1 เม.ย. 2023 เวลา 13:00 • นิยาย เรื่องสั้น

เรื่อง...เณรกลัวผี

ลุงหมอนกับป้ามัายแกมีหลานอยู่ 2 คน พ่อแม่ได้ทิ้งไว้ให้แกเลี้ยงตั้งแต่เล็ก หลานสาวชื่อละมัย หลานชายชื่อ เลิศ แต่ลุงหมอนมักจะเรียกว่า ไอ้โล่ยเป็นชื่อเล่นเขา
ไอ้เจ้าโล่ยมันได้ฉายาอีกอย่างว่า ไอ้มนุษย์สิ่ว เพราะมันใช้ทีถึงทำที ไม่ใช้ไม่ทำ เหมือนสิ่วไม่เอาฆ้อนตอกสิ่วก็ไม่เข้าอีกอย่างเป็นคนค่อนข้างจะขี้เกียจทำงานไม่กระตือรือร้น ไม่มีแอ็กถีบ มีแต่จะโดนถีบอยู่เรื่อย
ลุงหมอนกับป้าม้ายชอบบ่นชอบด่าเป็นประจำ จนบางครั้งมันโวยวายพูดว่า เฮ้อ....เบื่อโลกนี้จริง ๆ..ทำดีไม่ได้ดี
หนีไปบวชดีกว่ามัง ป้าม้ายจึงพูดขึ้นว่า ก็เอ็งทำดีไม่ถูกดี ทำดีไม่ถึงดี มันจะได้ดียังไงว่ะ
มันไม่ถูกดี ไม่ถึงดียังไง ยาย
หลานถาม
ก็เอ็งทำอะไรไม่ค่อยเข้าท่าสักอย่าง หุงข้าวก็แฉะ ซักผ้าล้างจานก็ไม่เอี่ยม ให้ไปเลี้ยงควายก็ปล่อยให้ไปกินข้าวกล้าและพืชผักของชาวบ้านเป็นประจำ
ถ้าเอ็งไม่อยากอยู่บ้าน ยายจะพาไปฝากหลวงตาให้ท่านช่วยดัดนิสัยดีมั้ย ละมัยได้ยินยายพูด จึงพูดขึ้นว่า
ยายให้มันไปบวช...เดี๋ยวมันก็ได้แต่ฉันแล้วเอน เพลแล้วนอนจนหมอนกิ่วหร็อก
ถ้ามันไปทำยังงั้น หลวงตาก็เอาไม้ตะพดหวดกะบาลเท่านั้นแหละ
ในที่สุดเจ้าโล่ยก็ได้ไปบวชอย่างสมใจในวัย ๑๖ ปี ละมัยต้องรับภาระเลี้ยงควายแทน
ละมัยเธอได้แต่งงานอยู่กินกับนายแพงลูกตาพงศ์ คนบ้านเดียวกันมาได้เกือบปีแล้วตอนนี้เธอท้องได้ ๕ เดือน แต่ก็ต้องไปเลี้ยงควายทุกวัน
ในช่วงบ่ายของวันหนึ่ง มีลมมาฟ้ามืดมัวเหมือนฝนจะตกหนัก เพราะทั้งฟ้าแลบฟ้าร้องดังครืน ๆ เป็นระยะ ๆไม่นานเท่าใดนักฝนก็ตกลงมาอย่างแรง ละมัยหาที่หลบฝนเห็นต้นประดู่อยู่กลางทุ่ง เธอจึงวิ่งไปอาศัยโคนต้นประดู่หลบฝนทันที
ในขณะที่ยืนหลบฝนอยู่นั้นมีทั้งฟ้าแลบและฟ้าร้องดังเป็นระยะๆ สักครู่หนึ่งก็มีแสงแห่งฟ้าแลบสาดส่งลงมาตั้งแต่ยอดไม้จนถึงโคนต้น
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงเสียงลั่นสนั่นทุ่ง ทำให้เปลือกต้นประดู่แตกกระจาย ฉีกออกตั้งแต่กลางต้นจนถึงโคน ส่งผลให้ร่างของละมัยฟุบลงกับพื้นเสียชีวิตทันที
หลังจากฝนหยุดตกผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ได้ช่วยกันนำร่างของเธอออกมา เห็นแล้วได้แต่สงสารเธออย่างจับใจ
ตามร่างกายเสมือนโดนทุบด้วยของแข็ง ฟกช้ำดำเขียวไปทั้งตัว เลือดออกทั้ง ทางปาก ทางจมูก ตาถลนออกนอกเบ้า
ใคร ๆ เห็นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า มันไปสร้างกรรมทำเวรอะไรน้อ...ถึงต้องมาตายแบบนี้
หลังจากนั้นก็ได้จัดการตามประเพณีนำร่างของเธอไปฝังยังป่าช้า
ชาวบ้านต่างพากันหวาดกลัวมาก เพราะเธอตายท้องกลมผู้คนมีความเชื่อว่า ผีตายท้องกลมส่วนมากมักจะเฮี้ยน
ชาวบ้านในชนบทบางพื้นที่
มีความเชื่อว่า เมื่อคนตายไปแล้วจะต้องจัดหาของกินของใช้ส่งไปให้ ไม่ว่าจะเป็นข้าวสารอาหารแห้ง เสื้อผ้าอาภรณ์เป็นต้น ใส่ตะกร้า ใส่
กระบุงหรือครุถังกาละมัง แล้วแต่จะมี นำไปถวายพระเพื่อให้ท่านช่วยสวดกรวดน้ำส่งไปให้คนตาย
ละมัยตาย ญาติ ๆ ก็ทำเช่นนั้นเหมือนกัน หลวงตาท่านได้มอบให้เณรเลิศรับหน้าที่นี้ และบอกว่าวิญญาณคนตายจะมารับภายใน ๓ คืน หลังจากนั้นก็ไม่มาแล้ว เป็นความเชื่อที่เล่าต่อ ๆ กันมา จริงเท็จอย่างไรไม่มีใครรู้ได้
เณรเลิศได้นำเอากระบุงที่ใส่ของนั้นไปไว้ในกุฎิของตน และทำตามที่หลวงตาแนะนำทุกอย่าง คืนหนึ่งคืนสองผ่านไปไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น พอตกคืนที่สาม ใจชักหวาดกลัวเพราะคิดว่ายังไง ๆ วิญญาณต้องมาแน่ ยิ่งดึกไปใจยิ่งกลัวมากขึ้นหัวใจเต้นตึกตักแทบไม่เป็นจังหวะ นอนเอาจีวรคลุมโปงจนเวลาผ่านไปถึงตีสองก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีอะไร พอตะแคงตัวว่าจะหลับสักหน่อย
หูก็ได้ยินเสียงในกระบุงดังขึ้นเหมือนมีคนกำลังมาหยิบสิ่งของในนั้น ดัง ก็อก แก็ก ๆ ความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง หูเงี่ยฟังอย่างใจจดใจจ่อ
ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สักพักหนึ่งเสียงก็ดังขึ้นอีก เหมือนเสียงคนตักข้าวสารใส่จาน ดัง ๆ หยุด ๆ เณรขนหัวลุกซู่ เหื่อเริ่มไหลชุ่มตัว และที่ประตูก็มีเสียงดังขึ้นอีกเหมือนมีคนมาเคาะ ดัง ก๊อก ๆ ๆ สามสี่ครั้ง ในกระบุงก็ดัง ก๊อก แก๊ก ไม่ไปไหนเสียที คิดแต่ว่าพี่มัยคงอุ้มท้องมานั่งยอง ๆ เก็บข้าวของแต่...เอ๊ะ เมื่อไหร่จะไปเสียที จึงตัดสินใจหยิบไฟฉายมาส่องดู
เป็นไงเป็นกัน ไฟฉายสว่างวาบ.... เห็นหนูหริ่งตัวเท่านิ้วโป้วิ่งออกไปจากกระบุง และแล้วก็ส่องไฟฉายไปที่ประตูก็เห็นไอ้เจ้ากรมมตุ๊กแกมันคาบแมลงแล้วฟาดใส่ประตู ดัง ป๊อก ๆ ก่อนที่มันจะกิน
เณรหายใจโล่งเหมือนยก
ของหนักออกจากอก แล้วก็พูดไปว่า โธ่....ไอ้เจ้ากรรม 2 ตัว
ทำให้ข้ากลัวเกือบตาย. จบ
เรื่องเล่า
จาก....ผู้เฒ่า นิรนาม
1 เมษายน 2566
โฆษณา