆี่ยนตี เหมือนที่เธอเคยทำเมื่อเธอยังมีชีวิต
4 แบนชี แห่งแม่น้ำทาร์ จากนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา
ในช่วงสงครามปฏิวัติอเมริกา ชาวอาณานิคมอังกฤษที่ไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์จะถูกยึดทรัพย์สิน หรือแย่กว่านั้นหากกองกำลังอังกฤษหรือคนเสื้อแดงพบเข้าจะต้องไม่มีชีวิตอยู่ตำนานกล่าวว่าหนึ่งในกบฏเหล่านี้คือ เดฟ วอร์เนอร์ ผู้มีโรงโม่แป้งริมแม่น้ำทาร์ ในขณะที่เขากำลังส่งแป้งให้กับกองทหารรักษาการณ์ของอาณานิคม เขาได้รับคำเตือนให้อยู่ห่างจากแม่น้ำทาร์ในวันพระจันทร์เต็มดวง
เนื่องจากวิญญาณแห่งความตายที่เรียกว่า แบนชี จะออกค้นหาเหยื่อรายใหม่แต่ว่าในปีต่อมาเหล่าคนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงห้าคนมาถึงโรงโม่แป้งของเดฟและทุบตีเขา พวกเขาลากเดฟไปที่แม่น้ำ มัดเขาไว้กับหินก้อนใหญ่ แล้วโยนเขาลงไปในน้ำ และทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงคร่ำครวญอันน่าสยดสยองในขณะที่มีหมอกเต็มไปหมด
พวกคนที่สวมเสื้อคลุมสีแดงรีบวิ่งเข้าไปในโรงสีของเดฟและขังตัวเองไว้ จากนั้น แบนชีก็ปรากฏตัวขึ้นและทำให้เหล่าคนเสื้อคลุมแดงเข้าสู่สภาวะมึนงง พวกเขาเริ่มเดินไปที่แม่น้ำทีละคนและเสียชีวิต ในขณะที่เสียงกรีดร้องของแบนชีดังขึ้นเหนือน้ำ ตำนานเล่าว่าแม่น้ำทาร์ยังคงถูกผีแบนชีหลอกหลอน และถ้าคุณได้ยินเธอร้องครวญครางอันน่าสยดสยอง คุณอาจจะตกเป็นเหยื่อรายต่อไปของเธอ!
5 แม่ชีหัวขาด จากประเทศแคนาดา
หลังจากสงคราม Father Le Loutre ในปี 1749 แม่ชีชาวฝรั่งเศสชื่อซิสเตอร์มารีเดินทางไปนิวบรันสวิก ประเทศแคนาดา เพื่อช่วยเหลือชาวอาณานิคมที่หลบหนีจากอังกฤษ ไม่นานหลังจากที่ซิสเตอร์มารีมาถึงที่ชุมชนอาณานิคม ชาวอังกฤษได้ข่าวว่าพวกเขาหลบหนีการจับกุมและกำลังตามหาพวกเขา ในฐานะที่เธอเป็นสมาชิกชุมชนที่เชื่อถือได้ ชาวอาณานิคมจึงได้มอบของมีค่าให้กับซิสเตอร์มารีหากพวกเขาถูกจับ
ดังนั้นเธอจึงฝังมันไว้ในที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกขโมย ไม่กี่วันต่อมา ซิสเตอร์มารีถูกกลุ่มชายโจมตีในขณะที่กำลังข้ามป่า พวกเขาเรียกร้องให้เธอเปิดเผยตำแหน่งของของมีค่าที่ฝังไว้ แต่เมื่อเธอปฏิเสธ พวกเขาก็ตัดหัวเธอทิ้ง!
ไม่นานหลังจากศพของซิสเตอร์มารีถูกส่งกลับฝรั่งเศส มีผู้พบเห็นคนเดินบนเส้นทางที่เธอเดินทุกคืน วันหนึ่ง ชายคนหนึ่งกำลังเดินไปตามทาง และเขาสังเกตเห็นแม่ชีโผล่ออกมาจากป่า แต่เขากลับต้องกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวเมื่อเธอเข้ามาใกล้ เธอหัวขาด!
ตำนานเล่าว่ามีผู้พบเห็นเธอเดินเตร็ดเตร่ในกลางดึกของคืนพระจันทร์เต็มดวงเพื่อค้นหาศีรษะที่หายไปของเธอ
6 The Kludde ประเทศเบลเยียม
หลายคนบอกว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ แต่คราดี้เป็นสุนัขที่คุณไม่ต้องการให้อยู่เคียงข้าง! ในนิทานพื้นบ้านของชาวดัตช์ คราดี้เป็นสัตว์จำแลงที่มีรูปร่างเป็นสุนัขตัวใหญ่ แต่บางครั้งก็ปรากฏเป็นไม้พุ่มหรือต้นไม้ขนาดเล็กที่เติบโตใหญ่ขึ้นต่อหน้าต่อตาคุณ
ตำนานกล่าวว่าคราดี้สะกดรอยตามนักเดินทางที่กำลังเดินอยู่บนถนนที่รกร้างว่างเปล่าในตอนกลางคืนสิ่งเดียวที่สามารถได้ยินก่อนที่มันจะเริ่มโจมตีคือเสียงของโซ่
เมื่อคราพี้พบเหยื่อแล้ว ว่ากันว่าจะกระโดดขึ้นไปบนหลังของเหยื่อ บังคับให้เหยื่อล้มลงกับพื้น ซึ่งกรงเล็บและฟันที่คมกริบของสิ่งมีชีวิตนี้จะฉีกคนที่โดนออกจากกัน ดังนั้น หากคุณกำลังเดินป่าในชนบทของเนเธอร์แลนด์ การอยู่นอกถนนในตอนกลางคืนจะดีที่สุด แต่ถ้าคุณไม่มีทางเลือกอื่นและได้ยินเสียงโซ่ อย่าลืมวิ่งหนีเอาชีวิตรอดล่ะ!
7 ตำนานอินูพาซุกจุค จากอาร์คติก
อินูพาซุกจุค คือสัตว์ในตำนานของชาวเอสกิโม เป็นยักษ์ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือ ไม่ค่อยมีใครรู้เกี่ยวกับพวกมัน แต่ตามตำนานได้บอกไว้ว่า ยักษ์ตัวเมียนั้นพบได้ทั่วไปมากกว่าตัวผู้ที่ตัวใหญ่กว่ามาก บางทีพวกมันอาจก้าวร้าวมากและไม่มีใครมีชีวิตอยู่เพื่อบอกเล่าเรื่องราวของพวกเขา
อินูพาซุกจุคคิดว่ามนุษย์เป็นสิ่งที่แปลกประหลาดและจะหยิบคนขึ้นมาใช้เป็นของเล่น ตัวเมียอาจฉกผู้คน โยนเข้าไปในเสื้อพาร์กาขนาดใหญ่ แล้วพาออกไป สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ ถ้าคุณเห็นอินูพาซุกจุคให้ซ่อน!
8 Dearg Due จากไอร์แลนด์
ในยุคสมัยที่การแต่งงานแบบคลุมถุงชนเป็นเรื่องปกติในไอร์แลนด์ มีหญิงสาวคนหนึ่งได้ตกหลุมรักกับชาวนาในหมู่บ้านของเธอ แต่พ่อที่ชั่วร้ายของเธอตัดสินใจ "ขาย" เธอให้กับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นที่ร่ำรวยแต่โหดร้าย หลังจากการบังคับแต่งงาน เธอต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้การกระทำที่โหดร้ายของเขา เธอถูกกักขังครั้งละหลายสัปดาห์และถูกใช้เป็นตัวตลก
ดังนั้น เธอมีอาการซึมเศร้าอย่างมาก เธอหยุดกิน และเสียชีวิตในที่สุด ไม่นานสามีของเธอก็แต่งงานใหม่ และพ่อของเธอก็ดีใจกับทรัพย์สมบัติใหม่เกินกว่าจะสนใจลูกสาวที่เสียชีวิตของเขา วิญญาณของผู้หญิงคนนี้โกรธมาก จนเธอสามารถที่จะออกจากหลุมฝังศพของตน กระหายที่จะแก้แค้นเธอสูบเลือดพ่อของตนเองและสามีที่ชั่วร้ายของเธอ
ดารูด ดูอา กลายเป็นที่รู้จักหลีงจากนั้นเธอก็ไม่รู้จักพอสำหรับเลือดมนุษย์ เธอเริ่มหลอกล่อผู้ชายไปยังที่มืดและซ่อนเร้น ที่ซึ่งเธอจะโจมตีพวกเขาและดูดเลือดพวกเขา แต่ตำนานกล่าวว่าจากนั้นเธอก็หายตัวไป เกิดอะไรขึ้น เธอยังคงเดินด้อมๆ มองๆ ค้นหาเหยื่อรายใหม่อยู่หรือเปล่า? บางคนบอกว่าหลุมฝังศพของเธอสามารถพบได้ใน Waterford ประเทศไอร์แลนด์ที่ Tree of Strongbow คำเตือน อย่าไปคนเดียว!
9 ปีศาจแห่งสะพานคนเลี้ยงแพะ จากเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
มีบางอย่างที่น่าขนลุกเกี่ยวกับสะพานเก่าที่ส่งเสียงดังเอี๊ยดอ๊าด แต่สะพาน Old Alton ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส กลับแสดงความรู้สึกน่าขนลุกแบบพิเศษออกมา ตามตำนานท้องถิ่น ใต้สะพาน Old Alton เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ปีศาจที่รู้จักกันในชื่อ "The Goatman" คนที่เคยพบเจอกล่าวว่าสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวเป็นภาพที่น่าสยดสยอง มันสูง 8 ฟุต มีหัว ขา และเท้ากีบแบบแพะ แขนและหน้าอกเป็นคน นอกจากนี้ยังมีเขาขนาดใหญ่และดวงตาที่ชั่วร้ายที่เปล่งประกาย
ตามตำนาน ถ้าคนข้ามสะพานพูดชื่อคนเลี้ยงแพะ สิ่งมีชีวิตมหึมานั้นจะถูกเรียกออกมา แม้ว่ามันจะนอนใต้สะพานในตอนกลางวัน แต่คนเลี้ยงแพะก็ออกมาล่าอาหารในตอนกลางคืน แต่ถ้าพูดชื่อเขาตอนกลางวัน มันจะยิ่งก้าวร้าวมากขึ้น หรืออาจรำคาญที่ถูกปลุก!
เชื่อกันว่าสะพานนี้เป็นประตูสู่นรก และบางคนรายงานว่าเห็นภาพน่ากลัวของกำมะถันและไฟเมื่อข้ามสะพานตอนตี 3 หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบสิ่งเหนือธรรมชาติ การเยี่ยมชมสะพานแพะแมนก็คุ้มค่า คำเตือน อย่าไปตอนตี 3 และอย่าพูดชื่อของเขา!
10 The Haunted Phelps Mansion จากคอนเนตทิคัต สหรัฐอเมริกา
ในปี1848 เอเลียคิม เฟลป์ส รัฐมนตรีสภาได้ซื้อคฤหาสน์บนถนน Elm ใน Stratford รัฐคอนเนตทิคัต ซึ่งจะกลายเป็นฐานของ "Stratford น็อคกิ้งส์" ที่มีชื่อเสียง สองปีหลังจากที่เขาซื้อบ้านหลังนี้ เฟลป์สและครอบครัวสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ในบ้านของพวกเขา วันหนึ่ง เฟลป์สและครอบครัวกลับมาบ้านและพบว่ามีผ้าเครปสีดำแขวนไว้ที่ประตูและเหนือกระจก ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเพิ่งมีคนเสียชีวิต
เขายังพบชุดนอนของภรรยาของตนตัวหนึ่งกางอยู่บนเตียงโดยให้แขนพาดหน้าอกราวกับว่ามีคนนอนอยู่ หากนั่นยังไม่น่าขนลุกพอ ครอบครัวยังกลับมาที่บ้านและพบว่าลิ้นชักของพวกเขาถูกเปิดออก เสื้อผ้าถูกโยนทิ้งเกลื่อนกลาด และข้าวของต่างๆ แต่ไม่มีของมีค่าใดถูกขโมยไป สิ่งน่าขนลุกอื่น ๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นเช่นกัน เช่น สิ่งของหล่นจากชั้นวางและหน้าต่างถูกทุบแตก ในที่สุดสำนักข่าวก็ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ Stratfordน็อคกิ้งส์ และมีการตีพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องนี้
ผู้คนที่ชื่นชอบเรื่องผีก็เริ่มบุกไปที่คฤหาสน์เฟลป์สด้วยหวังว่าจะได้เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดเหล่านี้ น่าเสียดายที่จนถึงทุกวันนี้ การหลอกหลอนยังคงเป็นปริศนา และตัวบ้านก็พังยับเยิน
หาคุณอ่านแล้วได้ความรู้หรือข้อคิดต่างๆจากเรื่องราวเหล่านี้
ถ้าไม่อยากพลาดเรื่องราวข่าวสารดีๆที่น่าสนใจของทางเพจ ก็ขอฝากทุกท่านติดตาม กดไลค์ กดแชร์เพจ Stories around The World.(เรื่องราวรอบโลก) กันด้วยนะคะ
อ่านเพิ่มเติม https://www.storiesaroundtheworld.net/
โฆษณา